รอยเตอร์/เอเอฟพี – เรือรบของจีนสามลำออกเดินทางจากฐานทัพเรือที่เกาะไหหลำ (ไห่หนาน) เมื่อวานนี้(26) มุ่งหน้าสู่โซมาเลียเพื่อช่วยปราบปรามโจรสลัด นับเป็นการออกปฏิบัติภารกิจที่อาจเกิดการสู้รบ ในอาณาบริเวณไกลจากน่านน้ำของตนเป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปี อีกทั้งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าอิทธิพลของจีนในโลกกำลังเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ทางด้านญี่ปุ่นก็แถลงว่าจะส่งกำลังตามไปในไม่ช้า
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า เรือรบทั้ง 3 ลำ ที่ประกอบด้วย เรือพิฆาต ไหโข่ว และ เรือพิฆาต อู่ฮั่น ซึ่งเป็นเรือรบที่ทันสมัยที่สุดของกองทัพเรือจีน พร้อมด้วยเรือลำเลียง เวยซันหู ได้ออกเดินทางจากเกาะไหหลำแล้วในช่วงบ่ายวานนี้ โดยที่เรือทั้งสามมีลูกเรือทั้งหมดราว 800 คน และ 70% เป็นหน่วยรบ
“เราได้เตรียมการพิเศษไว้สำหรับรับมือกับพวกสลัดโดยเฉพาะ แม้ว่าเราจะไม่คุ้นเคยกับน่านน้ำแห่งนั้นก็ตาม” สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างคำพูดของพลเรือตรี ตู้จิงเฉิง ซึ่งเป็นผู้บังคับการของการปฏิบัติการครั้งนี้
ซินหัวรายงานว่า ทหารเรือประจำกองเรือนี้ มีขีดความสามารถสูงมากในการจัดการกับพวกโจรสลัด โดยทหารหนึ่งคนสามารถ “รับมือกับศัตรูหลายคนได้ด้วยมือเปล่า”
“เป้าหมายหลักของเราไม่ใช่การโจมตีพวกสลัด หากแต่เป็นการขับไล่ให้หนีไป” ตู้กล่าว “แต่หากพวกสลัดพยายามที่จะโจมตีเรือรบหรือกองเรือที่เราคุ้มครอง เราก็ต้องตอบโต้”
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พวกโจรสลัดซึ่งตั้งฐานอยู่ในดินแดนประเทศโซมาเลียที่ปราศจากรัฐบาลกลางอันเข้มแข็ง ได้เพิ่มการโจมตีเรือพาณิชย์ต่างๆ ซึ่งแล่นอยู่ทางแถบอ่าวเอเดนและมหาสมุทรอินเดียบริเวณนอกชายฝั่งโซมาเลีย อันมีการเดินเรือจอแจ จนทำให้ต้นทุนประกันสินค้าเพิ่มสูงขึ้น และกลุ่มสลัดก็ได้เงินค่าไถ่ไปหลายสิบล้านดอลลาร์แล้ว รวมทั้งกระตุ้นให้รัฐบาลต่าง ๆรู้สึกว่าต้องส่งกองกำลังเข้ามาลาดตระเวณดูแลความปลอดภัยน่านน้ำแห่งนี้
นอกเหนือจากจีนแล้ว ญี่ปุ่นก็ออกมาระบุว่ากำลังพิจารณาส่งเรือรบเข้ามาด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การที่ญี่ปุ่นจะจัดส่งกองกำลังไปปฏิบัติการในต่างแดนนั้นมีความยุ่งยากซับซ้อนกว่าจีนมาก เพราะตามรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สองนั้น เรือรบญี่ปุ่นสามารถให้ความคุ้มครองเฉพาะเรือที่ชักธงญี่ปุ่น หรือเป็นเรือที่กำลังบรรทุกคนสัญชาติญี่ปุ่นเท่านั้น
นายกรัฐมนตรีทาโร อาโสะได้สั่งให้รัฐมนตรีกลาโหม ยาซึคาสุ ฮามาดะ เดินหน้าหารือกับรัฐสภาว่า จะหาทางออกให้กองทัพเรือญี่ปุ่นสามารถร่วมมือกับนานาชาติ ในการปฏิบัติการต่อต้านโจรสลัดได้ด้วยวิธีไหน
