“อภิสิทธิ์” ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ส.ส.และผู้ว่าฯกทม.หาเสียง พร้อมวอนชาวบ้านช่วยเพราะมีความหมายต่อเสียงสนับสนุนรัฐบาล ขณะที่ชาวนครปฐม มอบพระดังให้นายกฯ ด้าน “เฉลิม” คุยข่ม ถ้าเพื่อไทยได้ส.ส. เพิ่มอีก10 เปลี่ยนขั้วการเมืองได้แน่ แย้มข้อมูลเด็ดทำรัฐบาลพังได้ หลังตรวจสอบพบมีพรรคการเมืองทำข้อมูลเท็จ ส่งผู้สมัครขาดคุณสมบัติลงเลือกตั้ง ส่อผิดกม.อาญา “เสนาะ” เชื่อหลังเลือกตั้งซ่อมวุ่นแน่ ด้าน กกต. เผยพบ 3 ผู้สมัครขาดคุณสมบัติลงเลือกตั้ง เตือนรมต.ใช้ตำแหน่งหน้าที่ช่วยผู้สมัครหาเสียงผิด ขณะเดียวกันขู่ม็อบเสื้อแดงชูป้ายโจมตี ปชป.อาจผิด กม. ให้สิทธิ ผอ.เขตแจ้งความดำเนินคดีได้ทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 06.40 น. วานนี้ (4 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปช่วยนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 10 และ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. หาเสียงที่สวนธนบุรีรมย์
จากนั้น เวลา 07.00 น.นายอภิสิทธิ์ ไปหาเสียงที่ตลาดใหม่ทุ่งครุ 61 ปากซอยประชาอุทิศ 61 ก่อนขึ้นรถตระเวนหาเสียง ตลอดพื้นที่สุขสวัสดิ์ ราษฎร์บูรณะ รวมทั้งเขตบางบอน บางขุนเทียน จนเวลา 09.05 นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางไปสำนักงาน ส.ส.ของนายสากล ม่วงศิริ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โดยขึ้นรถปราศรัย กล่าวกับประชาชนที่มามอบดอกไม้ให้กำลังใจว่า ขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจวันนี้ได้ดอกไม้เยอะมาก และยังได้แหวนอีก 2 วง วันนี้มาขอความกรุณา 2 เรื่อง คือ 1. การเลือกตั้งซ่อม ส.ส .และ 2. การเลือกผู้ว่า กทม.ในวันที่ 11 มค.นี้
ชี้เลือกตั้งซ่อมสำคัญต่อรัฐบาล
นายอภิสิทธิ์ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ นอกจากอยากได้คนดี มาช่วยตนทำงานแล้ว การเลือกตั้งยังมีความหมายใ นการเมืองระดับชาติด้วย
"การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ครั้งนี้ที่มีความสำคัญทางการเมือง เพราะตอนนี้เสียงรัฐบาลมากกว่าฝ่ายค้านเพียงเล็กน้อย ผลการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้จะมีความหมายต่อรัฐบาลจึงขอให้ช่วยเลือกตั้งให้เสียงของรัฐบาลเพิ่มขึ้น รัฐบาลจะได้มีความมั่นคง แต่ก็ไม่ใช่ว่าฝ่ายรัฐบาลจะเข้มแข็งเพียงอย่างเดียว ฝ่ายค้านต้องเข้มแข็ง ในการตรวจสอบด้วย ซึ่งตอนนี้เสียงฝ่ายค้านก็เข้มแข็งพอสมควรแล้ว"
ชาวนครปฐมมอบพระดังให้นายกฯ
ต่อมาเวลา 14.50 น. นายอภิสิทธิ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางโดยรถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยู ซี่รี่ย์ 7 สีดำ หมายเลขทะเบียน ศฮ-9201 กรุงเทพฯ เพื่อมาพบปะชาวบ้านร้านค้าบริเวณตลาดเก่าริมแม่น้ำท่าจีน อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม โดยมีนายปัญญวัฒน์ บุญมี ส.ส.นครปฐม พรรคประชาธิปัตย์ และนายมารุต บุญมี บุตรชาย ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 4 จ.นครปฐม พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมารอรับ พร้อมด้วยข้าราชการในจังหวัดนครปฐม เพื่อลงพื้นที่หาเสียงให้กับนายมารุต บุญมี ซึ่งมีบรรดาพ่อค้าแม่ค้า ให้ความสนใจออกมายืนรอต้อนรับกับเป็นจำนวนมาก พร้อมกับนำพวงมาลัยมามอบให้เพื่อเป็นกำลังใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการเดินหาเสียงรอบตลาด ได้มีชาวบ้าน ทราบชื่อต่อมาว่า นายหล่อ เขียวครามจีน อายุ 79 ปี ชาวนครชัยศรี ได้นำพระเครื่องหลวงปู่บุญ และหลวงปู่เพิ่ม รุ่นแรก ของวัดกลางบางแก้ว ซึ่งมีราคาหลักแสนมามอบให้กับนายอภิสิทธิ์ พร้อมกับให้กำลังใจสู้ๆ กับปัญหาบ้านเมืองต่อไป จากนั้นนายอภิสิทธิ์ ได้เข้ากราบขอพรอธิษฐานต่อศาลเจ้าแม่เบิกไพรในตลาดนครชัยศรี
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางออกจากตลาดนครชัยศรี มุ่งหน้าไปที่องค์พระปฐมเจดีย์ เพื่อกราบสักการะพระร่วงโรจนฤทธิ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองนครปฐม ก่อนลงพื้นที่หาเสียงรอบตลาดสดในเขตเทศบาลนครนครปฐม และ เดินทางไปยังพระราชวังสนามจันทร และตลาดสด อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เป็นที่สุดท้ายก่อนไปปราศรัยใหญ่ที่วัดดอนตูม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี
"เฉลิม"โวได้ ส.ส. 10 คนเปลี่ยนขั้วแน่
