xs
xsm
sm
md
lg

เดอะมอลล์จับคู่พันธมิตร ลดต้นทุนทำตลาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายชำนาญ เมธปรีชากุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า ในปีนี้ทางบริษัทจะเน้นการทำตลาดแบบการจับคู่กับพันธมิตร เพื่อลดต้นทุนการทำตลาด อย่างเช่นเมื่อวันเด็กที่ผ่านมาได้ร่วมกับทางบริษัท ไทยเดนมาร์ก ในการจัดงานวันเด็ก และล่าสุดได้ร่วมกับพันธมิตร ได้แก่ การบินไทย โคคาโคล่า เบทาโกร และอีซูซุ เพื่อจับมือกันทำการตลาดในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้

นอกจากนี้การร่วมมือกับธุรกิจบริการทางบริษัทยังมีแผนที่จะร่วมมือกับพันธมิตรหลากหลายส่วนของภาคธุรกิจ อาทิ ธุรกิจสื่อสารมวลชน หนังสือและสำนักพิมพ์ต่างๆ เพื่อจับมือกันร่วมกันทำตลาดในการจัดกิจกรรมร่วมกัน เพื่อลดต้นทุนการทำตลาด ทั้งนี้กิจกรรมต่างๆที่ทางบริษัทจะจัดขึ้นจะครอบคลุมถึงทุกศูนย์ ทั้งเดอะมอลล์ทุกสาขา เอ็มโพเรียม และสยามพารากอน

ล่าสุดทางบริษัทใช้งบ 180 ล้านบาท ในการจัดแคมเปญฉลองตรุษจีนในปีนี้ ซึ่งทางบริษัทได้เตรียมความพร้อมเรื่องของรายการเครื่องเซ่นไหว้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ การคัดสรรคุณภาพและความครบครันของสินค้า โดยมั่นใจว่าในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้จะมีความคึกคักมากขึ้น เนื่องจากทางบริษัทมีการจัดกิจกรรมอาทิ กิจกรรม "อลังการงานประลองยุทธ์ สิงโตแซ่ซ้องฉลองตรุษจีน เสริมสิริมงคลชีวิต รับปีฉลู" รวมถึงปัจจัยทางเมืองที่เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น เชื่อว่าจะมียอดขายรวมกว่า 4, 000 ล้านบาท ซึ่งข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรคาดว่าในช่วงตรุษจีนนี้จะมีเม็ดเงินสะพัดเฉพาะในกรุงเทพฯกว่า 16,400 ล้านบาท

ด้านกลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายในช่วงเทศกาลตรุษจีนนอกจากเครื่องเซ่นไหว้เจ้าแล้วจะเป็นกลุ่ม Living เนื่องจากกลุ่มลูกค้าบางกลุ่มจะถือโอกาสเปลี่ยนเครื่องครัว ห้องนอน ซึ่งระยะนี้ถือเป็นโอกาสของการเติบโตในสินค้ากลุ่มนี้ กลุ่มที่สองจะเป็นกลุ่มเสื้อผ้า และเครื่องสำอาง

ทั้งนี้ยอดขายในช่วงต้นเดือนมกราคมและวันเด็กที่ผ่านมา มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการในเดอะมอลล์ มากกว่าปกติประมาณ 15-20% แต่ในส่วนของยอดขายนั้นไม่ได้เพิ่มมากขึ้นยังคงเป็นการจับจ่ายแบบปกติ เนื่องจากลูกค้าที่เข้ามาส่วนใหญ่จะเข้ามาเที่ยวกับครอบครัว หรือพาเด็กมาเที่ยวในงานวันเด็กที่ทางบริษัทได้จัดขึ้น แต่สิ่งที่ได้จากการการเข้ามาของลูกค้าจะเป็นในเชิงอารมณ์ที่มาส่งผลให้ทางบริษัทต้องเร่งหากลยุทธ์การตลาด เพื่อทำให้ยอดขายไม่ตก

ในส่วนของยอดจำนวนรถยนต์ที่เข้ามาใช้บริการในครึ่งเดือนแรกประมาณ 15% ซึ่งถือเป็นยอดการเติบโตปกติเมื่อเทียบกับช่วงเหตุการณ์ปกติ สำหรับในส่วนของยอดขายในครึ่งเดือนแรกยังไม่ค่อยกระเตื้องมากนัก โดยตั้งเป้าไว้ที่ 5 % ซึ่งก็สามารถเติบโตได้ตามเป้า ทั้งนี้มองว่าในช่องเวลาดังกล่าวเป็นโอกาสที่จะสามารถเติบโตได้มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้
กำลังโหลดความคิดเห็น