ระเบิดในทำเนียบ เย้ยประชุมความมั่นคง ด้าน “ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน” โยนขี้ “พันธมิตร” สรุปทันทีระเบิดตกค้าง ขณะที่ “พล.ต.อ.จงรัก” อ้างจมูกหมาแพ้กลิ่นน้ำเน่า ดมหาระเบิดไม่หมด
เมื่อเวลา 13.55 น. วันที่ 8 ม.ค. ระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กำลังประชุมร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในตึกไทยคู่ฟ้า จู่ๆมีเสียงดังสนั่นหวั่นไหว คล้ายเสียงระเบิด เกิดขึ้นทางด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมกับมีกลุ่มควันสีขาวลอยออกมาจากบริเวณฝาท่อระบายน้ำ ซึ่งอยู่ระหว่างด้านหน้าอาคารสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและหน้าตึกสันติไมตรีหลังใน ด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเป็นห้องทำงานของนายกรัฐมนตรี
หลังเกิดเสียงคล้ายระเบิดดังสนั่นลั่นทำเนียบ ทั้งตำรวจรักษาความปลอดภัย ข้าราชการ และช่างภาพ ผู้สื่อข่าวต่างพากันวิ่งไปยังเสียงที่เป็นจุดเกิดเหตุ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในที่เกิดเหตุแจ้งว่ามีเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นลูกจ้างประจำ ฝ่ายดูแลสถานที่ ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สวมใส่ชุดที่น้ำตาล 3 คน ประกอบด้วย นายบุญนาค ออเขาย้อย นายธีรชัย ช่างประดับ และนายแดง พรมมืด ได้เข้าตรวจสอบสถานที่ทั่วบริเวณทำเนียบรัฐบาล เพื่อเตรียมความพร้อมของสถานที่จัดงานวันเด็ก ในวันเสาร์ที่ 10 ม.ค.นี้
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้ยกฝาท่อระบายน้ำที่ตะแคงให้เข้าที่ด้วยการนำตะแกรงเหล็กปิดท่อระบายน้ำกระแทกฝาปูนระบายน้ำซ้ำลงไป ระหว่างกระแทกดังกล่าว ได้เกิดเสียงดังสนั่น และเกิดความตกใจวิ่งหนีออกจากที่เกิดเหตุ แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
ด้านนายแดง พรมมืด หนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ให้สัมภาษณ์ด้วยอาการตกใจว่า ผมและเจ้าหน้าที่อีก 2 คนกำลังจัดเตรียมสถานที่เพื่อใช้ในงานวันเด็ก กำลังตรวจดูตามฝาท่อน้ำต่างๆเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กตกลงไป ทั้งนี้ฝาท่อดังกล่าวโดยปกติจะต้องปิดสนิท แต่อาจเป็นเพราะรถขัดผ่านมาเหยียบทำให้ฝาท่อขยับ จึงต้องเข้าไปยกเพื่อให้เข้าที่ แต่ก็เกิดเสียงดังพร้อมกับมีควันขึ้นมาตามท่อระบายน้ำ เสียงที่ดังทำให้อื้อ แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพบที่เกิดเหตุ ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่างภาพ ผู้สื่อข่าวและข้าราชการประจำทำเนียบได้เข้าไปดูที่เกิดเหตุอย่างใกล้ชิด โดยยังไม่มีเจ้าหน้าที่มากันเป็นพื้นที่อันตราย ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลตึกไทยคู่ฟ้าเห็นว่า มีคนเข้ามามุ่งดูเหตุการณ์ใกล้ชิด จึงพยายามนำกรวยจราจรสีส้มมาวางไว้รอบๆ แต่ไม่ได้ห้ามเข้าใกล้แต่อย่างใด ทำให้กลุ่มช่างภาพและกลุ่มผู้สื่อข่าวส่วนหนึ่งที่กำลังรอทำข่าวต่างวิ่งกรูเพื่อไปตรวจสอบถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น เพื่อรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ภายหลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัณ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเปิดเผยว่า เท่าที่ดูในเบื้องต้น สะเก็ดระเบิดไม่น่ามีอันตรายอะไร ซึ่งมีคนงาน 3 คนอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ไม่ได้รับอันตราย หลังจากนี้จะมีการเชิญคนงานทั้ง 3 คน มาสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง อย่างก็ตามจะมีการตรวจสอบพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ที่ผ่านมามีการตรวจสอบหลายรอบแล้ว
