xs
xsm
sm
md
lg

ชี้ปมฆ่าตัวตายมหาเศรษฐีเยอรมนี ‘อาย-เสียหน้า’รุนแรงกว่า‘การเจ๊ง’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รอยเตอร์/เอเอฟพี –กรณีการฆ่าตัวตายของอดอล์ฟ เมอร์คเคิล มหาเศรษฐีเยอรมนีวัย 74 ปี เมื่อวันจันทร์ (5) ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตระบุ น่าจะมีสาเหตุมาจากความรู้สึกอับอายอย่างรุนแรงมากกว่าการประสบขาดทุนในช่วงวิกฤตการณ์การเงินโลก
“นักอุตสาหกรรมที่สูญเสียเงินในตลาดหุ้นมีแรงจูงใจในการฆ่าตัวตายต่างไปจากกรณีคุณพ่อลูกหกตัดสินใจฆ่าตัวตายเพราะตกงาน” เด็ตเลฟ ลีปมานน์ ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาเศรษฐกิจแห่งมหาวิทยาลัยฟรียูนิเวอร์ซิตี้ ในกรุงเบอร์ลินกล่าว
“ชีวิตความเป็นอยู่ของเมอร์คเคิลย่อมไม่ถูกคุกคามจากการลงทุนอย่างเสี่ยงๆ ของเขา แต่เขาถูกคุกคามจากความรู้สึกอับอาย เสียหน้า และการสูญเสียเกียรติ” ลีปมานน์เสริม
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เมอร์คเคิลตัดสินใจกระโดดให้รถไฟชนเมื่อวันจันทร์ เขาก็ได้ขึ้นทำเนียบเปป็นหนึ่งในหลายๆ นักลงทุนระดับมหาเศรษฐีของโลกที่ปิดฉากชีวิตด้วยน้ำมือตนเองในวิกฤตเศรษฐกิจระลอกนี้
โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว เทียรี มากอง เดอ ลา วิลล์ฮูเชต์ ชาวฝรั่งเศสวัย 65 ปี ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทบริหารการเงิน “แอคเซส อินเตอร์เนชันแนล” ก็ตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการกรีดข้อมือตนเองในสำนักงานที่นิวยอร์ก หลังจากที่ถูกเบอร์นาร์ด แมดอฟฟ์ โกงเงินลูกค้าของเขาไปถึง 1,400 ล้านดอลลาร์
“คนแบบเมอร์คเคิลอาจมีแรงจูงใจที่จะประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นคนที่มีความรู้สึกอ่อนไหวมากด้วย” เกอร์ริต กราล นักจิตบำบัดคนหนึ่งในแฟรงค์เฟิร์ตกล่าว กราล มีคนไข้ในความดูแลสูงถึงปีละ 400 คน และในจำนวนนี้เป็นคนไข้ที่มาจากกลุ่มอาชีพนักบริหารและนักการธนาคารเป็นสัดส่วนสูงกว่าวิชาชีพอื่นๆ
“โชคร้ายที่เขาฆ่าตัวตายไปเสียก่อน ทั้งๆ ที่เราสามารถรักษาเขาได้ มีหลายคนที่เผชิญกับสภาพการณ์แบบเดียวกันนี้แล้วบอกว่า ‘ช่างหัวมันเถอะ’ พวกเขาจะมองหาทางที่จะรักษาชีวิตที่เหลืออยู่ไว้และไม่คิดจะฆ่าตัวตายไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
ทั้งนี้ มาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก(WHO) ได้เตือนตั้งแต่เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วว่า วิกฤตการณ์การเงินโลกอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตและการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น “มีหลักฐานชัดเจนว่าการฆ่าตัวตายนั้นมีความเกี่ยวข้องกับวิกฤตการณ์ทางการเงิน ดิฉันไม่ได้พูดถึงกรณีเศรษฐีกระโดดตึกฆ่าตัวตาย แต่กำลังพูดถึงคนยากคนจนด้วย”
จริงอยู่ที่เมอร์คเคิลไม่ได้เลือกวิธีกระโดดตึก แต่เขาก็กลายศพอยู่ข้างทางรถไฟใกล้บ้านของเขาทางตอนใต้ของเมืองบลอบิวเรน ละทิ้งอาณาจักรธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีพนักงานมากถึงราว 100,000 คนกับยอดขายต่อปีที่สูงถึง 30,000 ล้านยูโร (40,000 ล้านดอลลาร์) ไปหลังจากที่เขาประสบขาดทุนไปหลายร้อยล้านยูโรจากการลงทุนผิดพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการลงทุนในกิจการโฟล์กสวาเกนจนมียอดขาดทุนสูงถึง 400 ล้านยูโร
เมื่อเดือนที่แล้ว เมอร์คเคิลเพิ่งให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ แฟรงค์เฟิร์ตเตอร์ ออลเกเมน ไซตุง ว่าสิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดที่สุดก็คือ “ผมกำลังถูกโจมตีและถูกวาดภาพให้เป็นนักพนันคนหนึ่ง”
กราลวิเคราะห์ว่า “เขา (เมอร์คเคิล) เป็นคนที่ทุ่มเททั้งชีวิตให้กับการทำงานหนักเพื่อทำสิ่งที่ดี แต่กลับพบว่าทุกอย่างพังทลายลงไป เขามองเห็นความล้มเหลวทางการเงินและรู้สึกว่าตนเองล้มเหลว สภาพจิตใจของคนแบบนี้จะคอยมองแต่ด้านลบในชีวิตของตนและไม่ค่อยเห็นด้านดี คนพวกนี้จึงรู้สึกผิดและอับอายขายหน้า”
อนึ่ง ยังมีกรณีการฆ่าตัวตายในทำนองเดียวกันนี้อีกหลายกรณี เช่นที่อังกฤษ เคิร์ก สตีเฟนสัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของบริษัทลงทุนเอกชน”โอลิแวนต์” ถูกรถไฟชนเสียชีวิตที่กรุงลอนดอนเมื่อเดือนกันยายน ต่อมาศาลมีคำตัดสินว่าเป็นการฆ่าตัวตาย
ส่วนที่บราซิล นักค้าหุ้นรายหนึ่งยิงตัวเองที่ตลาดซื้อขายล่วงหน้าโภคภัณฑ์ในกรุงเซาเปาโลเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่เขาได้รับการช่วยชีวิตไว้ได้ทัน ทว่าที่ลอสแองเจลิส คาร์ทิค ราชาราม ผู้บริหารการเงินวัย 45 ปีตัดสินใจฆั่วตายพร้อมครอบครัวเมื่อเดือนตุลาคม ราชารามได้เขียนจดหมายเล่าสาเหตุว่าเป็นเพราะเขาหมดตัวจากการลงทุนในตลาดหุ้น

