xs
xsm
sm
md
lg

"บุญทักษ์"ย้ำแผน3ปีทหารไทย มุ่งขยายเงินฝาก-พัฒนาบุคลากร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การเริ่มต้นเข้าสู่ปีฉลูหรือปีวัวในรอบนี้ หลายคนคงต้องยอมรับว่ามีความยากลำบากกว่าปีที่ผ่านๆ มา โดยในแง่มุมด้านเศรษฐกิจยังคงมีประเด็นที่ต้องจับตามองอีกหลายเรื่อง รวมถึงการดำเนินธุรกิจของภาคส่วนต่างๆ ซึ่งรวมถึงภาคธนาคารพาณิชย์ที่ยังเป็นประเด็นที่น่าเป็นห่วงทั้งในเรื่องการปล่อยสินเชื่อที่อาจขยายตัวได้น้อยตามภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงปริมาณหนี้เสียที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยในโอกาสเริ่มต้นปีใหม่นี้ 'นายบุญทักษ์ หวังเจริญ' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ได้ให้สัมภาษณ์ทาง 'ASTV ผู้จัดการรายวัน' เพื่อเปิดมุมมองเกี่ยวกับภาพรวมของธุรกิจ และแผนงานของธนาคารในปีนี้

แผนธุรกิจปีนี้เป็นอย่างไร

แผนที่เราใช้อยู่ในตอนนี้เป็นแผนระยะ 3 ปี โดยเน้นที่การเติบโตในด้านของเงินฝากเป็นตัวนำ ซึ่งในแผนที่ทำนั้นเรามองว่าจะมีการเติบโต ที่ค่อนข้างมาก ในปีนี้เราตั้งเป้าหมายให้สินเชื่อใหม่เติบโตอยู่ที่ 3% ซึ่งจะเป็นการเติบโตในส่วน ของสินเชื่อเอสเอ็มอีและสินเชื่อรายย่อย และอยาก ให้ส่วนของเงินฝากมีการเติบโตที่ 15% แม้ว่าใน ปีที่ผ่านมาสินเชื่อของเราจะมีการลดลงประมาณ 10%

ส่วนแผนการเปิดสาขานั้นคงต้องดูเป็นรายไตรมาส เพราะหากในไตรมาสไหนไปได้ดี เศรษฐกิจไม่ชะลอก็จะมีการเปิดเพิ่ม ก็คงจะมีการทำไปตามสภาพ แต่หากทุกอย่างในปีนี้ไปได้ดีก็คงจะมีการเปิดเพิ่มประมาณ 40 สาขา

'เรื่องการปรับลดพนักงานนั้น เราไม่มีแผนเรื่องนี้เลย เพราะจากจำนวนพนักงานที่มีอยู่ประมาณ 9 พันคน ถ้าเราคงไว้เท่าเดิมบนแผนที่เราต้องการจะเติบโตในส่วนต่างๆ นั้นถ้าทำได้ก็ถือว่าเก่งแล้ว แต่ที่ผ่านมาเราได้มีการจัดโครงสร้างใหม่ โดยมีการให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางมากขึ้น มีการแยกส่วนของการทำธุรกิจการให้สินเชื่อออกมาอย่างชัดเจน เช่น การแยกส่วนของเอสเอ็มอีออกมา เป็นต้น และในโครงสร้างใหม่นี้เราได้มีการให้โอกาสพนักงาน มากขึ้น แต่ก็มีพนักงานบางคนที่ไม่อยากอยู่ในโครงสร้างใหม่ เราก็ได้มีการจัดแพกเกจให้'

สำหรับแผนที่เราต้องการเน้นการเติบโตของเงินฝากนั้น เป็นเพราะว่าถ้าเราจะมุ่งเรื่องสินเชื่อก็คงทำได้ไม่ยาก เพราะถึงแม้ลูกค้าจะไม่ได้ชอบธนาคารนี้ แต่ถ้าเราปล่อยกู้ให้เขาก็จะมา แต่การเพิ่มขึ้นของเงินฝากนี้จะสะท้อนให้เห็นเลยว่าถ้าลูกค้าไม่ชอบ หรือไม่เชื่อมั่นเราก็จะไม่นำมาฝากแน่นอน ดังนั้น การที่เน้นด้านเงินฝากเพราะว่าจะเป็นส่วนที่วัดเรื่องของการบริการได้ และเวลาที่ลูกค้ามาที่ธนาคารเราก็จะเห็นถึงความต้องการอื่นๆ ของลูกค้า และจะสามารถตอบโจทย์ของลูกค้า รวมถึงจะมีความสัมพันธ์กับลูกค้ามากขึ้นด้วย