จากนั้นเวลา 14.50 น.พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับให้สัมภาษณ์ว่า เบื้องต้นระเบิดที่พบไม่ใช่ของใหม่ที่มีใครมาวาง แต่เป็นของเก่าที่ตกค้างท่ออยู่ เป็นระเบิดปิงปองชนิดดินดำ ไม่ร้ายแรง ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย ทั้งนี้การตรวจสอบระเบิดก่อนหน้านี้ที่ไม่พบในจุดนี้คาดว่าน่าจะเป็นเพราะใกล้น้ำคลำทำให้สุนัขตำรวจดมกลิ่นไม่พบ
อย่างไรก็ตามในวันที่ 9 ม.ค. เวลา 09.00 น.จะมีการเปิดท่อระบายน้ำทั้งหมด เพื่อตรวจสอบบริเวณพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่จะมีการจัดงานวันเด็ก ยืนยันว่า การจัดงานวันเด็กยังสามารถจัดงานได้ตามปกติ โดย ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งให้ตำรวจจะดูแลความปลอดภัยเป็นพิเศษในช่วงวันเด็ก
ด้าน พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐาน กล่าวภายหลังนำทีมตรวจวัตถุระเบิดในที่เกิดเหตุ ว่า กองพิสูจน์หลักฐานได้จัดกำลังเข้าตรวจพิสูจน์เหตุระเบิด จากากรตรวจพิสูจน์จะนำวัตถุพยานห้องแล็บอีกครั้งว่าเป็นระเบิดชนิดไหน เบื้องต้นประเมินว่าไม่ใช่เป็นการวางระเบิด คงหลงเหลือจาการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งนี้ระเบิดดังกล่าวถ้าน้ำซึมเข้าไปก็ไม่สามารถทำงานได้ เพราะเป็นระเบิดแรงดันต่ำอานุภาพไม่ร้ายแรง อย่างไรก็ตามคงต้องใช้เวลา 2 วันในการตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของทำเนียบรัฐบาล ได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่อย่างใกล้ชิด ทั้งๆ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่พิสูจน์วัตถุระเบิด แถมยังมีการเปิดฝาท่อตรวจสอบภายในโชว์ให้ช่างภาพและผู้สื่อข่าวดูอย่างใกล้ชิด โดยไม่หวั่นเกรงว่าจะมีเหตุระเบิดซ้ำตามมาอีกรอบ กระทั่งสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจและข้าราชการส่วนหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำไมไม่มีการกั้นเป็นพื้นที่อันตราย ทั้งๆ ที่รู้ชัดเจนแล้วว่าเป็นเหตุระเบิด และช่างบังเอิญที่มาเกิดเหตุระหว่างที่มีการประชุมความมั่นคง
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าพิสูจน์หลักฐาน คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นระเบิดที่ตกค้างจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ทั้งๆ ที่พันธมิตรฯ เลิกชุมนุมในทำเนียบตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค. และได้ส่งมอบพื้นที่คืนตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. โดยก่อนที่จะเปิดใช้ทำเนียบรัฐบาล ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองพิสูจน์หลักฐานวัตถุแปลกปลอมได้เข้าตรวจสอบอย่างละเอียด และทาง กทม.ได้มีการนำรถน้ำแรงดันสูงเข้าฉีดล้างท่อและถนนภายในและบริเวณโดยรอบทำเนียบหลายครั้ง
จากนั้นหลังเกิดเหตุกว่าครึ่งชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้นำเชือกสีเหลืองมากั้นเป็นพื้นที่ห้ามเข้า จากนั้นทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จากสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ ได้เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ พร้อมเครื่องมือตรวจพิสูจน์หลักฐาน
ด้าน พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บังคับการตำรวจสันติบาลยืนยันว่าเหตุระเบิดไม่ถือเป็นการเย้ยการประชุมความมั่นคง เชื่อว่าวันเสาร์นี้จะสารมารถจัดงานวันเด็กได้ คงไม่มีใครก่อเหตุในวันเด็ก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเกิดเหตุระเบิดดังขึ้น ทางเจ้าหน้าที่หน้าห้องประชุมความมั่นคง เปิดเผยว่า ได้ยินเสียงดังสนั่น แต่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และในตึกไทยคู่ฟ้าได้ยินเสียงดังชัดเจนมาก อย่างไรก็ตามเสียงระเบิดดังกล่าวไม่ได้ส่งผลให้การประชามความมั่นคงสะดุดลงยังคงประชุมต่ออีกประมาณครึ่งชั่วโมง จึงเลิกการประชุม