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เย็นวันพรุ่งนี้ (5 ม.ค.) จะเดินทางลงพื้นที่ภาคอีสานเพื่อช่วย ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคหาเสียง ซึ่งคาดว่าการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจะได้ 8-12 ที่นั่ง เพราะเชื่อว่าประชาชนยังให้การสนับสนุนพรรคอยู่ และการลงพื้นที่จะไปปราศรัยเท่านั้นไม่มีปัจจัยอื่นใด และไม่ขอวิจารณ์กรณีอาจมีอำนาจมืด หรืออำนาจสีเขียว เข้ามาช่วยพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งซ่อม
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากหลังเลือกตั้งซ่อมแล้วรัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำจะมีโอกาสพลิกขั้วได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ต้องจับตาหลังการเลือกตั้ง เพราะหากพรรคเพื่อไทย พรรคประชาราช พรรคเพื่อแผ่นดิน ในส่วนของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้รับเลือกตั้งมา 20 ที่นั่ง ก็อาจมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลได้
ชี้รัฐบาลอาจอยู่ไม่ได้หลังเลือกตั้งซ่อม
ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณอีกครั้งหลังเช้าพบ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ว่า ได้พูดคุยกับนายเสนาะ ถึงสถานการณ์ ทางการเมือง ในช่วงต่าง ๆ ทั้งหลังการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. และหลังการเปิดประชุมรัฐสภา
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนได้พบข้อมูลว่ามีพรรคการเมืองบางพรรค แจ้งจำนวนสมาชิกพรรค 17 คน เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2551 แต่มีข้อมูลล่าสุด มีสมาชิกพรรคดังกล่าวเพิ่มเป็น 29 คน ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และอาจขาดคุณสมบัติในการสังกัดสมาชิกพรรคการเมือง 90 วัน ดังนั้นจึงขอให้กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบ พร้อมขอให้ผู้ที่รู้ตัวว่ากระทำผิด ถอนตัวจากการเลือกตั้ง ก่อนที่จะถูกตรวจสอบพบว่ามีความผิดและถูกดำเนินคดีทางอาญา อย่างไรก็ตามเชื่อว่า เรื่องนี้อาจทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ และกลายเป็นทุกขลาภของรัฐบาลโดยปริยาย
นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวถึงสถานการณ์ ทางการเมืองหลังการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.วันที่ 11 ม.ค.ว่า จะเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นอีก โดยเฉพาะการที่ผู้สมัคร ส.ส.ของบางพรรคการเมืองสังกัดพรรคไม่ครบ 90 วัน ซึ่งส่วนตัวรู้สึกเห็นใจ กกต. แต่ กกต.ก็ต้องพิจารณา อย่างรอบคอบ ไม่อย่างนั้นอาจซ้ำรอย กกต.บางชุด ที่เคยถูกดำเนินคดีแล้ว
หัวหน้าพรรคประชาราช ยังกล่าวถึงข่าวการปองร้ายนายกรัฐมนตรี ว่า คนที่มีความแค้นสามารถทำอะไรก็ได้ และเรื่องการเมืองเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแรง
เพื่อไทยถกช่วย"แซม"หาเสียง
ด้านนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยหลังประชุมผู้บริหารของพรรค และ นายยุรนันท์ ภมรมนตรี ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 10 ของพรรคเพื่อช่วยรณรงค์หาเสียงว่า ช่วงโค้งสุดท้าย ถ้าเปรียบการแข่งขันต้องระมัดระวังเรื่องความเร็ว การประชุมครั้งนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้ นายยุรนันท์ และขอให้ประชาชนพิจารณาว่าเป็นการสมควรหรือไม่ ที่จะให้ผู้ที่มาดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ได้เข้ามาตรวจสอบคานอำนาจของรัฐบาล เช่นเดียวกับต่างประเทศ ทีมผู้บริหารท้องถิ่นกับรัฐบาลเป็นคนละกลุ่ม
ขณะที่ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากให้ คนกรุงเทพฯ คิดอยู่เสมอว่า เป็นความผิดของคนกรุงเทพฯ หรือไม่ ที่มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ ให้พิจารณาว่าควรเลือกใคร
ด้าน นายยุรนันท์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุรายชื่อทีมผู้บริหาร หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.ได้ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ซึ่งไม่แน่ชัดเรื่องข้อกฎหมายว่าจะมาร่วมทำงานได้หรือไม่ แต่ชื่อที่บอกได้ขณะนี้มีหลายคน ให้คำปรึกษา เช่น นายจาตุรนต์ ฉายแสง นางสิริกร มณีรินทร์ ให้คำปรึกษาด้าน การศึกษา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ด้านสังคมและสาธารณสุข นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ด้านกฎหมาย อย่างไรก็ตาม สัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนขึ้น
