ไม่มีอะไรที่ตื่นเต้นกับการลุ้นผลเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเมื่อวานนี้ (11ม.ค.) คนกรุงเทพฯ ตัดสินยกเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.ให้พรรคประชาธิปัตย์ไปครองอีกครั้ง โดยผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตรได้คะแนนเสียงทิ้งห่างคู่แข่งคนอื่นแบบม้วนเดียวจบ
การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งนี้ เป็นการป้องกันแชมป์ของพรรคประชาธิปัตย์เป็นหนที่สองในรอบไม่กี่เดือน
เหตุจากที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน จำใจลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ที่เขาได้กลับมาเป็นผู้ว่าฯกทม.รอบสอง แต่นั่งในตำแหน่งได้เพียงเดือนเศษ ก็โดนป.ป.ช.ชี้มูลความผิดพัวพันการทุจริตในคดีจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกทม. ซึ่งนายสมัคร สุนทรเวช ทิ้งบอมบ์ไว้ให้
พรรคประชาธิปัตย์ต้องกระโดดลงมาลุยสังเวียนเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เพื่อรักษาสมบัติเก่าไว้ แล้วก็สามารถทำได้ ส่งม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยึดเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.เป็นคนที่สองของพรรค
นับว่าการตัดสินใจเลือกส่งผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีกระบวนการสรรหาภายในพรรคอย่างเข้มข้นเพื่อเฟ้นตัวผู้สมัคร พิจารณาตัวคนอยู่หลายคน จนกระทั่งมาเคาะกันที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
ต้องยอมรับว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีภาพลักษณ์ที่ดี อันเห็นได้จากการทำงานการเมืองในเวทีระดับชาติมานาน ยังไม่เคยปรากฏเรื่องเสียหายมาระคายชื่อเสียงเลย นอกจากนั้นยังได้เปรียบที่คุณชายมีชาติวุฒิพ่วงมาด้วย รวมแล้วคุณสมบัติคุณชายสุขุมพันธุ์ ก็เรียกคะแนนนิยมได้ไม่น้อย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กระโดดลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ในจังหวะที่พรรคกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น เพราะช่วงนี้ความนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่ายังแรงอยู่ และรวมทั้งฐานเสียงเดิมของพรรคก็หนาแน่นและแน่นอนจำนวนหนึ่ง
ประสานกับคะแนนเสียงของกลุ่มการเมืองภาคประชาชนอย่าง “กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ที่เทคะแนนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กลายเป็นแรงประสานที่ส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ไปเป็นผู้ว่าฯกทม.ได้โดยไม่มีแรงเบียด ไร้ปัจจัยเสี่ยง เข้าป้ายแบบม้วนเดียวจบ
อย่างไรก็ตาม ต้องขอแสดงความเสียใจกับผู้สมัครทุกคนที่สอบตกในคราวนี้ โดยเฉพาะนายแก้วสรร อติโพธิ ที่ตั้งใจอาสาเข้ามาทำงานให้คนกรุง ซึ่งหากเปรียบเทียบตัวตนของผู้สมัครทั้งหมดแล้ว นายแก้วสรร เป็นตัวเลือกที่น่าเลือกทีเดียว