**แบงก์ให้อาณาจักรธุรกิจของเมอร์คเคิลกู้**

หลังจากมหาเศรษฐกิจเยอรมัน อดอล์ฟ เมอร์คเคิล ฆ่าตัวตายไป 2 วัน กลุ่มธุรกิจ “วีอีเอ็ม” ของเขาได้แถลงในวันพุธ(7)ว่า สามารถทำข้อตกลงกับแบงก์ต่างๆ ซึ่งจะปล่อยเงินกู้ระยะสั้นมาช่วยต่อชีวิต โดยมีเงื่อนไขว่า ทางกลุ่มธุรกิจจะต้องยอมตัดขาย เรโชฟาร์มา บริษัทเวชภัณฑ์สามัญประจำบ้าน และให้ ลุกวิก บุตรชายของเมอร์คเคิล ออกจากบริษัทไป
แหล่งข่าวหลายรายบอกกับเอเอฟพีว่า เงินกู้ที่พวกแบงก์ให้แก่วีอีเอ็มนี้มีมูลค่า 400 ล้านยูโร (545 ล้านดอลลาร์) ขณะที่นักวิเคราะห์บอกว่า ถ้าวีอีเอ็มต้องตัดขายเพียงเรโชฟาร์ม ก็ถือว่ายังรักษาธุรกิจส่วนใหญ่เอาไว้ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น