“ปกรณ์” ออกตัวรับคุณสมบัติไม่เหมาะสมที่จะเป็น 1 ในคณะกรรมการสรรหากรรมการ ก.ล.ต. เหตุนั่งเป็นประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เป็นองค์กรภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานก.ล.ต. อ้างไม่มีการทาบทามก่อนหน้าหน้า พร้อมปฏิเสธรับตำแหน่งอีกรอบใหม่ หลังมีการปรับโครงสร้างบอร์ดสรรหาฯ ใหม่
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึง กรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีนโยบายจะปรับโครงสร้างคณะกรรมการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพราะคณะกรรมการสรรหากรรมการก.ล.ต.ขาดคุณสมบัติ ว่า ปัจจุบันคณะกรรมการสรรหาฯ มีทั้งหมดรวม 7 คน แต่ไม่ทราบว่ามีกรรมการสรรหาฯ จำนวนกี่คนที่มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน
“ผมยอมรับว่าตนเองขาดคุณสมบัติที่จะเป็นคณะกรรมการสรรหากรรมการของก.ล.ต. เนื่องจากตนดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งตามหลักแล้วไม่สามารถที่จะทำหน้าที่คัดเลือกกรรมการก.ล.ต.ได้ เพราะตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นองค์กรที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต.”
สำหรับเงื่อนไขในการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหากรรมการก.ล.ต. นั้น ผู้ที่จะมาทำหน้าที่จะต้องเคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สำนักงานก.ล.ต. จึงได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่ง แต่ขณะนั้นยังดำรงตำแหน่งประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกหนึ่งตำแหน่ง ดั้งนั้นจึงเป็นคุณสมบัติที่ไม่เหมาะสมที่จะเป็นคณะกรรมการสรรหาฯ ดังกล่าว
นายปกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากรมว.คลังจะมีการปรับโครงสร้างคณะกรรมการก.ล.ต. .ใหม่ จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสรรหากรรมการก.ล.ต.ใหม่ ซึ่งตนเองจะปฏิเสธที่จะเข้าไปทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการสรรคหาฯ อีก โดยที่ผ่านมาผู้ที่เสนอแต่งตั้งไม่ได้สอบถามความคิดเห็นของตนเองก่อน แต่เมื่อได้รับการแต่งตั้งแล้วจึงจำเป็นที่จะต้องเข้าไปทำหน้าที่ดังกล่าว
นายปกรณ์ กล่าวถึงกรณีของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ (TSFC) ว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯพร้อมเป็นแกนนำและตัวกลางในการเจรจากับทางผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ของ TSFC ในการปรับโครงสร้างหนี้ การเพิ่มทุนที่จะทำให้ TSFC สามารถที่จะดำเนินธุรกิจต่อไป
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึง กรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีนโยบายจะปรับโครงสร้างคณะกรรมการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพราะคณะกรรมการสรรหากรรมการก.ล.ต.ขาดคุณสมบัติ ว่า ปัจจุบันคณะกรรมการสรรหาฯ มีทั้งหมดรวม 7 คน แต่ไม่ทราบว่ามีกรรมการสรรหาฯ จำนวนกี่คนที่มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน
“ผมยอมรับว่าตนเองขาดคุณสมบัติที่จะเป็นคณะกรรมการสรรหากรรมการของก.ล.ต. เนื่องจากตนดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งตามหลักแล้วไม่สามารถที่จะทำหน้าที่คัดเลือกกรรมการก.ล.ต.ได้ เพราะตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นองค์กรที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต.”
สำหรับเงื่อนไขในการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหากรรมการก.ล.ต. นั้น ผู้ที่จะมาทำหน้าที่จะต้องเคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สำนักงานก.ล.ต. จึงได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่ง แต่ขณะนั้นยังดำรงตำแหน่งประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกหนึ่งตำแหน่ง ดั้งนั้นจึงเป็นคุณสมบัติที่ไม่เหมาะสมที่จะเป็นคณะกรรมการสรรหาฯ ดังกล่าว
นายปกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากรมว.คลังจะมีการปรับโครงสร้างคณะกรรมการก.ล.ต. .ใหม่ จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสรรหากรรมการก.ล.ต.ใหม่ ซึ่งตนเองจะปฏิเสธที่จะเข้าไปทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการสรรคหาฯ อีก โดยที่ผ่านมาผู้ที่เสนอแต่งตั้งไม่ได้สอบถามความคิดเห็นของตนเองก่อน แต่เมื่อได้รับการแต่งตั้งแล้วจึงจำเป็นที่จะต้องเข้าไปทำหน้าที่ดังกล่าว
นายปกรณ์ กล่าวถึงกรณีของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ (TSFC) ว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯพร้อมเป็นแกนนำและตัวกลางในการเจรจากับทางผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ของ TSFC ในการปรับโครงสร้างหนี้ การเพิ่มทุนที่จะทำให้ TSFC สามารถที่จะดำเนินธุรกิจต่อไป