เนื่องจากนายแก้วสรรเป็นคนที่เคยพิสูจน์การทำงานใหญ่ให้แก่ประเทศชาติหลายด้านมาแล้ว เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ทั้งยังมีความซื่อสัตย์แบบไม่กลัวใครอีกด้วย
ยิ่งเมื่อดูนโยบายของผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.หนนี้ นโยบายของนายแก้วสรร นับว่าก้าวหน้าที่สุด เพราะได้เสนอนโยบายแก้ปัญหากทม.ครอบคลุมหลายด้าน ตั้งแต่นโยบายการวางผังเมืองจนถึงเรื่องปากท้องของชาวเมืองหลวง
ทุกนโยบายและแนวทางการแก้ปัญหาของนายแก้วสรร ฟังแล้วล้วนแต่เป็นเรื่องที่สามารถทำให้เป็นจริงได้ทั้งสิ้น
แม้แต่ในโค้งสุดท้าย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็ยังแสดงความชื่นชมกับนโยบายของนายแก้วสรร ถึงกับเอ่ยปากขอยืมนโยบายนายแก้วสรรไปทำต่อ ถ้าได้เป็นผู้ว่าฯกทม. หากพูดจริงและทำได้จริง ก็คงจะเป็นประโยชน์กับชาวเมืองหลวงไม่น้อย
ทั้งนี้ ต้องยกย่องว่า นายแก้วสรร ลงมาสมัครชิงผู้ว่าฯกทม.ได้สร้างรูปแบบใหม่ให้กับสนามผู้ว่าฯกทม. ที่ผู้สมัครจะต้องเสนอนโยบายของตัวเองมาให้คนกทม.พิจารณาเป็นสำคัญ ไม่ใช่เลือกกันในรูปแบบเก่าที่พิจารณาแต่ตัวคนเด่น คนดังเท่านั้น
เมื่อพูดถึงตัวผู้สมัครอื่น ก็อยากจะกล่าวถึงม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ ปลื้ม ทำคะแนนได้ตกกว่าเป้าไปเยอะ ประเด็นนี้อาจจะเพราะชาวเมืองกรุงคงเห็นและพิจารณาการเสนอตัว และนโยบายของเขาอยู่พักหนึ่ง ก็ได้ข้อสรุปถึงผู้สมัครคนนี้ว่า เป็นของไม่จริง
และผลลัพธ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนให้แก่ตัวเขาด้วยว่า ลำพังแต่ความเป็นดาราคนดังในจอทีวีนั้น ยังไม่พอที่จะเสนอตัวมาคว้าตำแหน่งสร้างบ้านสร้างเมือง
ผู้ว่าฯกทม.เป็นตำแหน่งสำคัญทางการเมือง เป็นตำแหน่งที่ต้องการคนดี มีความสามารถ และมีความซื่อสัตย์ ตลอดถึงผู้ที่จะเป็นผู้ว่าฯกทม.จะต้องมีจิตใจที่เสียสละอย่างสูง เพราะกทม.เป็นเมืองใหญ่ที่มีปัญหาให้ทำ ให้แก้ไขรอบด้าน
แต่ที่ผ่านมา ผู้ว่าฯกทม.ในอุดมคติยังไม่แจ้งเกิด หลายสมัยมาแล้วคนกทม.เลือกคนที่คิดว่าคนดีคนเก่งจะเข้าไปทำงานให้แก่ชาวเมืองหลวงได้ แต่คนแล้วคนเล่าที่เลือกเข้าไปก็ไม่ได้ตรงอย่างที่คิดไว้สักคน
โดยเฉพาะผู้ว่าฯกทม.ในช่วงหลังนี้เกือบทกคนมีปัญหาพัวพันการทุจริตคอร์รัปชั่นทั้งสิ้น ตัวอย่างจาก นายพิจิตต รัตตกุล มีเรื่องส่อว่าทุจริตโครงการจัดซื้อที่โครงการที่จอดรถสำนักงานเขตบางซื่อ นายสมัคร สุนทรเวช ก็อย่างที่ทราบกันดีกับการเรียกรับเงินหัวคิวจากบริษัทญี่ปุ่น และโครงการซื้อรถดับเพลิงและเรือดับเพลิง ที่เขาเซ็นสัญญาทิ้งทวนในวันสุดท้ายของตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. และรายล่าสุด ก็เป็นนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ต้องคดีในเรื่องเดียวกับนายสมัคร
