เกิดเหตุระเบิดดังสนั่นทำเนียบฯ อุกอาจหลังห้องทำงานนายกรัฐมนตรี พิรุธวันประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง "จงรัก" เจ้าเก่าโบ้ยทันทีว่าเป็นระเบิดตกค้างของพันธมิตรฯ อ้างจมูกหมาแพ้กลิ่นน้ำเน่า ดมหาระเบิดไม่หมด สั่งตรวจเข้มก่อนจัดงานวันเด็ก "สุเทพ" บอกนึกว่าเสียงประทัด ยืนยันไม่ล้มเลิกงานวันเด็ก
เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (8 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงซึ่งประกอบด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม และว่าที่ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลา 13.55 น. ซึ่งนายกรัฐมนตรี และคณะกำลังประชุมกันอยู่ ก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหว คล้ายเสียงระเบิด เกิดขึ้นทางด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมกับมีกลุ่มควันสีขาวลอยออกมาจากบริเวณฝาท่อระบายน้ำ ซึ่งอยู่ระหว่างด้านหน้าอาคารสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และหน้าตึกสันติไมตรีหลังใน ด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้าซึ่งเป็นห้องทำงานของนายกรัฐมนตรี
หลังเกิดเหตุ ทั้งตำรวจรักษาความปลอดภัย ข้าราชการ และช่างภาพ ผู้สื่อข่าว ต่างพากันวิ่งไปยังจุดต้นเสียง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในที่เกิดเหตุแจ้งว่า มีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นลูกจ้างประจำ ฝ่ายดูแลสถานที่ ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สวมใส่ชุดที่น้ำตาล 3 คน ประกอบด้วย นายบุญนาค ออเขาย้อย นายธีรชัย ช่างประดับ และนายแดง พรมมืด ได้เข้าตรวจสอบสถานที่ทั่วบริเวณทำเนียบรัฐบาล เพื่อเตรียมจัดงานวันเด็ก ในวันเสาร์ที่ 10 ม.ค.นี้
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้ยกฝาท่อระบายน้ำที่เผยออยู่ให้เข้าที่ ด้วยการนำตะแกรงเหล็กปิดท่อระบายน้ำกระแทกฝาปูนระบายน้ำซ้ำลงไป ระหว่างการกระแทกดังกล่าวได้เกิดเสียงระเบิดขึ้น และด้วยความตกใจจึงวิ่งหนีออกจากที่เกิดเหตุ แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
นายแดง พรมมืด หนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ให้สัมภาษณ์ด้วยอาการตกใจว่า ตนและเจ้าหน้าที่อีก 2 คน กำลังจัดเตรียมสถานที่เพื่อจัดงานวันเด็ก กำลังตรวจดูฝาท่อน้ำต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กตกลงไป ทั้งนี้ฝาท่อดังกล่าวโดยปกติจะต้องปิดสนิท แต่อาจเป็นเพราะรถขัดผ่านมาเหยียบ ทำให้ฝาท่อขยับเผยอขึ้น จึงต้องเข้าไปขยับเพื่อให้เข้าที่ แต่ก็เกิดเสียงดังพร้อมกับมีควันขึ้นมาตามท่อระบายน้ำ เสียงที่ดังทำให้หูอื้อ แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพบที่เกิดเหตุ ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่างภาพ ผู้สื่อข่าว และข้าราชการประจำทำเนียบฯ ได้เข้าไปดูที่เกิดเหตุอย่างใกล้ชิด โดยยังไม่มีเจ้าหน้าที่มากันเป็นพื้นที่อันตราย ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลตึกไทยคู่ฟ้า เห็นว่ามีคนเข้ามามุ่งดูเหตุการณ์ใกล้ชิด จึงพยายามนำกรวยจราจรสีส้มมาวางไว้รอบๆ แต่ไม่ได้ห้ามเข้าใกล้แต่อย่างใด