กกต.เชื่อไม่สับสนเลือกผู้ว่าฯ กับ ส.ส.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (4 ม.ค.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ได้เดินทางตรวจเยี่ยม หน่วยเลือกตั้งล่วงหน้า ส.ส.กทม. เขต 10 ที่สำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ และสำนักงานเขตทุ่งครุ ซึ่งได้มีการฟังบรรยาย และ ตรวจเยี่ยมหน่วยเลือกตั้งที่มีการจัดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้า ส.ส. พร้อมกับได้ตรวจสถานที่เก็บหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าว่ามีการเก็บรักษาในสถานที่ปลอดภัยหรือไม่ โดยนายประพันธ์ได้เน้นย้ำ ให้มีการประชาสัมพันธ์การลงคะแนนทั้งการเลือกตั้งส.ส.และผู้ว่าฯ กทม. ให้ทั่วถึง ป้องกันการสับสนของประชาชน รวมถึงให้ช่วยดูแลเรื่องการนับคะแนน เพราะการนับคะแนนจะแตกต่างกัน
นายประพันธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า การเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 3 ม.ค. เป็นไป ด้วยความเรียบร้อย ถ้าเปรียบเทียมผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 3 ม.ค. มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากกว่าการเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 15 ธ.ค. 2550 แต่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลมีผู้มาใช้สิทธิน้อยกว่า คาดว่าประชาชนคงจะเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ในต่างหวัดโดยเฉพาะบุรีรัมย์ อุดรธานีมีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นจำนวนมาก ถึงกับต้องเข้าคิวลงคะแนน
นายประพันธ์เชื่อว่าการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ในวันที่ 11 ม.ค.พร้อมกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.คงไม่ทำให้ประชาชนสับสน เพราะมีป้ายประชาสัมพันธ์บอกชัดเจน รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่คอยบอกอยู่แล้ว คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร นอกจากนี้บัญชีรายชื่อ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส.ส.และบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่ากทม.จะแตกต่างกัน โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งส.ส.ต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้ง 90 วัน ส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้งส.ส.ต้องมีชื่ออยู่ในเขตนั้นเป็นเวลา 1 ปี ดังนั้น การเลือกตั้งในวันที่ 11 ม.ค. จะไม่ใช่เป็นการรับบัตรเลือกตั้งทีเดียว 2 ใบ แต่รับบัตรคนละชุดและลงคะแนนคนละครั้ง
เตือน รมต.ช่วยหาเสียงไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณี นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย และ นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รมช.คมนาคม ได้ลงพื้นที่ จ.นครพนม เรียกประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อมอบนโยบายแก่ผู้นำท้องถิ่น ซึ่งอาจจะคาบเกี่ยวกับการเลือกตั้งส.ส.ครั้งนี้ นายประพันธ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะใช้ตำแหน่งของตัวเองไปใช้หาเสียงเลือกตั้งไม่ได้ บางครั้งรัฐมนตรีอาจลงพื้นที่ไปตรวจงานแต่จะใช้ตำแหน่งเพื่อเป็นคุณเป็นโทษกับการเลือกตั้งไม่ได้ ส่วนการลงพื้นที่ของนายบุญจงจะเอื้อประโยชน์ต่อผู้สมัครหรือไม่ต้องดูข้อเท็จจริงก่อน หากเป็นการเรียกประชุมตามปกติก็ไม่มีปัญหา แต่หากมีการพูดถึงผู้สมัครเลือกตั้งรายใด หรือพรรคใดก็อาจมีปัญหาได้ ส่วนจะเป็นการเหมาะสมหรือไม่ก็ต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป
ส่วนในวันเดียวกันนั้นรัฐมนตรีมีการมอบนโยบาย และช่วงเย็นมีการปราศรัยในพื้นที่ดังกล่าว จะเป็นการแอบแฝงในการช่วยเหลือผู้สมัครหรือไม่นั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่หากมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาทางกกต. ก็พร้อม เข้าไปตรวจสอบ โดย กกต.มีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังในการปราศรัยหาเสียงอยู่แล้ว แต่คงไม่ฝากเตือนไปถึงรัฐมนตรี เพราะโดยหลักผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะใช้ตำแหน่งเพื่อช่วยผู้สมัครไม่ได้อยู่แล้ว แต่หากลงพื้นที่ไปช่วยหาเสียงโดยใช้ฐานะหัวหน้าพรรคหรือกรรมการบริหารพรรคนั้นๆ ก็สามารถทำได้
ขู่เสื้อแดงประท้วงชูป้ายโจมตีผิด กม.