เมื่อม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้มาเป็นผู้ว่าฯกทม.ที่จะต้องบริหารงบประมาณปีละ 6 หมื่นกว่าล้านบาท คุณชายสุขุมพันธุ์ จะกล้าประกาศต่อคนกรุงเทพฯหรือไม่ว่า ในสมัยของท่านจะไม่มีปัญหาเรื่องทุจริตเหมือนผู้ว่าฯกทม.คนก่อนๆ
การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งนี้ เป็นการป้องกันแชมป์ของพรรคประชาธิปัตย์เป็นหนที่สองในรอบไม่กี่เดือน
เหตุจากที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน จำใจลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ที่เขาได้กลับมาเป็นผู้ว่าฯกทม.รอบสอง แต่นั่งในตำแหน่งได้เพียงเดือนเศษ ก็โดนป.ป.ช.ชี้มูลความผิดพัวพันการทุจริตในคดีจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกทม. ซึ่งนายสมัคร สุนทรเวช ทิ้งบอมบ์ไว้ให้
พรรคประชาธิปัตย์ต้องกระโดดลงมาลุยสังเวียนเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เพื่อรักษาสมบัติเก่าไว้ แล้วก็สามารถทำได้ ส่งม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยึดเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.เป็นคนที่สองของพรรค
นับว่าการตัดสินใจเลือกส่งผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีกระบวนการสรรหาภายในพรรคอย่างเข้มข้นเพื่อเฟ้นตัวผู้สมัคร พิจารณาตัวคนอยู่หลายคน จนกระทั่งมาเคาะกันที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
ต้องยอมรับว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีภาพลักษณ์ที่ดี อันเห็นได้จากการทำงานการเมืองในเวทีระดับชาติมานาน ยังไม่เคยปรากฏเรื่องเสียหายมาระคายชื่อเสียงเลย นอกจากนั้นยังได้เปรียบที่คุณชายมีชาติวุฒิพ่วงมาด้วย รวมแล้วคุณสมบัติคุณชายสุขุมพันธุ์ ก็เรียกคะแนนนิยมได้ไม่น้อย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กระโดดลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ในจังหวะที่พรรคกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น เพราะช่วงนี้ความนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่ายังแรงอยู่ และรวมทั้งฐานเสียงเดิมของพรรคก็หนาแน่นและแน่นอนจำนวนหนึ่ง
ประสานกับคะแนนเสียงของกลุ่มการเมืองภาคประชาชนอย่าง “กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ที่เทคะแนนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กลายเป็นแรงประสานที่ส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ไปเป็นผู้ว่าฯกทม.ได้โดยไม่มีแรงเบียด ไร้ปัจจัยเสี่ยง เข้าป้ายแบบม้วนเดียวจบ
อย่างไรก็ตาม ต้องขอแสดงความเสียใจกับผู้สมัครทุกคนที่สอบตกในคราวนี้ โดยเฉพาะนายแก้วสรร อติโพธิ ที่ตั้งใจอาสาเข้ามาทำงานให้คนกรุง ซึ่งหากเปรียบเทียบตัวตนของผู้สมัครทั้งหมดแล้ว นายแก้วสรร เป็นตัวเลือกที่น่าเลือกทีเดียว
เนื่องจากนายแก้วสรรเป็นคนที่เคยพิสูจน์การทำงานใหญ่ให้แก่ประเทศชาติหลายด้านมาแล้ว เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ทั้งยังมีความซื่อสัตย์แบบไม่กลัวใครอีกด้วย
