เอเอฟพี - บริษัทผู้ผลิตรองเท้าที่นักข่าวชาวอิรักใช้ปาเข้าใส่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช แห่งสหรัฐฯ ต้องจ้างพนักงานพิเศษ 100 คน เพื่อรับมือกับความต้องการรองเท้ารุ่นนี้ ที่เพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราด
เซอร์คาน เติร์ก ผู้อำนวยการฝ่ายขายบริษัทผู้ผลิตรองเท้า เบย์ดาน ชูส์ ซึ่งตั้งอยู่ในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี บอกกับเอเอฟพีเมื่อวันจันทร์(22)ว่า "ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ จนถึง 13.00 น.วันนี้ เราได้รับคำสั่งซื้อรวมแล้ว 370,000 คู่"
ตามปกติแล้วบริษัทขายรองเท้ารุ่นเดียวกับที่ มุนตาเซอร์ อัลไซดี ขว้างใส่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ณ ห้องแถลงข่าวในกรุงแบกแดด เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม จนกลายเป็นวีรชนในโลกอาหรับชั่วพริบตา ได้เพียง 15,000 คู่ในแต่ละปีเท่านั้น
เติร์ก กล่าวว่า เบื้องต้นคำสั่งซื้อไหลบ่ามาจากอิรัก จากนั้นจึงตามด้วยประเทศในตะวันออกกลาง แล้วก็มีมาจากชาติอื่นๆทั่วโลก รวมไปถึงสหรัฐฯซึ่งมีใบสั่งซื้อเข้ามาถึง 19,000 คู่เลยทีเดียว พร้อมกันนั้นทางบริษัทได้เปลี่ยนชื่อรุ่นของรองเท้าแบบนี้ จากรุ่น 271 เป็น "Bush Shoes"
เติร์ก ย้ำว่าทางบริษัทจะไม่ค้ากำไรเกินควรจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ด้วยการขึ้นราคาจากที่ตั้งราคา ณ หน้าโรงงานไว้ที่คู่ละ 27 ดอลลาร์(ประมาณ 900 บาท) พร้อมระบุว่าทางบริษัทรู้สึกปลื้มใจที่รองเท้ารุ่นนี้ประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่ได้คาดหวังไว้
ในโลกอาหรับนั้น การปารองเท้าใส่ใครถือเป็นพฤติกรรมการหมิ่นประมาทอย่างรุนแรง แต่เติร์กชี้ว่ารองเท้ารุ่นนี้คงไม่อาจสร้างอาการบาดเจ็บให้ บุช ได้มากมายอะไรหรอก หากว่า อัลไซดี ขว้างถูกเขา "มันมีรูปร่างหน้าตาที่ทำให้เหมือนกับว่ามีน้ำหนักมากกว่าที่เป็นจริง" เขากล่าว "ที่จริงแล้วมันหนักเพียง 300 กรัมเท่านั้น"
อัลไซดี วัย 29 ปี ถูกตั้งข้อหากระทำก้าวร้าวคุกคามประธานาธิบดีต่างชาติที่มาเยือนประเทศอย่างเป็นทางการ โดยหากพบว่ามีความผิดจริง เขาอาจถูกจำคุก 5 ถึง 15 ปี ภายใต้กฎหมายของอิรัก
เขามีกำหนดจะถูกพิจารณาคดีในศาลในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ โดยที่ครอบครัวของเขาได้ออกมากล่าวหาเจ้าหน้าที่ว่า ทรมานทำร้ายไซดีขณะคุมขัง แต่ผู้พิพากษาที่ทำหน้าที่สอบสวนในคดีนี้บอกว่า ไซดีได้รับบาดเจ็บขณะถูกจับกุม ทว่าไม่ได้ถูกทรมานระหว่างถูกขัง
เซอร์คาน เติร์ก ผู้อำนวยการฝ่ายขายบริษัทผู้ผลิตรองเท้า เบย์ดาน ชูส์ ซึ่งตั้งอยู่ในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี บอกกับเอเอฟพีเมื่อวันจันทร์(22)ว่า "ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ จนถึง 13.00 น.วันนี้ เราได้รับคำสั่งซื้อรวมแล้ว 370,000 คู่"
ตามปกติแล้วบริษัทขายรองเท้ารุ่นเดียวกับที่ มุนตาเซอร์ อัลไซดี ขว้างใส่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ณ ห้องแถลงข่าวในกรุงแบกแดด เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม จนกลายเป็นวีรชนในโลกอาหรับชั่วพริบตา ได้เพียง 15,000 คู่ในแต่ละปีเท่านั้น
เติร์ก กล่าวว่า เบื้องต้นคำสั่งซื้อไหลบ่ามาจากอิรัก จากนั้นจึงตามด้วยประเทศในตะวันออกกลาง แล้วก็มีมาจากชาติอื่นๆทั่วโลก รวมไปถึงสหรัฐฯซึ่งมีใบสั่งซื้อเข้ามาถึง 19,000 คู่เลยทีเดียว พร้อมกันนั้นทางบริษัทได้เปลี่ยนชื่อรุ่นของรองเท้าแบบนี้ จากรุ่น 271 เป็น "Bush Shoes"
เติร์ก ย้ำว่าทางบริษัทจะไม่ค้ากำไรเกินควรจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ด้วยการขึ้นราคาจากที่ตั้งราคา ณ หน้าโรงงานไว้ที่คู่ละ 27 ดอลลาร์(ประมาณ 900 บาท) พร้อมระบุว่าทางบริษัทรู้สึกปลื้มใจที่รองเท้ารุ่นนี้ประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่ได้คาดหวังไว้
ในโลกอาหรับนั้น การปารองเท้าใส่ใครถือเป็นพฤติกรรมการหมิ่นประมาทอย่างรุนแรง แต่เติร์กชี้ว่ารองเท้ารุ่นนี้คงไม่อาจสร้างอาการบาดเจ็บให้ บุช ได้มากมายอะไรหรอก หากว่า อัลไซดี ขว้างถูกเขา "มันมีรูปร่างหน้าตาที่ทำให้เหมือนกับว่ามีน้ำหนักมากกว่าที่เป็นจริง" เขากล่าว "ที่จริงแล้วมันหนักเพียง 300 กรัมเท่านั้น"
อัลไซดี วัย 29 ปี ถูกตั้งข้อหากระทำก้าวร้าวคุกคามประธานาธิบดีต่างชาติที่มาเยือนประเทศอย่างเป็นทางการ โดยหากพบว่ามีความผิดจริง เขาอาจถูกจำคุก 5 ถึง 15 ปี ภายใต้กฎหมายของอิรัก
เขามีกำหนดจะถูกพิจารณาคดีในศาลในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ โดยที่ครอบครัวของเขาได้ออกมากล่าวหาเจ้าหน้าที่ว่า ทรมานทำร้ายไซดีขณะคุมขัง แต่ผู้พิพากษาที่ทำหน้าที่สอบสวนในคดีนี้บอกว่า ไซดีได้รับบาดเจ็บขณะถูกจับกุม ทว่าไม่ได้ถูกทรมานระหว่างถูกขัง