xs
xsm
sm
md
lg

"สสปน." อ้อนรัฐของบ 800ล. กลางสารพัดแผนกู้ตลาดไมซ์คืน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สสปน. อัดแคมเปญแจกไม่อั้น เตรียมชง ครม. ของบฉุกเฉิน 800 ล้านบาท กระตุ้น ตลาดไมซ์ มั่นใจหากการเมืองนิ่ง ตลาดจะกลับสู่ปกติโดยเร็ว ระบุเวทีประชุมผู้นำอาเซียน จะส่งสัญญาณความพร้อมของประเทศไทย พร้อมเตรียมเชิญ นายกฯมาร์ค นั่งพรีเซ็นเตอร์

นายณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เปิดเผยว่า เตรียมเสนอเรื่องต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อ ของบ กลางปีฉุกเฉิน ประจำปีงบประมาณ 2552 วงเงิน 800 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นตลาดประชุมสัมมนา หรือ ไมซ์ (MICE) อันเนื่องมาจากการได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ให้ฟื้นสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

วงเงินดังกล่าว แบ่งเป็น 400 ล้านบาท ให้แก่ สสปน. อีก 400 ล้านบาท ให้สำนักงบประมาณ ตั้งไว้ เพื่อ ช่วยหน่วยงาน ที่ เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน ในเวทีประชุมระดับโลก ของสายงานนั้นๆ เพื่อดึงงานให้เข้ามาจัดในประเทศไทย ซึ่งหากหน่วยงานใดทำได้ ก็จะให้ กพร. หรือ คณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ ให้ คะแนนการประเมินผลงานเพิ่มเติม

***แจกแถมไม่อั้นแซงคู่แข่ง**
ในส่วนของ สสปน. จะนำเงินที่ได้มา เพื่อเติมในการดำเนินแผนงานกระตุ้นตลาด ดึงงานและ ผู้เข้าร่วมงานจากต่างประเทศ ให้เลือกประเทศไทยในการจัดงาน ซึ่งแผนการทำงานของ สสปน. ที่ ปรับใหม่ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต ได้เห็นตรงกันว่า จะให้อินเซ็นทีฟ โดยการ สนับสนุนค่าที่พักในคืนที่ 3 ในกรณีที่มีการประชุมมากกว่า 3 วัน , เพิ่มเติมเงินสนับสนุน นอกเหนือจากที่ทำอยู่ปกติ ให้แก่ ผู้เดินทางมาเพื่อการประชุมนานาชาติ อีกจำนวน 1,000 ต่อ 1 ท่าน โดยผู้เข้าร่วมประชุมจะต้องยืนยันการเข้าร่วมประชุมตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 ก.ย.52

และ สนับสนุนเงินให้แก่ผู้เดินทางเพื่อการจัดแสดงสินค้านานาชาติ จำนวน 200,000 บาท สำหรับงานแสดงสินค้านานาชาติที่ยืนยันการจัดงานตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มี.ค.51 รวมทั้งมีโปรโมชั่นสนับสนุนเงิน 100 เหรียญสหรัฐ ให้แก่ต่างชาติ ที่จะเดินทางมาเข้าชมงานแสดงสินค้าตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธ.ค.52 ทั้งนี้จะต้องมีการประสานรายละเอียดในแต่ละประเภทของการสนับสนุนด้วย

" วงเงินดังกล่าว จะนำไปเพิ่มเติม ในการบิดงานในต่างประเทศให้เข้ามาจัดในประเทศไทยด้วย โดยตลาดที่จะกระตุ้นให้เดินทางเข้ามาได้เร็วสุดในปีหน้า คือ M และ I หรือ ประชุมสัมมนาและ ท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล เพราะผู้จัดสามารถตัดสินใจได้เร็ว ใช้เวลาเตรียมงานไม่นาน ส่วน ตลาด เอ็กซิบิชั่น หรือ E และ คอนเวนชั่น หรือ C ต้องใช้เวลาเตรียมงานข้ามปี โดยเฉพาะงานขนาดใหญ่ แต่ สสปน. ก็จะเดินหน้าบิดงานต่อไป เพื่อเตรียมไว้ในอนาคต"