ทั้งนี้ภายหลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัณ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเปิดเผยว่า เท่าที่ดูในเบื้องต้น สะเก็ดระเบิดไม่น่ามีอันตรายอะไร ซึ่งมีคนงาน 3 คนอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ไม่ได้รับอันตราย หลังจากนี้จะมีการเชิญคนงานทั้ง 3 คน มาสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง และจะต้องมีการตรวจสอบพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ทั้งที่ผ่านมามีการตรวจสอบกันหลายรอบแล้ว
"จงรัก"สรุปทันทีระเบิดของพันธมิตรฯ
ต่อมา เวลา 14.50 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับให้สัมภาษณ์ว่า เบื้องต้นระเบิดที่พบไม่ใช่ของใหม่ที่มีใครนำมาวาง แต่เป็นของเก่าที่ตกค้างท่ออยู่ เป็นระเบิดปิงปองชนิดดินดำ ไม่ร้ายแรง ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย ทั้งนี้ การตรวจสอบระเบิดก่อนหน้านี้ ที่ไม่พบในจุดนี้ คาดว่าน่าจะเป็นเพราะบริเวณนี้ใกล้น้ำครำ ทำให้สุนัขตำรวจดมกลิ่นไม่พบ
อย่างไรก็ตามในวันที่ 9 ม.ค. เวลา 09.00 น. จะมีการเปิดท่อระบายน้ำทั้งหมด เพื่อตรวจสอบบริเวณพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่จะมีการจัดงานวันเด็ก ยืนยันว่า การจัดงานวันเด็กยังสามารถจัดงานได้ตามปกติ โดย ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งให้ตำรวจจะดูแลความปลอดภัยเป็นพิเศษในช่วงวันเด็ก
ด้านพล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐาน กล่าวภายหลังนำทีมตรวจวัตถุระเบิดในที่เกิดเหตุ ว่า กองพิสูจน์หลักฐานได้จัดกำลังเข้าตรวจพิสูจน์เหตุระเบิด จากการตรวจพิสูจน์จะนำวัตถุพยาน เข้าห้องแล๊ปอีกครั้งว่าเป็นระเบิดชนิดไหน เบื้องต้นประเมินว่า ไม่ใช่เป็นการวางระเบิด คงหลงเหลือจาการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งนี้ระเบิดดังกล่าวถ้าน้ำซึมเข้าไป ก็ไม่สามารถทำงานได้ เพราะเป็นระเบิดแรงดันต่ำอานุภาพไม่ร้ายแรง อย่างไรก็ตาม คงต้องใช้เวลา 2 วัน ในการตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังเกิดเหตุระเบิด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของทำเนียบรัฐบาล ได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่อย่างใกล้ชิด ทั้งๆไม่ใช่เจ้าหน้าที่พิสูจน์วัตถุระเบิด แถมยังมีการเปิดฝาท่อตรวจสอบภายในโชว์ให้ช่างภาพ และผู้สื่อข่าวดูอย่างใกล้ชิด โดยไม่หวั่นเกรงว่าจะมีเหตุระเบิดซ้ำตามมา กระทั่งสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ตำรวจและข้าราชการส่วนหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำไมไม่มีการกั้นเป็นพื้นที่อันตราย ทั้งๆที่รู้ชัดเจนแล้วว่าเป็นเหตุระเบิด และเป็นการบังเอิญที่มาเกิดเหตุระหว่างที่มีการประชุมด้านความมั่นคง
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าพิสูจน์หลักฐาน ระบุว่า ก่อนที่จะเปิดใช้ทำเนียบรัฐบาล ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองพิสูจน์หลักฐานวัตถุแปลกปลอมได้เข้าตรวจสอบอย่างละเอียดไปแล้ว และทางกทม.ได้มีการนำรถน้ำแรงดันสูงเข้าฉีดล้างท่อและถนนภายในและบริเวณโดยรอบทำเนียบฯหลายครั้ง
ตรวจเข้มก่อนจัดงานวันเด็กฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุกว่าครึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้นำเชือกสีเหลืองมากั้นเป็นพื้นที่ห้ามเข้า จากนั้นทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จากสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ ได้เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ พร้อมเครื่องมือตรวจพิสูจน์หลักฐาน
พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล ยืนยันว่าเหตุระเบิดไม่ถือเป็นการเย้ยการประชุมความมั่นคง เชื่อว่าวันเสาร์นี้ จะสามารถจัดงานวันเด็กได้ คงไม่มีใครก่อเหตุในวันเด็ก
อย่างไรก็ตามเสียงระเบิดดังกล่าวไม่ได้ส่งผลให้การประชามความมั่นคงสะดุดลง ยังคงประชุมต่ออีกประมาณครึ่งชั่วโมง จึงเลิกการประชุม
พ.ต.อ. นิตินัย ไชยพิเดช ผู้กำกับการกองบังคับการ 4 ตำรวจสันติบาล 3 กล่าวถึงการตรวจสอบสถานที่ภายในทำเนียบฯก่อนจัดงานวันเด็กว่า วันนี้ (9ม.ค.) จะเริ่มตรวจค้นวัตถุระเบิดภายในทำเนียบฯ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. โดยจะมีการเปิดฝ่าท่อทั้งหมด ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาในการตรวจค้นหาวัตถุระเบิดเสร็จสิ้นภายในวันเดียว และจะเน้นในพื้นที่ปิด เช่น ท่อที่มีฝากท่อปูนปิดอยู่
"สุเทพ" นึกว่าเสียงประทัด
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ในที่ประชุมด้านความมั่นคง ขณะเกิดเหตุระเบิด กล่าวว่า ได้ยินเสียงเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าเป็นเสียงระเบิด คิดว่าเป็นประทัด ซึ่งในที่ประชุมก็ไม่ได้ตกใจอะไร เพราะไม่คิดว่าเป็นระเบิด และนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเป็นช่วงที่กำลังจะเลิกประชุมพอดี ก็มีเจ้าหน้าที่มารายงาน และคนที่มารายงานก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญอะไร ตนยังถามว่า เป็นระเบิดของจริง หรือไม่ บางคนยังบอกว่าเป็นประทัดเลย บางคนก็บอกเป็นระเบิดปิงปอง
เมื่อถามว่าระเบิดที่เกิดขึ้น ถือเป็นการท้าทายรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อย่าจินตนาการไปไกลขนาดนั้น มันอาจจะเป็นระเบิดที่ตกค้างอยู่ตั้งแต่เมื่อไรก็ได้ วันนี้เจ้าหน้าที่เขามาเก็บกวาดให้สะอาดเพราะใกล้วันเด็ก ก็ต้องให้เขาตรวจสอบให้เต็มที่ เมื่อถามว่าจะต้องมีการเพิ่มการระมัดระวังให้มากกว่านี้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรมากกว่านี้
เมื่อถามว่าเมื่อเกิดเหตุระเบิดอย่างนี้ ในวันเสาร์ที่จะจัดงานวันเด็ก ที่ทำเนียบฯ จะยกเลิกหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ยังจัดอยู่แน่นอน และกว่าจะถึงวันเด็ก เจ้าหน้าที่ก็เก็บกวาดเรียบร้อยหมดแล้วทุกตารางนิ้ว
หาทางจัดการเว็บหมิ่นสถาบันฯ
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ในการประชุมฝ่ายความมั่นคง ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันเรื่องการหมิ่น หรือละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยสื่ออิเลคทรอนิค หรือเว็บไซต์ เพื่อซักซ้อมการปฏิบัติ และร่วมมือกันปกป้องสถาบันฯ อันเป็นที่เคารพรักของคนไทยทุกคน ซึ่งได้มีการกำหนดกรอบบ้างแล้ว โดยเราเห็นว่าทุกคนยังมีอิสระเสรีในการสื่อสาร แต่คงยอมไม่ได้หากจะไปละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งในทางปฏิบัติคงต้องไปดำเนินการกันว่าจะทำอย่างไร ตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือว่ามีหน้าที่รับผิดชอบหมด หากทำหน้าที่กันอย่างแข็งแรง ก็สามารถที่จะดูแลบ้านเมืองได้ และจากวันนี้ไปเราก็จะติดตามว่างานที่แต่ละหน่วยงานรับผิดชอบ เป็นอย่างไร โดยได้เร่งให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า การละเมิดสถาบันฯนั้น มีการทำผ่านทางสถานีวิทยุชุมชนด้วย จะเข้าไปดูแลอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ต้องเข้าไปติดตามดูแลทุกแห่ง ไม่ว่าจะผ่านสื่ออะไร ซึ่งเว็บไซต์ที่ละเมิดสถาบันฯที่ผ่านมาก็จะมีปิดเปิดอยู่ตลอด เราก็ต้องดู อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ที่เป็นของต่างประเทศ เราอาจจะควบคุมไม่ได้ แต่พูดจากับเขาได้ ซึ่งขณะนี้ต่างประเทศเขาเข้าใจประเทศไทยมากขึ้นว่าเป็นอย่างไร
เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (8 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงซึ่งประกอบด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม และว่าที่ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลา 13.55 น. ซึ่งนายกรัฐมนตรี และคณะกำลังประชุมกันอยู่ ก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหว คล้ายเสียงระเบิด เกิดขึ้นทางด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมกับมีกลุ่มควันสีขาวลอยออกมาจากบริเวณฝาท่อระบายน้ำ ซึ่งอยู่ระหว่างด้านหน้าอาคารสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และหน้าตึกสันติไมตรีหลังใน ด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้าซึ่งเป็นห้องทำงานของนายกรัฐมนตรี
หลังเกิดเหตุ ทั้งตำรวจรักษาความปลอดภัย ข้าราชการ และช่างภาพ ผู้สื่อข่าว ต่างพากันวิ่งไปยังจุดต้นเสียง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในที่เกิดเหตุแจ้งว่า มีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นลูกจ้างประจำ ฝ่ายดูแลสถานที่ ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สวมใส่ชุดที่น้ำตาล 3 คน ประกอบด้วย นายบุญนาค ออเขาย้อย นายธีรชัย ช่างประดับ และนายแดง พรมมืด ได้เข้าตรวจสอบสถานที่ทั่วบริเวณทำเนียบรัฐบาล เพื่อเตรียมจัดงานวันเด็ก ในวันเสาร์ที่ 10 ม.ค.นี้
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้ยกฝาท่อระบายน้ำที่เผยออยู่ให้เข้าที่ ด้วยการนำตะแกรงเหล็กปิดท่อระบายน้ำกระแทกฝาปูนระบายน้ำซ้ำลงไป ระหว่างการกระแทกดังกล่าวได้เกิดเสียงระเบิดขึ้น และด้วยความตกใจจึงวิ่งหนีออกจากที่เกิดเหตุ แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
นายแดง พรมมืด หนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ให้สัมภาษณ์ด้วยอาการตกใจว่า ตนและเจ้าหน้าที่อีก 2 คน กำลังจัดเตรียมสถานที่เพื่อจัดงานวันเด็ก กำลังตรวจดูฝาท่อน้ำต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กตกลงไป ทั้งนี้ฝาท่อดังกล่าวโดยปกติจะต้องปิดสนิท แต่อาจเป็นเพราะรถขัดผ่านมาเหยียบ ทำให้ฝาท่อขยับเผยอขึ้น จึงต้องเข้าไปขยับเพื่อให้เข้าที่ แต่ก็เกิดเสียงดังพร้อมกับมีควันขึ้นมาตามท่อระบายน้ำ เสียงที่ดังทำให้หูอื้อ แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพบที่เกิดเหตุ ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่างภาพ ผู้สื่อข่าว และข้าราชการประจำทำเนียบฯ ได้เข้าไปดูที่เกิดเหตุอย่างใกล้ชิด โดยยังไม่มีเจ้าหน้าที่มากันเป็นพื้นที่อันตราย ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลตึกไทยคู่ฟ้า เห็นว่ามีคนเข้ามามุ่งดูเหตุการณ์ใกล้ชิด จึงพยายามนำกรวยจราจรสีส้มมาวางไว้รอบๆ แต่ไม่ได้ห้ามเข้าใกล้แต่อย่างใด
ทั้งนี้ภายหลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัณ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเปิดเผยว่า เท่าที่ดูในเบื้องต้น สะเก็ดระเบิดไม่น่ามีอันตรายอะไร ซึ่งมีคนงาน 3 คนอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ไม่ได้รับอันตราย หลังจากนี้จะมีการเชิญคนงานทั้ง 3 คน มาสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง และจะต้องมีการตรวจสอบพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ทั้งที่ผ่านมามีการตรวจสอบกันหลายรอบแล้ว