ส่วนกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงจังหวัดร้อยเอ็ดรวมตัวประท้วง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ เพราะอาจทำให้คะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ลดลง นายประพันธ์ กล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริงก่อนว่าเป็นการกระทำที่ขัดขวางหรือเข้าไปเป็นคุณเป็นโทษในลักษณะดังกล่าวหรือไม่ เพราะผู้ที่มาชุมนุมจะเข้าไปขัดขวาง หรือชูป้ายประท้วงเพื่อขัดขวางการเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งไม่ได้ ตนคิดว่าคงไม่มีใครไปทำอย่างนั้น
ทั้งนี้ หากมีการกระทำดังกล่าวในบริเวณหน่วยเลือกตั้งผู้อำนวยการเขตเลือกตั้งสามารถใช้อำนาจสั่งให้ผู้ชุมนุมออกนอกพื้นที่หน่วยเลือกตั้ง และหากมีการฝ่าฝืน ก็สามารถแจ้งตำรวจให้ดำเนินคดีตามกฎหมายได้
"ขอเรียกร้องไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมอย่าทำการขัดขวางผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ส่วนจะเป็นการจูงใจและอาจะให้ต้องเสียคะแนนนิยมหรือไม่ ต้องดูข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆ ไปว่ามีการกระทำในลักษณะดังกล่าว หรือชูป้ายประท้วงเพื่อไม่ให้เลือกคนจาก พรรคประชาธิปัตย์จริงหรือไม่"
พบผู้สมัคร ส.ส.ขาดคุณสมบัติ 3 ราย
นายประพันธ์ กล่าวถึงการตรวจสอบคุณสมบัติ ผู้สมัครส.ส.ใน 26 เขต 22จังหวัด ว่า ขณะนี้ได้มีรายงานผู้สมัครเลือกตั้งส.ส.ขาดคุณสมบัติเพียง 3 ราย บางรายขาดคุณสมบัติเนื่องจากไม่ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และบางรายก็มีชื่อเป็น สมาชิกพรรคซ้ำกัน 2 พรรค ซึ่งผู้ที่ผอ.เขตไม่ประกาศให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้นผู้สมัครที่ไม่ถูกประกาศชื่อให้เป็นผู้สมัครก็สามารถร้องเรียนไปที่ศาลฎีกา เพื่อวินิจฉัย
ส่วนในจังหวัดลพบุรีมีปัญหาเรื่องผู้สมัครสังกัดสมาชิกพรรคความหวังใหม่ แต่ภายหลังตรวจสอบพบว่าสังกัดพรรคประชากรไทยด้วย ซึ่งทำให้ประชาชนสับสนนั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า กกต.จว.ลพบุรีกำลังตรวจสอบอยู่ ยังไม่ทราบว่าผลจะเป็นอย่างไร ส่วนจะแก้ปัญหาการสับสนของประชาชนอย่างไรนั้นก็ยังไม่ทราบรายละเอียด ทั้งนี้ การเลือกตั้งใน 26 เขตเลือกตั้ง ยังไม่ปรากฏว่ามีการรายงาน เหตุรุนแรงเข้ามา
ห้ามเผยแพร่โพลช่วยโค้งสุดท้าย
นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงการสำรวจความเห็นประชาชนหรือการทำโพล ในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งส.ส.และผู้ว่ากทม. ว่า การทำโพลในช่วงนี้ ถือเป็นโค้งสุดท้าย ดังนั้น ขอร้องอย่าเปิดเผยผลโพลช่วง 7 วันสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้งทั้งการเลือกตั้งส.ส.และเลือกตั้งผู้ว่ากทม. เพราะอาจทำให้เกิดผลกระทบได้เสีย หรือจูงใจผู้มาใช้สิทธิได้ นอกจากนี้ยังอยากจะขอผู้ที่จะทำแบบสำรวจ ความเห็นของประชาชนที่เข้าไปใช้สิทธิ์แล้วที่หน้าหน่วย หรือ เอ็กซิสโพล ในวันที่ 11 ม.ค. กกต.ไม่ได้ห้ามแต่อย่างเข้าไปถามกันที่หน้าหน่วยเลือกตั้ง เพราะอาจจะเป็นการ ขัดขาวงและอาจจะเป็นการชี้นำได้ ซึ่งกกต.ก็มีความเป็นห่วงว่าการทำเอ็กซิสโพลซึ่งจะมีผลกระทบต่อคะแนนเสียงเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 06.40 น. วานนี้ (4 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปช่วยนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 10 และ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. หาเสียงที่สวนธนบุรีรมย์
จากนั้น เวลา 07.00 น.นายอภิสิทธิ์ ไปหาเสียงที่ตลาดใหม่ทุ่งครุ 61 ปากซอยประชาอุทิศ 61 ก่อนขึ้นรถตระเวนหาเสียง ตลอดพื้นที่สุขสวัสดิ์ ราษฎร์บูรณะ รวมทั้งเขตบางบอน บางขุนเทียน จนเวลา 09.05 นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางไปสำนักงาน ส.ส.ของนายสากล ม่วงศิริ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โดยขึ้นรถปราศรัย กล่าวกับประชาชนที่มามอบดอกไม้ให้กำลังใจว่า ขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจวันนี้ได้ดอกไม้เยอะมาก และยังได้แหวนอีก 2 วง วันนี้มาขอความกรุณา 2 เรื่อง คือ 1. การเลือกตั้งซ่อม ส.ส .และ 2. การเลือกผู้ว่า กทม.ในวันที่ 11 มค.นี้