**ปีฉลูไมซ์แข่งเดือด**
อย่างไรก็ตาม ปีหน้า ยอมรับว่า ตลาดไมซ์ จะแข่งขันสูง ปัจจัยลบที่สำคัญคือ ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ที่ทำให้ บริษัททั่วโลก ชะลอ หรือ ลดขนาดไซน์ของการจัดงาน ขณะที่ ประเทศที่เป็นสถานที่จัดงาน โดยเฉพาะในย่านเอเชีย ต่างก็มุ่งทำตลาดระยะใกล้ ในย่านเดียวกัน เพราะ ได้รับผลกระทบน้อยกว่า จึงเหมือน แย่งเค็กชิ้นเดียวกัน แต่ประเทศไทย มีความโดดเด่นในเรื่องของ สถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ความคุ้มค่าเงิน ดังนั้น หาก สถานการณ์ภายในประเทศสงบนิ่ง มั่นใตว่าเราจะสู้คู่แข่งขัน อย่าง ฮ่องกง สิงค์โปร์ และ มาเลเซียได้แน่นอน

สำหรับตลาดในประเทศ หรือ โดเมสติกไมซ์ จะร่วมกับภาคเอกชน และ การบินไทย จัดทำแพคเกจ ที่น่าสนใจ ทั้งราคา บริการ และ สถานที่ โดยต้องมีความพิเศษ กว่าที่ผ่านมา ไปนำเสนอแก่องค์กร ต่างๆ , จัดแฟมทริป เชิญ ผู้มีอำนาจตัดสินใจ ไปชมสถานที่ ซึ่ง สสปน. หวังว่า การปรับลดงบ ด้านประชุมสัมมนาหรือท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลในแต่ละองค์กร จะทำให้ เราได้รับอานิสงส์ โดยหน่วยงานนั้นๆจะ หันมาใช้สถานที่ในประเทศไทย มาขึ้น จากเดิมจะนิยมเดินทางไปต่างประเทศ ถ้าเราทำแพกเกจได้น่าสนใจ และให้ภาครัฐลดหย่อนภาษีถึง 200% ให้ แก่ผู้ประกอบการที่ร่วมโครงการ

ทั้งนี้โดเมสติกไมซ์ สสปน. ตั้งเป้า ปีหน้า จะต้องกระตุ้นให้เกิดการเดินทางให้ได้ 1 ล้านคน ใน 1 ปี โดยจากการปรับแผนธุรกิจ ของ สสปน. ได้จัดสรรงบประมาณ ปกติ ประจำปี 2552 ที่ได้รับมา 913 ล้านบาท ให้แก่ตลาดโดเมสติดไมซ์ วงเงิน 230 ล้านบาท จากปี 2551 ที่ จัดสรรงบในตลาดนี้ไว้ที่ 50 ล้านบาท ซึ่งสวนที่เพิ่มเติม คือ โยกจากงบตลาดต่างประเทศ ในบางส่วน

***ปรับลดเป้า 30%**
ด้านเป้าหมายรายได้ สสปน. ได้ปรับลดเป้า ปี 2551 เหลือ จำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ ที่ 636,000 คน จากเป้าหมายเดิมตั้งไว้ เกือบ 7 แสนคน ส่วนรายได้ ลดมาอยู่ที่ 52,000 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิมตั้งไว้ 65,000 ล้านบาท การปรับลด ครั้งนี้ นอกจากปัญหาการเมือง แล้ว ยังเป็นเรื่องผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกด้วย ทำให้ ตลาดไมซ์ในโลกลดลง 10-20% แต่ ประเทศไทย ลดลงราว 30% เพราะมีเหตุทางการเมืองในประเทศ ส่วนปี 2552 ตั้งเป้าเติบโตจากตัวเลขของปีนี้อีก 10% เป็น จำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ ที่ 699,600 คน สร้างรายได้เข้าประเทศ 57,000 ล้านบาท แต่หาก วิกฤตเศรษฐกิจโลกฟื้นเร็ว การเมืองภายในประเทศนิ่ง น่าจะเติบโตได้ถึง 20%

นายณัฐวุฒิ กล่าวทิ้งท้ายว่า สสปน. ยังได้ส่งหนังสือ ขอเชิญ ให้ นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แก่ สสปน. โดยการพูดเชิญชวนให้เข้ามาจัดงานในประเทศไทย พร้อม การันตีความปลอดภัย นอกจากนั้น ยังมั่นใจว่า เวทีการจัดประชุมผู้นำอาเซียน ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ จัดในเดือน ก.พ. 52 นี้ จะเป็นเวที เรียกความเชื่อมั่นในเร็ว เพราะ ภาพ การประชุมที่ถูกถ่ายทอดออกไป และ สื่อมวลชนต่างประเทศ ที่เข้ามาทำข่าว จะยืนยันความพร้อมของประเทศไทย ได้เป็นอย่างดี
กำลังโหลดความคิดเห็น