ศาลอาญาตัดสินคดี “ปลายรุ่ง พิศนุภูมิ” แม่น้องไทเกอร์ ที่จุดไฟทำให้เพลิงไหม้พื้นและฝาผนังบ้านแม่ผัว เสียหาย 8 หมื่น รอลงอาญา 2 ปี ขณะที่2แม่ลูกซาบซึ้งในความเมตตาก้มกราบผู้พิพากษา ก้มกราบศาล และสื่อมวลชนที่หลุดคดี วอนผู้จัดรายการ-เจ้าของหนังเรียกใช้น้องไทเกอร์ หาเงินค่าขนมและค่าเทอมเรียน ด้านน้องไทเกอร์หอบหมอนเตรียมนอนกับแม่ถ้าศาลตัดสินให้ติดคุก
วันนี้ (3 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 610 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางปลายรุ่ง พิศนุภูมิ อายุ 45 ปี มารดาของ ด.ช.ธนากร หรือน้องไทเกอร์ พิศนุภูมิ อายุ 6 ขวบ เป็นจำเลยในความผิดฐานลอบวางเพลิงเผาโรงเรือนผู้อื่น โดยวันนี้นางปรายรุ่งเดินทางมาศาลพร้อมด้วยน้องไทเกอร์
คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 50 ระบุว่าเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 43 เวลากลางวัน นางปลายรุ่ง พิศนุภูมิ จำเลยได้วางเพลิง ซึ่งเป็นโรงเรือนของนางบวรจิต เหมทานนท์ ผู้เสียหาย มารดาของนายจิตตินนท์ เหมทานนท์ สามีจำเลย โดยมีคนอยู่อาศัยเป็นเหตุให้เพลิงลุกไหม้พื้นและฝาผนังบ้านได้รับความเสียหาย คิดเป็นเงิน 80,000 บาท เหตุเกิดที่หมู่บ้านปิ่นเจริญ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. จำเลยให้การรับสารภาพ พร้อมนำสืบประกอบคำรับสารภาพว่า สาเหตุที่ก่อเหตุวางเพลิง เกิดจากความกดดันอันเนื่องมาจากมีปัญหาทะเลาะกับนายจิตตินนท์ สามี ซึ่งจำเลยไม่เคยมีประวัติกระทำความผิดทางอาญามาก่อน
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ทราบจากการเบิกความของนายจิตตินนท์ พยานโจทก์ว่า เมื่อปี 2543 ได้รับจำเลยเข้าไปพักอาศัยที่บ้านเกิดเหตุ โดยในวันที่ 25 เม.ย.43 นายจิตตินนท์ได้ขับรถไปส่งจำเลยไปทำงานที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 จนกระทั่งกลับมายังบ้านที่เกิดเหตุอีกครั้งในเวลา 15.00 น. พบว่าบ้านถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหายที่ชั้น 2 หลายจุด และมีกลิ่นน้ำมัน จึงได้ไปสอบถามเพื่อนบ้านข้างเคียงทราบว่าระหว่างเพลิงลุกไหม้พบจำเลยวิ่งออกมาจากบ้านที่เกิดเหตุ จึงแจ้งให้นางบวรจิต มารดาทราบ หลังจากนั้นจำเลยก็ไม่ได้กลับมาที่บ้านพักอีกเลย นอกจากนี้ โจทก์ยังมีพยานเป็นเพื่อนที่เห็นเหตุการณ์เบิกความว่าหลังจากเกิดเพลิงไหม้เห็นจำเลยวิ่งออกจากบ้านไปยังท้ายซอย เห็นว่าพยานที่เห็นเหตุการณ์ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อนจึงมีน้ำหนักรับฟังได้ พฤติการณ์ของจำเลยที่วิ่งหนีออกจากบ้านและไม่กลับมาอีกเป็นเรื่องผิดปกติของบุคคลทั่วไป เมื่อพิจารณาประกอบวัตถุพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุพบคราบน้ำมันที่พื้นชั้น 1 และเศษผ้าที่ไฟไหม้ไม่หมดมีกลิ่นน้ำมัน โดยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานมีความเห็นว่า เกิดจากการวางเพลิง ประกอบกับจำเลยให้การรับสารภาพ จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง
พิพากษาลงโทษจำคุกเป็นเวลา 5 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 2 ปี 6 เดือน ทั้งนี้ พิเคราะห์สาเหตุแห่งการกระทำผิดเกิดจากความกดดันที่ทะเลาะกับสามีเรื่องบุตรที่กำลังจะคลอด เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว และผู้เสียหายไม่ติดใจให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย นอกจากนี้ ผลการตรวจสอบพบว่าสภาพบ้านที่เกิดเหตุยังอยู่ในสภาพดี จำเลยไม่เคยกระทำผิดทางอาญามาก่อน ประกอบกับจำเลยมีภาระเลี้ยงดูบุตร มีเหตุให้จำเลยกลับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี
ทันทีที่ศาลมีคำพิพากษาดังกล่าว นางปลายรุ่งได้เดินเข้าไปยังหน้าบัลลังก์ พร้อมเรียกน้องไทเกอร์ให้เดินเข้าไปพร้อมกันก่อนจะก้มล้มกราบผู้พิพากษา พร้อมกับกล่าวขอบคุณที่เมตตาให้รอการลงโทษ
ภายหลัง นางปลายรุ่ง กล่าวว่า วันนี้น้องไทเกอร์เกรงว่าแม่จะต้องติดคุกเลยนำหมอนติดตัวมาด้วยเพื่อเข้าไปนอนในคุกเป็นเพื่อนแม่ ตลอดทางที่มาศาลนั่งร้องไห้มาด้วยกันตลอด รู้สึกซาบซึ้งในความกรุณาของศาลที่มีเมตตาต่อสองแม่ลูก ศาลเป็นที่พึ่งของผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส รวมทั้งสื่อมวลชนที่เมตตาช่วยลงข่าวมาโดยตลอด ทั้งนี้ฝากไปยังผู้จัดรายการไม่ว่าจะโทรทัศน์ หรือภาพยนตร์ ว่าขอให้เมตตาเรียกน้องไทเกอร์ไปร่วมงานแสดงด้วย เพื่อเป็นค่าขนมและค่าการเดินทางไปเรียนหนังสือของลูกชายด้วย นอกจากนี้ นางปลายรุ่งได้โชว์สมุดแสดงผลการเรียนของน้องไทเกอร์ที่เกรดเริ่มดีขึ้น โดยได่ผลการเรียนเกรด 4 ในวิชาคณิตศาสตร์ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ด้าน น้องไทเกอร์ กล่าวว่า ขอบคุณที่ศาลรอลงอาญาแม่ เพราะแม่จะได้เลี้ยงดูผม จะได้เป็นเพื่อนแม่ตลอดไป และผมจะตั้งใจเรียนเพื่อจะได้มีอนาคตที่ดีขึ้น รู้สึกดีใจที่ไม่ต้องกังวลเรื่องแม่อีก ที่ผ่านมาผมเกือบจะสอบตกเพราะกังวลที่แม่ต้องมีคดีขึ้นศาล ส่วนเรื่องการแสดงนั้นอยากจะเป็นพิธีกร หรือเล่นละครก็ได้ แล้วแต่ทางผู้จัดรายใดจะเมตตา ซึ่งหลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จสองแม่ลูกได้ก้มกราบขอบคุณศาลและสื่อมวลชนอีกครั้ง
วันนี้ (3 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 610 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางปลายรุ่ง พิศนุภูมิ อายุ 45 ปี มารดาของ ด.ช.ธนากร หรือน้องไทเกอร์ พิศนุภูมิ อายุ 6 ขวบ เป็นจำเลยในความผิดฐานลอบวางเพลิงเผาโรงเรือนผู้อื่น โดยวันนี้นางปรายรุ่งเดินทางมาศาลพร้อมด้วยน้องไทเกอร์
คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 50 ระบุว่าเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 43 เวลากลางวัน นางปลายรุ่ง พิศนุภูมิ จำเลยได้วางเพลิง ซึ่งเป็นโรงเรือนของนางบวรจิต เหมทานนท์ ผู้เสียหาย มารดาของนายจิตตินนท์ เหมทานนท์ สามีจำเลย โดยมีคนอยู่อาศัยเป็นเหตุให้เพลิงลุกไหม้พื้นและฝาผนังบ้านได้รับความเสียหาย คิดเป็นเงิน 80,000 บาท เหตุเกิดที่หมู่บ้านปิ่นเจริญ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. จำเลยให้การรับสารภาพ พร้อมนำสืบประกอบคำรับสารภาพว่า สาเหตุที่ก่อเหตุวางเพลิง เกิดจากความกดดันอันเนื่องมาจากมีปัญหาทะเลาะกับนายจิตตินนท์ สามี ซึ่งจำเลยไม่เคยมีประวัติกระทำความผิดทางอาญามาก่อน