ชี้เลือกตั้งซ่อมสำคัญต่อรัฐบาล
นายอภิสิทธิ์ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ นอกจากอยากได้คนดี มาช่วยตนทำงานแล้ว การเลือกตั้งยังมีความหมายใ นการเมืองระดับชาติด้วย
"การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ครั้งนี้ที่มีความสำคัญทางการเมือง เพราะตอนนี้เสียงรัฐบาลมากกว่าฝ่ายค้านเพียงเล็กน้อย ผลการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้จะมีความหมายต่อรัฐบาลจึงขอให้ช่วยเลือกตั้งให้เสียงของรัฐบาลเพิ่มขึ้น รัฐบาลจะได้มีความมั่นคง แต่ก็ไม่ใช่ว่าฝ่ายรัฐบาลจะเข้มแข็งเพียงอย่างเดียว ฝ่ายค้านต้องเข้มแข็ง ในการตรวจสอบด้วย ซึ่งตอนนี้เสียงฝ่ายค้านก็เข้มแข็งพอสมควรแล้ว"
ชาวนครปฐมมอบพระดังให้นายกฯ
ต่อมาเวลา 14.50 น. นายอภิสิทธิ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางโดยรถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยู ซี่รี่ย์ 7 สีดำ หมายเลขทะเบียน ศฮ-9201 กรุงเทพฯ เพื่อมาพบปะชาวบ้านร้านค้าบริเวณตลาดเก่าริมแม่น้ำท่าจีน อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม โดยมีนายปัญญวัฒน์ บุญมี ส.ส.นครปฐม พรรคประชาธิปัตย์ และนายมารุต บุญมี บุตรชาย ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 4 จ.นครปฐม พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมารอรับ พร้อมด้วยข้าราชการในจังหวัดนครปฐม เพื่อลงพื้นที่หาเสียงให้กับนายมารุต บุญมี ซึ่งมีบรรดาพ่อค้าแม่ค้า ให้ความสนใจออกมายืนรอต้อนรับกับเป็นจำนวนมาก พร้อมกับนำพวงมาลัยมามอบให้เพื่อเป็นกำลังใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการเดินหาเสียงรอบตลาด ได้มีชาวบ้าน ทราบชื่อต่อมาว่า นายหล่อ เขียวครามจีน อายุ 79 ปี ชาวนครชัยศรี ได้นำพระเครื่องหลวงปู่บุญ และหลวงปู่เพิ่ม รุ่นแรก ของวัดกลางบางแก้ว ซึ่งมีราคาหลักแสนมามอบให้กับนายอภิสิทธิ์ พร้อมกับให้กำลังใจสู้ๆ กับปัญหาบ้านเมืองต่อไป จากนั้นนายอภิสิทธิ์ ได้เข้ากราบขอพรอธิษฐานต่อศาลเจ้าแม่เบิกไพรในตลาดนครชัยศรี
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางออกจากตลาดนครชัยศรี มุ่งหน้าไปที่องค์พระปฐมเจดีย์ เพื่อกราบสักการะพระร่วงโรจนฤทธิ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองนครปฐม ก่อนลงพื้นที่หาเสียงรอบตลาดสดในเขตเทศบาลนครนครปฐม และ เดินทางไปยังพระราชวังสนามจันทร และตลาดสด อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เป็นที่สุดท้ายก่อนไปปราศรัยใหญ่ที่วัดดอนตูม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี
"เฉลิม"โวได้ ส.ส. 10 คนเปลี่ยนขั้วแน่
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เย็นวันพรุ่งนี้ (5 ม.ค.) จะเดินทางลงพื้นที่ภาคอีสานเพื่อช่วย ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคหาเสียง ซึ่งคาดว่าการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจะได้ 8-12 ที่นั่ง เพราะเชื่อว่าประชาชนยังให้การสนับสนุนพรรคอยู่ และการลงพื้นที่จะไปปราศรัยเท่านั้นไม่มีปัจจัยอื่นใด และไม่ขอวิจารณ์กรณีอาจมีอำนาจมืด หรืออำนาจสีเขียว เข้ามาช่วยพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งซ่อม
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากหลังเลือกตั้งซ่อมแล้วรัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำจะมีโอกาสพลิกขั้วได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ต้องจับตาหลังการเลือกตั้ง เพราะหากพรรคเพื่อไทย พรรคประชาราช พรรคเพื่อแผ่นดิน ในส่วนของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้รับเลือกตั้งมา 20 ที่นั่ง ก็อาจมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลได้