"จงรัก"สรุปทันทีระเบิดของพันธมิตรฯ
ต่อมา เวลา 14.50 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับให้สัมภาษณ์ว่า เบื้องต้นระเบิดที่พบไม่ใช่ของใหม่ที่มีใครนำมาวาง แต่เป็นของเก่าที่ตกค้างท่ออยู่ เป็นระเบิดปิงปองชนิดดินดำ ไม่ร้ายแรง ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย ทั้งนี้ การตรวจสอบระเบิดก่อนหน้านี้ ที่ไม่พบในจุดนี้ คาดว่าน่าจะเป็นเพราะบริเวณนี้ใกล้น้ำครำ ทำให้สุนัขตำรวจดมกลิ่นไม่พบ
อย่างไรก็ตามในวันที่ 9 ม.ค. เวลา 09.00 น. จะมีการเปิดท่อระบายน้ำทั้งหมด เพื่อตรวจสอบบริเวณพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่จะมีการจัดงานวันเด็ก ยืนยันว่า การจัดงานวันเด็กยังสามารถจัดงานได้ตามปกติ โดย ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งให้ตำรวจจะดูแลความปลอดภัยเป็นพิเศษในช่วงวันเด็ก
ด้านพล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐาน กล่าวภายหลังนำทีมตรวจวัตถุระเบิดในที่เกิดเหตุ ว่า กองพิสูจน์หลักฐานได้จัดกำลังเข้าตรวจพิสูจน์เหตุระเบิด จากการตรวจพิสูจน์จะนำวัตถุพยาน เข้าห้องแล๊ปอีกครั้งว่าเป็นระเบิดชนิดไหน เบื้องต้นประเมินว่า ไม่ใช่เป็นการวางระเบิด คงหลงเหลือจาการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งนี้ระเบิดดังกล่าวถ้าน้ำซึมเข้าไป ก็ไม่สามารถทำงานได้ เพราะเป็นระเบิดแรงดันต่ำอานุภาพไม่ร้ายแรง อย่างไรก็ตาม คงต้องใช้เวลา 2 วัน ในการตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังเกิดเหตุระเบิด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของทำเนียบรัฐบาล ได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่อย่างใกล้ชิด ทั้งๆไม่ใช่เจ้าหน้าที่พิสูจน์วัตถุระเบิด แถมยังมีการเปิดฝาท่อตรวจสอบภายในโชว์ให้ช่างภาพ และผู้สื่อข่าวดูอย่างใกล้ชิด โดยไม่หวั่นเกรงว่าจะมีเหตุระเบิดซ้ำตามมา กระทั่งสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ตำรวจและข้าราชการส่วนหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำไมไม่มีการกั้นเป็นพื้นที่อันตราย ทั้งๆที่รู้ชัดเจนแล้วว่าเป็นเหตุระเบิด และเป็นการบังเอิญที่มาเกิดเหตุระหว่างที่มีการประชุมด้านความมั่นคง
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าพิสูจน์หลักฐาน ระบุว่า ก่อนที่จะเปิดใช้ทำเนียบรัฐบาล ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองพิสูจน์หลักฐานวัตถุแปลกปลอมได้เข้าตรวจสอบอย่างละเอียดไปแล้ว และทางกทม.ได้มีการนำรถน้ำแรงดันสูงเข้าฉีดล้างท่อและถนนภายในและบริเวณโดยรอบทำเนียบฯหลายครั้ง
ตรวจเข้มก่อนจัดงานวันเด็กฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุกว่าครึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้นำเชือกสีเหลืองมากั้นเป็นพื้นที่ห้ามเข้า จากนั้นทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จากสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ ได้เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ พร้อมเครื่องมือตรวจพิสูจน์หลักฐาน
พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล ยืนยันว่าเหตุระเบิดไม่ถือเป็นการเย้ยการประชุมความมั่นคง เชื่อว่าวันเสาร์นี้ จะสามารถจัดงานวันเด็กได้ คงไม่มีใครก่อเหตุในวันเด็ก
