xs
xsm
sm
md
lg

“การ์ดส.ค.ส.”ยังยิ้มออกยันSMS-อีเมล์คนละตลาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- คอร์เดียลยัน เทคโนโลยี ไม่ได้แย่งตลาดการ์ดอวยพร ส.ค.ส. ชี้คนละตลาดกับเอสเอ็มเอสหรืออีเมล์ ย้ำยังโตดีอยู่ พร้อมไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะต่อสุ้มาแล้วตั้งแต่วิทยุติดตามตัวในอดีต

นายเพิ่มสิน เลิศรัฐการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอร์เดียล ครีเอทีฟ ผู้ผลิตและจำหน่ายการ์ด แบรนด์ "คอร์เดียล" กล่าวกับ “ASTVผู้จัดการรายวัน” ถึงตลาดการ์ดอวยพรหรือ ส.ค.ส. ว่า ในปี 2552 ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านม ตลาดการ์ดอวยพรหรือ ส.ค.ส. ยังเป็นตลาดที่มีการเติบโตต่อเนื่องแต่ไม่หวือหวามากนัก โดยภาพรวมเติบโตประมาณ 5% แต่ก็เป็นอัตราการเติบโตที่ลดลงจากปกติที่เติบโต 5-7% เพราะปัจจัยลบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น
“หลายคนมักมองว่า ตลาด ส.ค.ส. จะตกลงทุกปี เพราะได้รับผลกระทบจาก เทคโนโลยีที่เกิดขึ้น เช่น การส่งข้อความเอสเอ็มเอสหรือเอ็มเอ็มเอสผ่านมือถือ การส่งอีเมล์จากคอมพิวเตอร์ หรือ การส่งอี-การ์ด ซึ่งแต่ละอย่างนั้นมีความรวดเร็วและทันสมัยกว่า และเป็นคนละตลาดกับการ์ดอวยพร แต่จริงๆแล้ว ผมยืนยันได้เลยว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นมาหรือจะมาแย่งตลาดส.ค.ส.ได้ง่ายๆ เพราะก่อนนี้ก็มีมาแล้วตั้งแต่วิทยุติดตามตัวหรือที่เรียกกันว่า แพ็คลิ้งค์ โฟนลิ้งค์ แต่ว่า ตลาดการ์ดอวยพรก็ยังอยู่ดีมาถึงทุกวันนี้ ”
เขายอมรับว่า ในแง่ผลกระทบอาจจะมีบ้างแต่ไม่ใช่ทั้งหมด โดยหากเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ วัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวสูง อาจจะโดนแย่งตลาดไปจากเทคโนโลยีก็ได้ เพระะคนรุ่นใหม่ วัยรุ่นชอบอะไรที่รวดเร็วและทันสมัย ตลอดจนต้องการอยู่ในเทรนด์ ส่วนปีนี้ที่ตลาดเติบโตลดลงเหตุผลหลักเพราะกำลังซื้อฝืดเคืองมาจากเศรษฐกิจที่ไม่ดีมากกว่าที่จะมาจากความนิยมการ์ดอวยพรที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม ตลาดของส.ค.ส.ก็ยังมีอยู่หนาแน่น โดยเฉพาะกลุ่มองค์กร กลุ่มที่ต้องการให้แบบเป็นวัฒนธรรม หรือกลุ่มผู้หลักผู้ใหญ่ โดยที่ผู้ให้จะคำนึงถึงผู้รับว่าเป็นใคร เพราะหากเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ หรือผู้ที่มีอายุตลอดจน ผู้ที่ต้องการให้แบบเป็นทางการ ก็ยังคงต้องอาศัย การ์ด ส.ค.ส. ที่เป็นทางการ และยังมีคุณค่าทางความรู้สึกทางใจด้วย โดยเฉพาะกลุ่กองค์กรที่บริษัทฯมีรายชื่อลูกค้ามากกว่า 1,000 แห่ง ซึ่งในปีนี้บริษัทฯก็ได้ออกการ์ดอวยพรปีใหม่มาประมาณ 700 แบบ โดยราคาที่ขายดีจะอยู่ระหว่าง 10-15 บาทต่อแผ่น ซึ่งปีนี้ราคาขายไม่ได้ขยับมากขึ้นเท่าใดนัก