ชี้รัฐบาลอาจอยู่ไม่ได้หลังเลือกตั้งซ่อม
ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณอีกครั้งหลังเช้าพบ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ว่า ได้พูดคุยกับนายเสนาะ ถึงสถานการณ์ ทางการเมือง ในช่วงต่าง ๆ ทั้งหลังการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. และหลังการเปิดประชุมรัฐสภา
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนได้พบข้อมูลว่ามีพรรคการเมืองบางพรรค แจ้งจำนวนสมาชิกพรรค 17 คน เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2551 แต่มีข้อมูลล่าสุด มีสมาชิกพรรคดังกล่าวเพิ่มเป็น 29 คน ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และอาจขาดคุณสมบัติในการสังกัดสมาชิกพรรคการเมือง 90 วัน ดังนั้นจึงขอให้กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบ พร้อมขอให้ผู้ที่รู้ตัวว่ากระทำผิด ถอนตัวจากการเลือกตั้ง ก่อนที่จะถูกตรวจสอบพบว่ามีความผิดและถูกดำเนินคดีทางอาญา อย่างไรก็ตามเชื่อว่า เรื่องนี้อาจทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ และกลายเป็นทุกขลาภของรัฐบาลโดยปริยาย
นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวถึงสถานการณ์ ทางการเมืองหลังการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.วันที่ 11 ม.ค.ว่า จะเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นอีก โดยเฉพาะการที่ผู้สมัคร ส.ส.ของบางพรรคการเมืองสังกัดพรรคไม่ครบ 90 วัน ซึ่งส่วนตัวรู้สึกเห็นใจ กกต. แต่ กกต.ก็ต้องพิจารณา อย่างรอบคอบ ไม่อย่างนั้นอาจซ้ำรอย กกต.บางชุด ที่เคยถูกดำเนินคดีแล้ว
หัวหน้าพรรคประชาราช ยังกล่าวถึงข่าวการปองร้ายนายกรัฐมนตรี ว่า คนที่มีความแค้นสามารถทำอะไรก็ได้ และเรื่องการเมืองเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแรง
เพื่อไทยถกช่วย"แซม"หาเสียง
ด้านนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยหลังประชุมผู้บริหารของพรรค และ นายยุรนันท์ ภมรมนตรี ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 10 ของพรรคเพื่อช่วยรณรงค์หาเสียงว่า ช่วงโค้งสุดท้าย ถ้าเปรียบการแข่งขันต้องระมัดระวังเรื่องความเร็ว การประชุมครั้งนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้ นายยุรนันท์ และขอให้ประชาชนพิจารณาว่าเป็นการสมควรหรือไม่ ที่จะให้ผู้ที่มาดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ได้เข้ามาตรวจสอบคานอำนาจของรัฐบาล เช่นเดียวกับต่างประเทศ ทีมผู้บริหารท้องถิ่นกับรัฐบาลเป็นคนละกลุ่ม
ขณะที่ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากให้ คนกรุงเทพฯ คิดอยู่เสมอว่า เป็นความผิดของคนกรุงเทพฯ หรือไม่ ที่มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ ให้พิจารณาว่าควรเลือกใคร
ด้าน นายยุรนันท์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุรายชื่อทีมผู้บริหาร หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.ได้ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ซึ่งไม่แน่ชัดเรื่องข้อกฎหมายว่าจะมาร่วมทำงานได้หรือไม่ แต่ชื่อที่บอกได้ขณะนี้มีหลายคน ให้คำปรึกษา เช่น นายจาตุรนต์ ฉายแสง นางสิริกร มณีรินทร์ ให้คำปรึกษาด้าน การศึกษา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ด้านสังคมและสาธารณสุข นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ด้านกฎหมาย อย่างไรก็ตาม สัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนขึ้น
