xs
xsm
sm
md
lg

‘ปอร์เช่’เทคโอเวอร์ ‘โฟล์ก’ประกาศซื้อหุ้นเกิน 50% แล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเอฟพี – “ปอร์เช่” ผู้ผลิตรถสปอร์ตหรูหราราคาแพงสัญชาติเยอรมัน แถลงว่าประสบความสำเร็จในการเข้าเทคโอเวอร์ “โฟล์กสวาเกน” บริษัทรถยนต์มหาชนสัญชาติเดียวกันที่มีฐานะเป็นผู้ผลิตรถใหญ่ที่สุดของยุโรปและอันดับสามของโลก ภายหลังจากซื้อหุ้นของโฟล์กมาไว้ในมือได้มากกว่า 50%

ปอร์เช่ระบุในคำแถลงที่มีข้อความสั้นๆ ซึ่งออกมาในคืนวันจันทร์(5)ว่า ด้วยการเข้าซื้อหุ้นใหม่ๆ ของโฟล์ก จึงทำให้ปอร์เช่ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็นเท่ากับ 50.76% ของเงินทุนของโฟล์กแล้ว จากที่เคยมีอยู่เพียง 42%

ข่าวดังกล่าวนี้ทำให้ราคาหุ้นโฟล์กพุ่งทะยานเมื่อวานนี้(6) โดยถึงช่วงบ่ายของการซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์แฟรงเฟิร์ต หุ้นตัวนี้บวกขึ้นไป 13.48%

การถูกเทคโอเวอร์โดยปอร์เช่ ซึ่งเป็นบริษัทที่ควบคุมโดยครอบครัว และพวกถือหุ้นใหญ่ร่ำรวยในระดับมหาเศรษฐีพันล้านดอลลาร์ ต้องถือเป็นเรื่องน่าตกใจระดับที่จะทำให้เกิด “การช็อกทางวัฒนธรรม” สำหรับโฟล์กสวาเกน ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่มหึมาที่มีฐานะเป็นเสมือนสถาบันแห่งหนึ่งของประเทศชาติ โดยที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นโมเดลแบบเยอรมัน ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผู้ถือหุ้นกับสหภาพแรงงาน

ปอร์เช่นั้นเปิดฉากใช้ความพยายามเข้าผนวกกิจการโฟล์กมาตั้งแต่ปี 2005 โดยมุ่งหมายที่จะเปลี่ยนยักษ์ใหญ่ขวัญใจกรรมกรรายนี้ ให้กลายเป็นวิสาหกิจ “ปกติ” จึงทำให้ถูกคัดค้านอย่างหนักจากพวกสหภาพแรงงาน

เดิมทีปอร์เช่วางแผนจะเข้าถือหุ้นโฟล์กให้ได้มากกว่า 50% ตั้งแต่ปีที่แล้ว ทว่าถูกบังคับให้ต้องเลื่อนช้าออกไป ภายหลังราคาหุ้นตัวนี้กระโจนพรวด ท่ามกลางกระแสเก็งกำไรของตลาด

มีอยู่ช่วงหนึ่ง หุ้นโฟล์กซื้อขายกันด้วยราคาสูงกว่า 1,000 ยูโร (1,350 ดอลลาร์สหรัฐฯ)ต่อหุ้น ซึ่งทำให้อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาสั้นๆ ช่วงนั้น โฟล์กกลายเป็นบริษัทที่บิ๊กเบิ้มเป็นอันดับหนึ่งของโลก เมื่อคำนวณจากมูลค่าตามราคาตลาดหหลักทรัพย์

เมื่อวันจันทร์(5)ที่ผ่านมา หุ้นโฟล์กปิดที่ราคา 254.74 ยูโร ใกล้เคียงกับแถบราคาที่ปอร์เช่ตั้งเอาไว้ให้ตัวเอง ซึ่งอยู่ที่ระหว่าง 200-250 ยูโร

โฟล์กนั้นเคยแถลงในเดือนสิงหาคมปีที่แล้วว่า สามารถแซงหน้าฟอร์ด กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่อันดับ 3 ของโลก ตามหลัง เจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) และโตโยต้า

จากการเป็นเจ้าของเกินครึ่งหนึ่งของโฟล์ก ทำให้ปอร์เช่ต้องปฏิบัติตามพันธะของกฎหมายสวีเดน นั่นคือต้องเสนอซื้อหุ้นที่คนอื่นๆ ถืออยู่ในบริษัทผลิตรถบรรทุก “สแกนเนีย” ซึ่งทางโฟล์กเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ถึงสามในสี่