**ศูนย์วิจัยกสิกรฯคาดสะพัด400ล.
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานว่า แม้ว่าปัจจุบันการส่งผ่านความสุขในช่วงเทศกาลวันปีใหม่นั้นมีด้วยกันหลากหลายช่องทางให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นบัตรอวยพรปีใหม่ หรือ ส.ค.ส. การส่งผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ทั้งในลักษณะของการส่งข้อความตัวอักษร หรือ SMS และการส่งข้อความภาพหรือมัลติมีเดีย หรือ MMS และทางอินเทอร์เน็ต หรือบัตรอวยพรอิเล็กทรอนิกส์ แต่จากผลการสำรวจในครั้งนี้ก็ตอกย้ำได้ระดับหนึ่งว่าบัตรอวยพรปีใหม่ยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสัดส่วน 89.6% อีกทั้งยังเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าด้วย โดยปัจจุบันบัตรอวยพรมีความหลากหลายของรูปแบบให้เลือก ส่งผลให้การส่งมอบความสุขผ่านตัวหนังสือทั้งในลักษณะที่เขียนด้วยตนเอง และจากข้อความดีๆที่เป็นศิริมงคลต่อผู้รับทั้งภาคภาษาไทย และภาคภาษาอังกฤษที่พิมพ์ไว้แล้วในบัตรอวยพรปีใหม่ที่วางจำหน่าย นอกจากจะเป็นการให้กำลังใจให้แก่กันและกันแล้ว ยังเป็นดั่งงานศิลปะที่มีคุณค่าจากผู้ให้สู่ผู้รับด้วย
จากผลการสำรวจพฤติกรรมการส่งข้อความอวยพรต้อนรับปีใหม่ของคนกรุงเทพฯ ในระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน-12 ธันวาคม 2551 ด้วยจำนวนกลุ่มตัวอย่าง 520 ราย ในระหว่างอายุ 15-65 ปี พบว่าคนกรุงเทพฯส่วนใหญ่ยังคงนิยมส่งมอบความสุขผ่านตัวอักษรภายใต้ข้อความที่อบอุ่นและหวังดี เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่กันและกันทางบัตรอวยพรปีใหม่มากที่สุดในบรรดาสื่อข้อความอวยพรปีใหม่ นอกจากนี้ส่วนใหญ่ประมาณ 52% ของกลุ่มที่ซื้อบัตรอวยพรตัดสินใจที่จะซื้อบัตรอวยพรเกินกว่า 5 ใบต่อคน ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนที่สัดส่วนของคนที่ซื้อบัตรอวยพรปีใหม่เกิน 5 ใบต่อคนมีประมาณ 48.1% ของกลุ่มตัวอย่าง อย่างไรก็ตาม พบว่าในปีนี้กลุ่มคนกรุงเทพฯ ที่ซื้อบัตรอวยพรปีใหม่ส่วนใหญ่ตั้งงบประมาณเพื่อซื้อบัตรอวยพรในระดับที่ใกล้เคียงกับปีก่อนคิดเป็นสัดส่วน 47.3% อันเป็นผลมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ซบเซา อีกทั้งเมื่อสอบถามถึงสถานภาพในการทำงานของกลุ่มตัวอย่างก็พบว่าแม้ส่วนใหญ่จะยังคงมีงานทำ แต่ก็มีความกังวลไม่น้อยว่ากิจการอาจจะมีการปรับลดคนงาน และปรับลดเงินเดือน คิดเป็นสัดส่วนรวมกันถึง 77.1% ของกลุ่มตัวอย่างที่มีงานทำในขณะนี้ ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น จึงคาดว่าเม็ดเงินหมุนเวียนสำหรับการจับจ่ายซื้อบัตรอวยพรปีใหม่เพื่อต้อนรับปี 2552 ของคนกรุงเทพฯน่าจะมีมูลค่าประมาณ 330-400 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 5-8% ซึ่งนับเป็นอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับปีก่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น