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ทราบจากการเบิกความของนายจิตตินนท์ พยานโจทก์ว่า เมื่อปี 2543 ได้รับจำเลยเข้าไปพักอาศัยที่บ้านเกิดเหตุ โดยในวันที่ 25 เม.ย.43 นายจิตตินนท์ได้ขับรถไปส่งจำเลยไปทำงานที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 จนกระทั่งกลับมายังบ้านที่เกิดเหตุอีกครั้งในเวลา 15.00 น. พบว่าบ้านถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหายที่ชั้น 2 หลายจุด และมีกลิ่นน้ำมัน จึงได้ไปสอบถามเพื่อนบ้านข้างเคียงทราบว่าระหว่างเพลิงลุกไหม้พบจำเลยวิ่งออกมาจากบ้านที่เกิดเหตุ จึงแจ้งให้นางบวรจิต มารดาทราบ หลังจากนั้นจำเลยก็ไม่ได้กลับมาที่บ้านพักอีกเลย นอกจากนี้ โจทก์ยังมีพยานเป็นเพื่อนที่เห็นเหตุการณ์เบิกความว่าหลังจากเกิดเพลิงไหม้เห็นจำเลยวิ่งออกจากบ้านไปยังท้ายซอย เห็นว่าพยานที่เห็นเหตุการณ์ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อนจึงมีน้ำหนักรับฟังได้ พฤติการณ์ของจำเลยที่วิ่งหนีออกจากบ้านและไม่กลับมาอีกเป็นเรื่องผิดปกติของบุคคลทั่วไป เมื่อพิจารณาประกอบวัตถุพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุพบคราบน้ำมันที่พื้นชั้น 1 และเศษผ้าที่ไฟไหม้ไม่หมดมีกลิ่นน้ำมัน โดยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานมีความเห็นว่า เกิดจากการวางเพลิง ประกอบกับจำเลยให้การรับสารภาพ จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง
พิพากษาลงโทษจำคุกเป็นเวลา 5 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 2 ปี 6 เดือน ทั้งนี้ พิเคราะห์สาเหตุแห่งการกระทำผิดเกิดจากความกดดันที่ทะเลาะกับสามีเรื่องบุตรที่กำลังจะคลอด เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว และผู้เสียหายไม่ติดใจให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย นอกจากนี้ ผลการตรวจสอบพบว่าสภาพบ้านที่เกิดเหตุยังอยู่ในสภาพดี จำเลยไม่เคยกระทำผิดทางอาญามาก่อน ประกอบกับจำเลยมีภาระเลี้ยงดูบุตร มีเหตุให้จำเลยกลับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี
ทันทีที่ศาลมีคำพิพากษาดังกล่าว นางปลายรุ่งได้เดินเข้าไปยังหน้าบัลลังก์ พร้อมเรียกน้องไทเกอร์ให้เดินเข้าไปพร้อมกันก่อนจะก้มล้มกราบผู้พิพากษา พร้อมกับกล่าวขอบคุณที่เมตตาให้รอการลงโทษ
ภายหลัง นางปลายรุ่ง กล่าวว่า วันนี้น้องไทเกอร์เกรงว่าแม่จะต้องติดคุกเลยนำหมอนติดตัวมาด้วยเพื่อเข้าไปนอนในคุกเป็นเพื่อนแม่ ตลอดทางที่มาศาลนั่งร้องไห้มาด้วยกันตลอด รู้สึกซาบซึ้งในความกรุณาของศาลที่มีเมตตาต่อสองแม่ลูก ศาลเป็นที่พึ่งของผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส รวมทั้งสื่อมวลชนที่เมตตาช่วยลงข่าวมาโดยตลอด ทั้งนี้ฝากไปยังผู้จัดรายการไม่ว่าจะโทรทัศน์ หรือภาพยนตร์ ว่าขอให้เมตตาเรียกน้องไทเกอร์ไปร่วมงานแสดงด้วย เพื่อเป็นค่าขนมและค่าการเดินทางไปเรียนหนังสือของลูกชายด้วย นอกจากนี้ นางปลายรุ่งได้โชว์สมุดแสดงผลการเรียนของน้องไทเกอร์ที่เกรดเริ่มดีขึ้น โดยได่ผลการเรียนเกรด 4 ในวิชาคณิตศาสตร์ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ด้าน น้องไทเกอร์ กล่าวว่า ขอบคุณที่ศาลรอลงอาญาแม่ เพราะแม่จะได้เลี้ยงดูผม จะได้เป็นเพื่อนแม่ตลอดไป และผมจะตั้งใจเรียนเพื่อจะได้มีอนาคตที่ดีขึ้น รู้สึกดีใจที่ไม่ต้องกังวลเรื่องแม่อีก ที่ผ่านมาผมเกือบจะสอบตกเพราะกังวลที่แม่ต้องมีคดีขึ้นศาล ส่วนเรื่องการแสดงนั้นอยากจะเป็นพิธีกร หรือเล่นละครก็ได้ แล้วแต่ทางผู้จัดรายใดจะเมตตา ซึ่งหลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จสองแม่ลูกได้ก้มกราบขอบคุณศาลและสื่อมวลชนอีกครั้ง