ยิ่งเมื่อดูนโยบายของผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.หนนี้ นโยบายของนายแก้วสรร นับว่าก้าวหน้าที่สุด เพราะได้เสนอนโยบายแก้ปัญหากทม.ครอบคลุมหลายด้าน ตั้งแต่นโยบายการวางผังเมืองจนถึงเรื่องปากท้องของชาวเมืองหลวง
ทุกนโยบายและแนวทางการแก้ปัญหาของนายแก้วสรร ฟังแล้วล้วนแต่เป็นเรื่องที่สามารถทำให้เป็นจริงได้ทั้งสิ้น
แม้แต่ในโค้งสุดท้าย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็ยังแสดงความชื่นชมกับนโยบายของนายแก้วสรร ถึงกับเอ่ยปากขอยืมนโยบายนายแก้วสรรไปทำต่อ ถ้าได้เป็นผู้ว่าฯกทม. หากพูดจริงและทำได้จริง ก็คงจะเป็นประโยชน์กับชาวเมืองหลวงไม่น้อย
ทั้งนี้ ต้องยกย่องว่า นายแก้วสรร ลงมาสมัครชิงผู้ว่าฯกทม.ได้สร้างรูปแบบใหม่ให้กับสนามผู้ว่าฯกทม. ที่ผู้สมัครจะต้องเสนอนโยบายของตัวเองมาให้คนกทม.พิจารณาเป็นสำคัญ ไม่ใช่เลือกกันในรูปแบบเก่าที่พิจารณาแต่ตัวคนเด่น คนดังเท่านั้น
เมื่อพูดถึงตัวผู้สมัครอื่น ก็อยากจะกล่าวถึงม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ ปลื้ม ทำคะแนนได้ตกกว่าเป้าไปเยอะ ประเด็นนี้อาจจะเพราะชาวเมืองกรุงคงเห็นและพิจารณาการเสนอตัว และนโยบายของเขาอยู่พักหนึ่ง ก็ได้ข้อสรุปถึงผู้สมัครคนนี้ว่า เป็นของไม่จริง
และผลลัพธ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนให้แก่ตัวเขาด้วยว่า ลำพังแต่ความเป็นดาราคนดังในจอทีวีนั้น ยังไม่พอที่จะเสนอตัวมาคว้าตำแหน่งสร้างบ้านสร้างเมือง
ผู้ว่าฯกทม.เป็นตำแหน่งสำคัญทางการเมือง เป็นตำแหน่งที่ต้องการคนดี มีความสามารถ และมีความซื่อสัตย์ ตลอดถึงผู้ที่จะเป็นผู้ว่าฯกทม.จะต้องมีจิตใจที่เสียสละอย่างสูง เพราะกทม.เป็นเมืองใหญ่ที่มีปัญหาให้ทำ ให้แก้ไขรอบด้าน
แต่ที่ผ่านมา ผู้ว่าฯกทม.ในอุดมคติยังไม่แจ้งเกิด หลายสมัยมาแล้วคนกทม.เลือกคนที่คิดว่าคนดีคนเก่งจะเข้าไปทำงานให้แก่ชาวเมืองหลวงได้ แต่คนแล้วคนเล่าที่เลือกเข้าไปก็ไม่ได้ตรงอย่างที่คิดไว้สักคน
โดยเฉพาะผู้ว่าฯกทม.ในช่วงหลังนี้เกือบทกคนมีปัญหาพัวพันการทุจริตคอร์รัปชั่นทั้งสิ้น ตัวอย่างจาก นายพิจิตต รัตตกุล มีเรื่องส่อว่าทุจริตโครงการจัดซื้อที่โครงการที่จอดรถสำนักงานเขตบางซื่อ นายสมัคร สุนทรเวช ก็อย่างที่ทราบกันดีกับการเรียกรับเงินหัวคิวจากบริษัทญี่ปุ่น และโครงการซื้อรถดับเพลิงและเรือดับเพลิง ที่เขาเซ็นสัญญาทิ้งทวนในวันสุดท้ายของตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. และรายล่าสุด ก็เป็นนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ต้องคดีในเรื่องเดียวกับนายสมัคร
เมื่อม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้มาเป็นผู้ว่าฯกทม.ที่จะต้องบริหารงบประมาณปีละ 6 หมื่นกว่าล้านบาท คุณชายสุขุมพันธุ์ จะกล้าประกาศต่อคนกรุงเทพฯหรือไม่ว่า ในสมัยของท่านจะไม่มีปัญหาเรื่องทุจริตเหมือนผู้ว่าฯกทม.คนก่อนๆ