เอเอฟพี - ไครส์เลอร์ ผู้ผลิตรถยนต์อเมริกัน หนึ่ง ใน "บิ๊กทรีแห่งดีทรอยต์" ประกาศวันพุธ(17) หยุดการผลิตรถยนต์ชั่วคราวหลังความต้องการซื้อรถยนต์ดิ่งวูบและความหวังจะได้เงินช่วยเหลือ 14,000 ล้านดอลลาร์จากรัฐบาลยังริบหรี่
ทั้งไครส์เลอร์ซึ่งเป็นกิจการเล็กที่สุดในกลุ่มบิ๊กทรี และจีเอ็มซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ากิจการของตนจวนเจียนจะล้มละลายเต็มที หากรัฐบาลไม่ยอมช่วยกอบกู้วิกฤตทางการเงินที่เกิดขึ้น
แต่ไครส์เลอร์ส่อแสดงอาการหนักกว่า เมื่อระบุว่าจะหยุดการผลิตชั่วคราวเป็นเวลา 1 เดือนเป็นอย่างน้อย โดยเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ (19) เป็นต้นไป เพื่อรับมือกับวิกฤตสินเชื่อที่เผชิญอยู่และการที่รัฐบาลยังหาข้อยุติไม่ได้เกี่ยวกับแผนการช่วยเหลือทางการเงินแก่อุตสาหกรรมรถยนต์
"วิกฤตการณ์ทางการเงินทำให้ตลาดรถยนต์ยังคงซบเซา เนื่องจากผู้บริโภคที่ต้องการซื้อรถยนต์ ไม่สามารถขอสินเชื่อเพื่อซื้อรถได้" คำแถลงของไครส์เลอร์ระบุเหตุผล และว่า "เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายได้ประกาศปรับกำลังการผลิตรถยนต์ลดลงครั้งใหญ่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2009 และเพื่อให้มั่นใจว่าปริมาณรถที่ผลิตไปแล้วมีสัดส่วนสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ไครส์เลอร์จึงจะขอขยายเวลาการหยุดผลิตในช่วงวันหยุดออกไปอีก"
จากเหตุผลดังกล่าว "ไครส์เลอร์จะหยุดทำการผลิตรถยนต์ชั่วคราวเมื่อสิ้นสุดกะสุดท้ายในวันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม ซึ่งพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดผลิตก็จะต้องหยุดทำงานไปจนกว่าจะถึงวันจันทร์ที่ 19 มกราคม 2009 เป็นอย่างน้อย"
ไครส์เลอร์ระบุว่าได้แจ้งเรื่องนี้ไปยังสหภาพคนงานอุตสาหกรรมรถยนต์ รวมทั้งพนักงานและซัปพลายเออร์แล้ว และอันที่จริงทางดีลเลอร์เองก็ได้บอกว่า "มีผู้ต้องการซื้อรถไครส์เลอร์ จี๊ป และดอดจ์" แต่ไม่สามารถมาทำสัญญาได้เพราะขาดแหล่งไฟแนนซ์
ทั้งนี้ไครส์เลอร์ไม่ได้เปิดเผยจำนวนของคนงานที่จะได้รับผลกระทบจากการหยุดผลิตครั้งนี้ แต่ในหนังสือข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทระบุว่า ณ เดือนกันยายน บริษัทมีพนักงานจำนวนทั้งสิ้น 63,480 คน นอกจากนั้น ไครส์เลอร์ยังมีโรงงานผลิตรถยนต์ 14 แห่ง โรงงานผลิตระบบส่งกำลัง 10 แห่ง โรงงานปั๊มชิ้นส่วน 4 แห่ง และกิจการผลิตในเครือที่อยู่นอกทวีปอเมริกาเหนืออีก 5 แห่ง
ส่วน รอน เก็ตเทลฟิงเกอร์ ผู้นำสหภาพคนงานอุตสาหกรรมรถยนต์กล่าวว่าการหยุดการผลิต "เป็นข่าวที่ทำให้พวกเราผิดหวัง" และเสริมว่าคนงานที่ต้องหยุดงานนานหนึ่งเดือนจะต้องวิ่งไปขอ "เงินเพิ่มเติมจากสวัสดิการช่วยเหลือกรณีว่างงาน"
เขาบอกว่านี่แสดงให้เห็นภาวะความตึงเครียดที่อุตสาหกรรมรถยนต์กำลังเผชิญอยู่ และเรียกร้องให้รัฐบาลยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ข่าวการหยุดการผลิตชั่วคราวมีขึ้นหลังจากที่ทำเนียบขาวเตือนว่าอุตสาหกรรมรถยนต์จะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล ก็ต่อเมื่อต้องยอมเสียสละอะไรให้มากขึ้นอีก โดยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช กล่าวเมื่อวันพุธว่าเขากำลังพิจารณาทางเลือกต่างๆ ที่มีทั้งหมดก่อนตัดสินใจ
