xs
xsm
sm
md
lg

ไม่โหดร้ายไปหน่อยหรือ?

เผยแพร่:   โดย: ราวี เวียงพยัคฆ์

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ใช้งบกลางแจกจ่ายเงินให้พนักงาน ราชการ ลูกจ้างราชการ ข้าราชการที่มีรายได้ไม่เกิน 14,999 บาท จำนวน 1.3 ล้านคน และผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมจำนวน 8,138,815 คน

คนเหล่านี้จะได้รับการช่วยเหลือเป็นเงินคนละ 2,000 คน นัยว่าเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจ

รวมแล้วก็จะมีข้าราชการพนักงานผู้ใช้แรงงานที่อยู่ในระบบประกันตน 9.4 ล้านกว่าคน จะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล 2,000 บาท

เกษตรกร ชาวไร่ชาวนา พ่อค้าแม่ค้าหาบเร่แผงลอย คนขับแท็กซี่ ขับวินมอเตอร์ไซค์ ช่างดัดผม ช่างตัดผม ฯลฯ 40-50 ล้านคน จะไม่ได้รับความช่วยเหลือทำนองนี้จากรัฐบาลแต่อย่างใด

รัฐบาลอาจกำลังพิจารณาให้การช่วยเหลือด้วยวิธีอื่น

แต่ไม่ว่าจะให้ความช่วยเหลือด้วยวิธีการใด ที่แตกต่างไปจากควักเงินสดๆ ให้รายละ 2,000 บาท ประชาชนก็จะเห็นความแตกต่างของการให้ความช่วยเหลืออยู่ดี และก็อาจจะสงสัยว่า เขาก็สนับสนุนรัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีเหมือนกัน ทำไมเขาไม่ได้ 2,000 บาท

และเผลอๆ คนที่มีสิทธิได้ 2,000 บาท เขาอาจจะไม่ได้สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีเลยก็ได้

รัฐบาลอาจจะไม่ได้คิดเรื่องของคนสนับสนุน หรือไม่สนับสนุนหรอกครับ เพราะรัฐบาลนี้ประกาศแต่แรกแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนของประเทศไทย ก็จะดูแลเหมือนกันหมด

ไม่เหมือนนายกรัฐมนตรีบางคน จะดูแลเฉพาะจังหวัดที่ประชาชนเลือกสมาชิกพรรคของท่านเป็นนายกรัฐมนตรี หรือจังหวัดไหนที่เลือกสมาชิกพรรคของท่าน ก็จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ

แต่การแจก 2,000 บาท ให้คนประมาณ 9.4 ล้านคน ในขณะที่คนอีก 40-50 ล้านคนไม่ได้ รัฐบาลจะอธิบายว่าอย่างไร

การที่อยู่ๆ รัฐบาลก็ใจดีควักเงินออกมาแจก 2,000 บาท ให้กับข้าราชการ พนักงาน และผู้เอาประกันตนคนละ 2,000 บาท นี่เป็นวิธีการที่เรียกกันว่าประชานิยม อย่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเคยทำมาในช่วง 5-6 ปีที่บริหารประเทศหรือไม่?

ก็ต้องบอกว่า ไม่ได้แตกต่างกันเลย เพียงแต่วิธีการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แนบเนียนกว่า เป็นต้น นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้านๆ ละ 1 ล้านบาท และการพักชำระหนี้ให้เกษตรกรเพื่อให้เกษตรกรมีเวลาหายใจ เอาเงินที่จะต้องใช้หนี้ไปลงทุนเสียก่อน

ขณะที่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดำเนินนโยบายดังกล่าวนี้ พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคฝ่ายค้าน

ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ (ประชาชนก็เชื่อเช่นนั้น)

พรรคประชาธิปัตย์ออกมาโจมตีนโยบายที่เรียกกันว่า ประชานิยมของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็นนโยบายที่ไม่ก่อประโยชน์ในระยะยาวกับประชาชน ทำให้ประชาชนอ่อนแอ ทำให้ประชาชนคอยแบมือขอจากรัฐบาลแต่เพียงอย่างเดียว และว่าวิธีการดังกล่าวนี้เป็นการซื้อเสียงจากประชาชน

เป็นการเอาเงินภาษีของประชาชนไปซื้อเสียง

แต่เมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แห่งพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนในการจัดตั้งรัฐบาล ก็ประกาศออกมาชัดเจนว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลก่อน (รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์) ทำเอาไว้ เช่น ลดค่าไฟฟ้า รถไฟ รถเมล์ฟรี สำหรับประชาชน ฯลฯ รัฐบาลนี้จะขยายเวลาต่อไป เพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน

แถมมีมาตรการใหม่เอี่ยมอ่องแจกเงินคนละ 2,000 บาท สำหรับข้าราชการ พนักงานลูกจ้าง พนักงานรัฐวิสาหกิจ และผู้เอาประกันตนที่มีรายได้ 14,999 บาท

รัฐบาลไปเอาเงินจากไหนมาแจก?

รัฐบาลไปเกรงว่า ประชาชนกลุ่มนี้จะขาดวินัยทางการเงินหรือ?

รัฐบาลไปเกรงว่า นี่เป็นวิธีการซื้อเสียงล่วงหน้าวิธีการหนึ่งอย่างที่เคยวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรอกหรือ

และรัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือประชาชนกลุ่มอื่น ที่เขามิใช่มนุษย์เงินเดือนอย่างไร?

ที่เคยบอกว่า รัฐบาล (ทักษิณ) ควรจะทำให้ประชาชนยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง จะได้เข้มแข็งช่วยเหลือตัวเองได้ เพื่อที่จะทำให้หมู่บ้านก็ดี ชุมชนเมืองก็ดี อำเภอ จังหวัด และรวมกันเป็นประเทศเข้มแข็ง ยืนหยัดด้วยลำแข้งของตัวเอง พรรคประชาธิปัตย์ลืมเสียแล้วหรือ

หรือว่าไม่ลืม แต่ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ รู้ว่าประชาชนรักชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะนโยบายประชานิยม และทั้งที่รู้ว่านโยบายประชานิยมจะทำให้ประชาชนขาดวินัยทางการเงิน ประชาชนอ่อนแอ ช่วยตัวเองไม่ได้

แต่นี่คือคะแนนเสียง!

ถ้าเป็นเช่นนี้ไม่โหดร้ายกับประชาชนไปหน่อยหรือครับ

กำลังโหลดความคิดเห็น