หากว่าญี่ปุ่นหาทางออกได้สำเร็จและส่งกองเรือรบออกไป ก็นับเป็นครั้งแรกที่ทหารญี่ปุ่นเข้ามาปฏิบัติการในภูมิภาคนี้ โดยที่ทหารของญี่ปุ่นถูกห้ามมิให้เกี่ยวข้องกับการรบนอกประเทศมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง แม้ว่าญี่ปุ่นจะส่งทหารไปในอิรักในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาแต่ก็เข้าไปช่วยการก่อสร้างสาธารณูปโภคของประเทศนั้นเท่านั้น
ในขณะที่จีนกำลังมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และอิทธิพลในระดับนานาชาติก็กำลังเพิ่มขึ้นตามมาด้วย จีนได้ส่งทหารเข้าไปร่วมในกองกำลังรักษาสันติภาพที่ปฏิบัติการอยู่ทั่วโลก แต่โดยปกติแล้วจีนจะให้ทหารตั้งประจำอยู่ภายในประเทศเท่านั้น และแสดงถึงความตั้งใจของจีนที่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของประเทศอื่น
อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติโซมาเลียเป็นโอกาสสำหรับจีนที่จะเข้าไปมีบทบาทมากขึ้นในความมั่นคงระหว่างประเทศโดยไม่ต้องกระทบกระทั่งกับเพื่อนบ้าน
“สภาพการณ์ทั่วไปตอนนี้ก็คือ จีนก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจในภูมิภาคแล้ว และยิ่งในทางเศรษฐกิจด้วยแล้วจีนกำลังก้าวเป็นผู้เล่นรายใหญ่ระดับโลก” อู่ร่ายกั๋ว ผู้จัดการใหญ่โครงการความเสี่ยงด้านการเมือง ของมหาวิทยาลัยฝู่เจิ้น ในไทเปกล่าว
“เมื่อคุณมีอำนาจระดับนี้ก็ต้องมีความรับผิดชอบตามไปด้วย ไม่เพียงแต่ในด้านการเงินเท่านั้นแต่เป็นด้านการเมืองและความมั่นคงด้วย”
กระนั้น การที่เรือรบจีนเข้าไปในน่านน้ำไกลโพ้นเช่นนี้ ก็น่าจะทำให้หลายๆ ส่วนในต่างแดนเกิดความรู้สึกไม่ค่อยวางใจนัก
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า เรือรบทั้ง 3 ลำ ที่ประกอบด้วย เรือพิฆาต ไหโข่ว และ เรือพิฆาต อู่ฮั่น ซึ่งเป็นเรือรบที่ทันสมัยที่สุดของกองทัพเรือจีน พร้อมด้วยเรือลำเลียง เวยซันหู ได้ออกเดินทางจากเกาะไหหลำแล้วในช่วงบ่ายวานนี้ โดยที่เรือทั้งสามมีลูกเรือทั้งหมดราว 800 คน และ 70% เป็นหน่วยรบ
“เราได้เตรียมการพิเศษไว้สำหรับรับมือกับพวกสลัดโดยเฉพาะ แม้ว่าเราจะไม่คุ้นเคยกับน่านน้ำแห่งนั้นก็ตาม” สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างคำพูดของพลเรือตรี ตู้จิงเฉิง ซึ่งเป็นผู้บังคับการของการปฏิบัติการครั้งนี้
ซินหัวรายงานว่า ทหารเรือประจำกองเรือนี้ มีขีดความสามารถสูงมากในการจัดการกับพวกโจรสลัด โดยทหารหนึ่งคนสามารถ “รับมือกับศัตรูหลายคนได้ด้วยมือเปล่า”
“เป้าหมายหลักของเราไม่ใช่การโจมตีพวกสลัด หากแต่เป็นการขับไล่ให้หนีไป” ตู้กล่าว “แต่หากพวกสลัดพยายามที่จะโจมตีเรือรบหรือกองเรือที่เราคุ้มครอง เราก็ต้องตอบโต้”