แต่ปอร์เช่แถลงว่า จะเสนอราคาระดับต่ำที่สุดสำหรับหุ้นสแกนเนีย และ “ไม่มีความสนใจในทางยุทธศาสตร์” ที่จะเข้าครอบครองบริษัทรถบรรทุกแห่งนี้

ปอร์เช่ซึ่งทำรถยนต์หรูหราออกมาปีละระดับหลักแสนคัน วางแผนที่จะเพิ่มการถือครองหุ้นโฟล์กให้มากขึ้นอีก โดยมุ่งหมายจะให้ได้เกิน 75% ในปีนี้ ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าควบคุมบริษัทรถยนต์มหาชนแห่งนี้ได้อย่างเด็ดขาด

การถือหุ้นเกินกว่า 75% จะทำให้ปอร์เช่สามารถเสนอทำข้อตกลงที่เรียกกันว่า ข้อตกลงเพื่อการครอบงำ ซึ่งจะทำให้บริษัทได้สิทธิควบคุมด้านการเงินของโฟล์กอย่างเต็มที่

ในเยอรมนีนั้น นักลงทุนเสียงข้างน้อยจะต้องรวบรวมหุ้นของบริษัทให้ได้อย่างน้อยที่สุด 25% จึงจะสามารถสกัดกั้นการลงมติเรื่องสำคัญๆ ได้ แต่ในกรณีของโฟล์กนั้นในปัจจุบันมีกฎหมายพิเศษที่กำหนดให้มีเสียงเพียง 20% ก็พอ และจำนวน 20% ดังกล่าวนี้ขณะนี้ก็อยู่ในมือของรัฐนีเดอร์ซัคเซิน (โลเวอร์แซกโซนี) ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทโฟล์กในปัจจุบัน

ปอร์เช่ได้ยื่นฟ้องว่ากฎหมายที่เรียกขานกันว่า “กฎหมายโฟล์กสวาเกน” ดังกล่าวไม่ถูกต้องชอบธรรม และก็ได้รับความสนับสนุนจากคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งขู่ที่จะนำรัฐบาลเยอรมนีไปขึ้นศาลยุโรปอีกครั้งหนึ่ง เพราะแม้ได้มีการแก้ไขกฎหมายนี้แล้ว แต่ก็ยังคงกำหนดระบุให้ผู้ถือหุ้นข้างน้อยเพียง 20% มีสิทธิคัดค้านการลงมติสำคัญๆ ของบริษัทได้อยู่นั่นเอง

สำหรับวิธีการรวบรวมเพิ่มพูนหุ้นโฟล์กของปอร์เช่นั้น ใช้วิธีเข้าไปถือตราสารอนุพันธ์ประเภทออปชั่นหุ้น ซึ่งทำให้บริษัทสามารถจู่โจมสร้างเซอร์ไพรซ์ตื่นตะลึงในตลาดหุ้นปีที่แล้ว เมื่อมีการเปิดเผยจำนวนหุ้นโฟล์กที่ทางปอร์เช่ถือครองอยู่

โฟล์กรายงานว่าทำยอดขายได้ 109,000 ล้านยูโรในปี 2007 ขณะที่ปอร์เช่ซึ่งมีพนักงานอยู่ 11,600 คน รายงานว่ามียอดขาย 7,000 ล้านยูโรในปีการเงิน 2006-2007

สหภาพแรงงาน ไอจี เมทาลล์ แสดงความหวั่นวิตกว่า การเข้ามาเทคโอเวอร์ของปอร์เช่ จะนำไปสู่การปลดคนงานในโรงงานต่างๆ ของโฟล์กที่ตั้งอยู่ในเยอรมนี ถึงแม้ปอร์เช่พยายามพูดปลอบใจว่า มุ่งมั่นที่จะเป็นนักลงทุนที่ถือหุ้นโฟล์กกันยาวๆ

ความหวั่นไหวของฝ่ายแรงงาน ส่วนหนึ่งเนื่องจาก เวนเดลิน วีเดคิง บิ๊กบอสของปอร์เช่นั้น มีปัญหากระทบกระทั่งกับสหภาพแรงงาน ขณะที่สหภาพแรงงานคือผู้ทรงอิทธิพลอย่างยิ่งอยู่ในบริษัทโฟล์กปัจจุบัน
กำลังโหลดความคิดเห็น