ด้านของการทำกำไรปีนี้ยังเชื่อว่าผลประกอบ การน่าจะยังมีกำไร แต่ก็ต้องรอดูว่าจะทำได้มาก หรือน้อยแค่ไหน ส่วนของระบบธนาคารพาณิชย์ ก็คงจะยังมีกำไรเหมือนกัน แต่คงจะลดลง เพราะต้องมีการตั้งสำรองมากขึ้นตามแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ซึ่งในส่วนของธนาคารมองว่าในปีนี้ตัวเอ็นพีแอลก่อนหักสำรองน่าจะอยู่ที่ 9% ส่วนเอ็นพีแอลหักสำรองแล้ว(สุทธิ) น่าจะอยู่ที่ต่ำกว่า 7%บนสมมติฐานที่มีการขยายหนี้เอ็นพีแอลและทรัพย์สินรอการขาย (เอ็นพีเอ) จำนวน 35,000 ล้านบาท ออกไปแล้ว

ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวมีการปรับตัวอย่างไร

ในส่วนของธนาคารทหารไทยนั้น จริงๆแล้วได้มีการปรับตัวมาตั้งแต่ปีก่อนแล้ว โดยได้ มีการลงระบบเรื่องของกระบวนการด้านเครดิต การป้องกันความเสี่ยงต่างๆให้เป็นมาตรฐานสากลมากขึ้น ส่วนสินเชื่อแนวโน้มสินเชื่อจะเป็นอย่างไรก็ต้องรอดูเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจะ มีการพัฒนาธุรกิจได้ดีแค่ไหนนั้น เรามองว่าเราทำได้ดี เพราะปัจจุบันนี้เรามีระบบที่ดีมาก ระบบ การให้บริการด้านธุรกรรมเราน่าจะถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการที่ดีที่สุดในไทย เราเป็นแห่งเดียวที่มีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) 2 บริษัท และมีผลิตภัณฑ์เงินฝากที่ครบวงจร

'ในปีที่แล้วซึ่งถือว่าเป็นปีแรกที่เข้ามา บริหารงาน สิ่งแรกที่อยากทำก็คือการปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งก็ได้เดินหน้าทำมาตลอด ส่วนสิ่งที่จะทำในปีนี้ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สองนั้น ก็คือการฝึกอบรมพนักงาน โดยในปีนี้ได้ตั้ง งบประมาณในส่วนนี้ไว้มากกว่าปีที่แล้วถึง 300% หรือประมาณ 200-300 ล้านบาท โดยจะเน้นมากที่สุดคือในเรื่องของการให้บริการ'

มองแนวคิดที่รัฐจะเลื่อนใช้บาเซิล 2 อย่างไร

การจะเลื่อนใช้บาเซิล 2 นั้น จะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่โดยรวมแล้วระบบธนาคารของไทยมีความเข้มแข็งพอในเรื่องของเงินทุน และถ้าใช้บาเซิล 2 ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรและคงไม่ได้กระทบอะไรมาก เพราะการปล่อยสินเชื่อใหม่นั้นคงต้องดูที่ความต้องการสินเชื่อและความเสี่ยงในด้านเครดิตมากกว่า

ส่วนนโยบายของรัฐด้านอื่น เช่น การที่จะให้บรรษัทค้ำประกันสินเชื่อรายย่อย (บสย.) เข้ามาช่วยค้ำประกันการกู้เงินของผู้ประกอบการ เอสเอ็มอีนั้น มองว่าเป็นสิ่งที่ดีเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะจำนวนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีจำนวนมาก และถ้าเป็นการประกันบนพอร์ตสินเชื่อก็จะง่ายขึ้น แต่ก็ต้องดูในส่วนอื่นประกอบด้วย คือแนวคิดหลักการดี แต่การปฏิบัติอาจจะยากก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่ต้องดู

สรุปแล้วสิ่งที่น่าห่วงในปีนี้คืออะไร

ตอนนี้ทุกคนรู้ว่ามีประเด็นอะไรบ้างที่ต้อง ติดตามอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสภาพ คล่อง เศรษฐกิจที่ไม่เติบโต ปัญหาคนตกงาน รวมถึงปัญหาคุณภาพหนี้หรือเอ็นพีแอลที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้น แม้ว่าจะรู้ทุกอย่างว่าสิ่งเหล่านี้ คงจะเกิดขึ้นแน่นอน แต่ที่ทุกคนประเมินไม่ได้ก็คือมันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และมีความรุนแรงขนาดไหน แต่สิ่งดีอย่างหนึ่งของไทยก็คือ ช่วงที่มีความวุ่นวายทางการเมืองซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่ถือว่าเป็นการเรียนรู้เรื่องระบอบประชาธิปไตยนั้น ทางภาคการผลิตไม่ได้มีการขยายกำลังการ ผลิตจึงทำให้เราได้รับผลกระทบที่น้อยกว่าประเทศอื่น
กำลังโหลดความคิดเห็น