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พวกโจรสลัดซึ่งตั้งฐานอยู่ในดินแดนประเทศโซมาเลียที่ปราศจากรัฐบาลกลางอันเข้มแข็ง ได้เพิ่มการโจมตีเรือพาณิชย์ต่างๆ ซึ่งแล่นอยู่ทางแถบอ่าวเอเดนและมหาสมุทรอินเดียบริเวณนอกชายฝั่งโซมาเลีย อันมีการเดินเรือจอแจ จนทำให้ต้นทุนประกันสินค้าเพิ่มสูงขึ้น และกลุ่มสลัดก็ได้เงินค่าไถ่ไปหลายสิบล้านดอลลาร์แล้ว รวมทั้งกระตุ้นให้รัฐบาลต่าง ๆรู้สึกว่าต้องส่งกองกำลังเข้ามาลาดตระเวณดูแลความปลอดภัยน่านน้ำแห่งนี้
นอกเหนือจากจีนแล้ว ญี่ปุ่นก็ออกมาระบุว่ากำลังพิจารณาส่งเรือรบเข้ามาด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การที่ญี่ปุ่นจะจัดส่งกองกำลังไปปฏิบัติการในต่างแดนนั้นมีความยุ่งยากซับซ้อนกว่าจีนมาก เพราะตามรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สองนั้น เรือรบญี่ปุ่นสามารถให้ความคุ้มครองเฉพาะเรือที่ชักธงญี่ปุ่น หรือเป็นเรือที่กำลังบรรทุกคนสัญชาติญี่ปุ่นเท่านั้น
นายกรัฐมนตรีทาโร อาโสะได้สั่งให้รัฐมนตรีกลาโหม ยาซึคาสุ ฮามาดะ เดินหน้าหารือกับรัฐสภาว่า จะหาทางออกให้กองทัพเรือญี่ปุ่นสามารถร่วมมือกับนานาชาติ ในการปฏิบัติการต่อต้านโจรสลัดได้ด้วยวิธีไหน
หากว่าญี่ปุ่นหาทางออกได้สำเร็จและส่งกองเรือรบออกไป ก็นับเป็นครั้งแรกที่ทหารญี่ปุ่นเข้ามาปฏิบัติการในภูมิภาคนี้ โดยที่ทหารของญี่ปุ่นถูกห้ามมิให้เกี่ยวข้องกับการรบนอกประเทศมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง แม้ว่าญี่ปุ่นจะส่งทหารไปในอิรักในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาแต่ก็เข้าไปช่วยการก่อสร้างสาธารณูปโภคของประเทศนั้นเท่านั้น
ในขณะที่จีนกำลังมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และอิทธิพลในระดับนานาชาติก็กำลังเพิ่มขึ้นตามมาด้วย จีนได้ส่งทหารเข้าไปร่วมในกองกำลังรักษาสันติภาพที่ปฏิบัติการอยู่ทั่วโลก แต่โดยปกติแล้วจีนจะให้ทหารตั้งประจำอยู่ภายในประเทศเท่านั้น และแสดงถึงความตั้งใจของจีนที่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของประเทศอื่น
อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติโซมาเลียเป็นโอกาสสำหรับจีนที่จะเข้าไปมีบทบาทมากขึ้นในความมั่นคงระหว่างประเทศโดยไม่ต้องกระทบกระทั่งกับเพื่อนบ้าน
“สภาพการณ์ทั่วไปตอนนี้ก็คือ จีนก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจในภูมิภาคแล้ว และยิ่งในทางเศรษฐกิจด้วยแล้วจีนกำลังก้าวเป็นผู้เล่นรายใหญ่ระดับโลก” อู่ร่ายกั๋ว ผู้จัดการใหญ่โครงการความเสี่ยงด้านการเมือง ของมหาวิทยาลัยฝู่เจิ้น ในไทเปกล่าว
“เมื่อคุณมีอำนาจระดับนี้ก็ต้องมีความรับผิดชอบตามไปด้วย ไม่เพียงแต่ในด้านการเงินเท่านั้นแต่เป็นด้านการเมืองและความมั่นคงด้วย”
กระนั้น การที่เรือรบจีนเข้าไปในน่านน้ำไกลโพ้นเช่นนี้ ก็น่าจะทำให้หลายๆ ส่วนในต่างแดนเกิดความรู้สึกไม่ค่อยวางใจนัก