อย่างไรก็ตามเสียงระเบิดดังกล่าวไม่ได้ส่งผลให้การประชามความมั่นคงสะดุดลง ยังคงประชุมต่ออีกประมาณครึ่งชั่วโมง จึงเลิกการประชุม
พ.ต.อ. นิตินัย ไชยพิเดช ผู้กำกับการกองบังคับการ 4 ตำรวจสันติบาล 3 กล่าวถึงการตรวจสอบสถานที่ภายในทำเนียบฯก่อนจัดงานวันเด็กว่า วันนี้ (9ม.ค.) จะเริ่มตรวจค้นวัตถุระเบิดภายในทำเนียบฯ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. โดยจะมีการเปิดฝ่าท่อทั้งหมด ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาในการตรวจค้นหาวัตถุระเบิดเสร็จสิ้นภายในวันเดียว และจะเน้นในพื้นที่ปิด เช่น ท่อที่มีฝากท่อปูนปิดอยู่
"สุเทพ" นึกว่าเสียงประทัด
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ในที่ประชุมด้านความมั่นคง ขณะเกิดเหตุระเบิด กล่าวว่า ได้ยินเสียงเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าเป็นเสียงระเบิด คิดว่าเป็นประทัด ซึ่งในที่ประชุมก็ไม่ได้ตกใจอะไร เพราะไม่คิดว่าเป็นระเบิด และนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเป็นช่วงที่กำลังจะเลิกประชุมพอดี ก็มีเจ้าหน้าที่มารายงาน และคนที่มารายงานก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญอะไร ตนยังถามว่า เป็นระเบิดของจริง หรือไม่ บางคนยังบอกว่าเป็นประทัดเลย บางคนก็บอกเป็นระเบิดปิงปอง
เมื่อถามว่าระเบิดที่เกิดขึ้น ถือเป็นการท้าทายรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อย่าจินตนาการไปไกลขนาดนั้น มันอาจจะเป็นระเบิดที่ตกค้างอยู่ตั้งแต่เมื่อไรก็ได้ วันนี้เจ้าหน้าที่เขามาเก็บกวาดให้สะอาดเพราะใกล้วันเด็ก ก็ต้องให้เขาตรวจสอบให้เต็มที่ เมื่อถามว่าจะต้องมีการเพิ่มการระมัดระวังให้มากกว่านี้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรมากกว่านี้
เมื่อถามว่าเมื่อเกิดเหตุระเบิดอย่างนี้ ในวันเสาร์ที่จะจัดงานวันเด็ก ที่ทำเนียบฯ จะยกเลิกหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ยังจัดอยู่แน่นอน และกว่าจะถึงวันเด็ก เจ้าหน้าที่ก็เก็บกวาดเรียบร้อยหมดแล้วทุกตารางนิ้ว
หาทางจัดการเว็บหมิ่นสถาบันฯ
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ในการประชุมฝ่ายความมั่นคง ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันเรื่องการหมิ่น หรือละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยสื่ออิเลคทรอนิค หรือเว็บไซต์ เพื่อซักซ้อมการปฏิบัติ และร่วมมือกันปกป้องสถาบันฯ อันเป็นที่เคารพรักของคนไทยทุกคน ซึ่งได้มีการกำหนดกรอบบ้างแล้ว โดยเราเห็นว่าทุกคนยังมีอิสระเสรีในการสื่อสาร แต่คงยอมไม่ได้หากจะไปละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งในทางปฏิบัติคงต้องไปดำเนินการกันว่าจะทำอย่างไร ตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือว่ามีหน้าที่รับผิดชอบหมด หากทำหน้าที่กันอย่างแข็งแรง ก็สามารถที่จะดูแลบ้านเมืองได้ และจากวันนี้ไปเราก็จะติดตามว่างานที่แต่ละหน่วยงานรับผิดชอบ เป็นอย่างไร โดยได้เร่งให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า การละเมิดสถาบันฯนั้น มีการทำผ่านทางสถานีวิทยุชุมชนด้วย จะเข้าไปดูแลอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ต้องเข้าไปติดตามดูแลทุกแห่ง ไม่ว่าจะผ่านสื่ออะไร ซึ่งเว็บไซต์ที่ละเมิดสถาบันฯที่ผ่านมาก็จะมีปิดเปิดอยู่ตลอด เราก็ต้องดู อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ที่เป็นของต่างประเทศ เราอาจจะควบคุมไม่ได้ แต่พูดจากับเขาได้ ซึ่งขณะนี้ต่างประเทศเขาเข้าใจประเทศไทยมากขึ้นว่าเป็นอย่างไร