กกต.เชื่อไม่สับสนเลือกผู้ว่าฯ กับ ส.ส.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (4 ม.ค.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ได้เดินทางตรวจเยี่ยม หน่วยเลือกตั้งล่วงหน้า ส.ส.กทม. เขต 10 ที่สำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ และสำนักงานเขตทุ่งครุ ซึ่งได้มีการฟังบรรยาย และ ตรวจเยี่ยมหน่วยเลือกตั้งที่มีการจัดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้า ส.ส. พร้อมกับได้ตรวจสถานที่เก็บหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าว่ามีการเก็บรักษาในสถานที่ปลอดภัยหรือไม่ โดยนายประพันธ์ได้เน้นย้ำ ให้มีการประชาสัมพันธ์การลงคะแนนทั้งการเลือกตั้งส.ส.และผู้ว่าฯ กทม. ให้ทั่วถึง ป้องกันการสับสนของประชาชน รวมถึงให้ช่วยดูแลเรื่องการนับคะแนน เพราะการนับคะแนนจะแตกต่างกัน
นายประพันธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า การเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 3 ม.ค. เป็นไป ด้วยความเรียบร้อย ถ้าเปรียบเทียมผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 3 ม.ค. มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากกว่าการเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 15 ธ.ค. 2550 แต่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลมีผู้มาใช้สิทธิน้อยกว่า คาดว่าประชาชนคงจะเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ในต่างหวัดโดยเฉพาะบุรีรัมย์ อุดรธานีมีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นจำนวนมาก ถึงกับต้องเข้าคิวลงคะแนน
นายประพันธ์เชื่อว่าการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ในวันที่ 11 ม.ค.พร้อมกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.คงไม่ทำให้ประชาชนสับสน เพราะมีป้ายประชาสัมพันธ์บอกชัดเจน รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่คอยบอกอยู่แล้ว คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร นอกจากนี้บัญชีรายชื่อ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส.ส.และบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่ากทม.จะแตกต่างกัน โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งส.ส.ต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้ง 90 วัน ส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้งส.ส.ต้องมีชื่ออยู่ในเขตนั้นเป็นเวลา 1 ปี ดังนั้น การเลือกตั้งในวันที่ 11 ม.ค. จะไม่ใช่เป็นการรับบัตรเลือกตั้งทีเดียว 2 ใบ แต่รับบัตรคนละชุดและลงคะแนนคนละครั้ง
เตือน รมต.ช่วยหาเสียงไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณี นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย และ นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รมช.คมนาคม ได้ลงพื้นที่ จ.นครพนม เรียกประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อมอบนโยบายแก่ผู้นำท้องถิ่น ซึ่งอาจจะคาบเกี่ยวกับการเลือกตั้งส.ส.ครั้งนี้ นายประพันธ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะใช้ตำแหน่งของตัวเองไปใช้หาเสียงเลือกตั้งไม่ได้ บางครั้งรัฐมนตรีอาจลงพื้นที่ไปตรวจงานแต่จะใช้ตำแหน่งเพื่อเป็นคุณเป็นโทษกับการเลือกตั้งไม่ได้ ส่วนการลงพื้นที่ของนายบุญจงจะเอื้อประโยชน์ต่อผู้สมัครหรือไม่ต้องดูข้อเท็จจริงก่อน หากเป็นการเรียกประชุมตามปกติก็ไม่มีปัญหา แต่หากมีการพูดถึงผู้สมัครเลือกตั้งรายใด หรือพรรคใดก็อาจมีปัญหาได้ ส่วนจะเป็นการเหมาะสมหรือไม่ก็ต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป
ส่วนในวันเดียวกันนั้นรัฐมนตรีมีการมอบนโยบาย และช่วงเย็นมีการปราศรัยในพื้นที่ดังกล่าว จะเป็นการแอบแฝงในการช่วยเหลือผู้สมัครหรือไม่นั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่หากมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาทางกกต. ก็พร้อม เข้าไปตรวจสอบ โดย กกต.มีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังในการปราศรัยหาเสียงอยู่แล้ว แต่คงไม่ฝากเตือนไปถึงรัฐมนตรี เพราะโดยหลักผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะใช้ตำแหน่งเพื่อช่วยผู้สมัครไม่ได้อยู่แล้ว แต่หากลงพื้นที่ไปช่วยหาเสียงโดยใช้ฐานะหัวหน้าพรรคหรือกรรมการบริหารพรรคนั้นๆ ก็สามารถทำได้
ขู่เสื้อแดงประท้วงชูป้ายโจมตีผิด กม.
ส่วนกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงจังหวัดร้อยเอ็ดรวมตัวประท้วง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ เพราะอาจทำให้คะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ลดลง นายประพันธ์ กล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริงก่อนว่าเป็นการกระทำที่ขัดขวางหรือเข้าไปเป็นคุณเป็นโทษในลักษณะดังกล่าวหรือไม่ เพราะผู้ที่มาชุมนุมจะเข้าไปขัดขวาง หรือชูป้ายประท้วงเพื่อขัดขวางการเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งไม่ได้ ตนคิดว่าคงไม่มีใครไปทำอย่างนั้น
ทั้งนี้ หากมีการกระทำดังกล่าวในบริเวณหน่วยเลือกตั้งผู้อำนวยการเขตเลือกตั้งสามารถใช้อำนาจสั่งให้ผู้ชุมนุมออกนอกพื้นที่หน่วยเลือกตั้ง และหากมีการฝ่าฝืน ก็สามารถแจ้งตำรวจให้ดำเนินคดีตามกฎหมายได้
"ขอเรียกร้องไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมอย่าทำการขัดขวางผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ส่วนจะเป็นการจูงใจและอาจะให้ต้องเสียคะแนนนิยมหรือไม่ ต้องดูข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆ ไปว่ามีการกระทำในลักษณะดังกล่าว หรือชูป้ายประท้วงเพื่อไม่ให้เลือกคนจาก พรรคประชาธิปัตย์จริงหรือไม่"
พบผู้สมัคร ส.ส.ขาดคุณสมบัติ 3 ราย
นายประพันธ์ กล่าวถึงการตรวจสอบคุณสมบัติ ผู้สมัครส.ส.ใน 26 เขต 22จังหวัด ว่า ขณะนี้ได้มีรายงานผู้สมัครเลือกตั้งส.ส.ขาดคุณสมบัติเพียง 3 ราย บางรายขาดคุณสมบัติเนื่องจากไม่ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และบางรายก็มีชื่อเป็น สมาชิกพรรคซ้ำกัน 2 พรรค ซึ่งผู้ที่ผอ.เขตไม่ประกาศให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้นผู้สมัครที่ไม่ถูกประกาศชื่อให้เป็นผู้สมัครก็สามารถร้องเรียนไปที่ศาลฎีกา เพื่อวินิจฉัย
ส่วนในจังหวัดลพบุรีมีปัญหาเรื่องผู้สมัครสังกัดสมาชิกพรรคความหวังใหม่ แต่ภายหลังตรวจสอบพบว่าสังกัดพรรคประชากรไทยด้วย ซึ่งทำให้ประชาชนสับสนนั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า กกต.จว.ลพบุรีกำลังตรวจสอบอยู่ ยังไม่ทราบว่าผลจะเป็นอย่างไร ส่วนจะแก้ปัญหาการสับสนของประชาชนอย่างไรนั้นก็ยังไม่ทราบรายละเอียด ทั้งนี้ การเลือกตั้งใน 26 เขตเลือกตั้ง ยังไม่ปรากฏว่ามีการรายงาน เหตุรุนแรงเข้ามา
ห้ามเผยแพร่โพลช่วยโค้งสุดท้าย
นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงการสำรวจความเห็นประชาชนหรือการทำโพล ในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งส.ส.และผู้ว่ากทม. ว่า การทำโพลในช่วงนี้ ถือเป็นโค้งสุดท้าย ดังนั้น ขอร้องอย่าเปิดเผยผลโพลช่วง 7 วันสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้งทั้งการเลือกตั้งส.ส.และเลือกตั้งผู้ว่ากทม. เพราะอาจทำให้เกิดผลกระทบได้เสีย หรือจูงใจผู้มาใช้สิทธิได้ นอกจากนี้ยังอยากจะขอผู้ที่จะทำแบบสำรวจ ความเห็นของประชาชนที่เข้าไปใช้สิทธิ์แล้วที่หน้าหน่วย หรือ เอ็กซิสโพล ในวันที่ 11 ม.ค. กกต.ไม่ได้ห้ามแต่อย่างเข้าไปถามกันที่หน้าหน่วยเลือกตั้ง เพราะอาจจะเป็นการ ขัดขาวงและอาจจะเป็นการชี้นำได้ ซึ่งกกต.ก็มีความเป็นห่วงว่าการทำเอ็กซิสโพลซึ่งจะมีผลกระทบต่อคะแนนเสียงเลือกตั้ง