"การล้มครืนแบบที่ไร้ระเบียบแบบแผน การล้มละลายแบบไร้การจัดตั้ง หรือการล้มละลายแบบไร้ระเบียบ ... สามารถที่จะส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ หรือยิ่งกว่านั้นอีก ซึ่งเรากำลังได้เห็นกันอยู่ และนั่นเป็นเรื่องที่ผมวิตก" บุชบอก แต่ก็ยังยืนยันว่าจะไม่ให้เงินช่วยเหลือแก่กิจการที่อย่างไรก็จะไปไม่รอดอยู่แล้ว
เมื่อถูกถามว่าเขาจะตัดสินใจเรื่องอุตสาหกรรมรถยนต์นี้เมื่อใด บุชก็ตอบว่า "ผมกำลังคิดให้ถี่ถ้วนรอบคอบอยู่ แต่มันจำเป็นจะต้องทำให้เสร็จในเวลาค่อนข้างเร็วทีเดียว"
ส่วนกลุ่มบิ๊กทรี ซึ่งประกอบด้วยจีเอ็ม ฟอร์ด และไครส์เลอร์ ก็ได้เตือนว่าหากรัฐบาลไม่จัดสรรเงินกู้ตามมาตรการช่วยเหลือระยะสั้น 14,000 ล้านดอลลาร์ให้อุตสาหกรรมรถยนต์ ก็จะมีคนงานนับล้านคนต้องตกงาน ซึ่งย่อมส่งแรงกระเพื่อมต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ย่ำแย่อยู่แล้ว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจีเอ็มก็ได้ประกาศหยุดการผลิต 30 เปอร์เซ็นต์ในตลาดอเมริกาเหนือไปแล้วตามสภาพการณ์ถดถอยอย่างรวดเร็วของตลาด นอกจากนั้นในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ ลดลงถึง 37 เปอร์เซ็นต์ และมีข่าวหนาหูว่าจีเอ็มและไครส์เลอร์มีโอกาสล้มละลายสูงมาก
ทั้งไครส์เลอร์ซึ่งเป็นกิจการเล็กที่สุดในกลุ่มบิ๊กทรี และจีเอ็มซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ากิจการของตนจวนเจียนจะล้มละลายเต็มที หากรัฐบาลไม่ยอมช่วยกอบกู้วิกฤตทางการเงินที่เกิดขึ้น
แต่ไครส์เลอร์ส่อแสดงอาการหนักกว่า เมื่อระบุว่าจะหยุดการผลิตชั่วคราวเป็นเวลา 1 เดือนเป็นอย่างน้อย โดยเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ (19) เป็นต้นไป เพื่อรับมือกับวิกฤตสินเชื่อที่เผชิญอยู่และการที่รัฐบาลยังหาข้อยุติไม่ได้เกี่ยวกับแผนการช่วยเหลือทางการเงินแก่อุตสาหกรรมรถยนต์
"วิกฤตการณ์ทางการเงินทำให้ตลาดรถยนต์ยังคงซบเซา เนื่องจากผู้บริโภคที่ต้องการซื้อรถยนต์ ไม่สามารถขอสินเชื่อเพื่อซื้อรถได้" คำแถลงของไครส์เลอร์ระบุเหตุผล และว่า "เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายได้ประกาศปรับกำลังการผลิตรถยนต์ลดลงครั้งใหญ่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2009 และเพื่อให้มั่นใจว่าปริมาณรถที่ผลิตไปแล้วมีสัดส่วนสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ไครส์เลอร์จึงจะขอขยายเวลาการหยุดผลิตในช่วงวันหยุดออกไปอีก"
จากเหตุผลดังกล่าว "ไครส์เลอร์จะหยุดทำการผลิตรถยนต์ชั่วคราวเมื่อสิ้นสุดกะสุดท้ายในวันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม ซึ่งพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดผลิตก็จะต้องหยุดทำงานไปจนกว่าจะถึงวันจันทร์ที่ 19 มกราคม 2009 เป็นอย่างน้อย"
ไครส์เลอร์ระบุว่าได้แจ้งเรื่องนี้ไปยังสหภาพคนงานอุตสาหกรรมรถยนต์ รวมทั้งพนักงานและซัปพลายเออร์แล้ว และอันที่จริงทางดีลเลอร์เองก็ได้บอกว่า "มีผู้ต้องการซื้อรถไครส์เลอร์ จี๊ป และดอดจ์" แต่ไม่สามารถมาทำสัญญาได้เพราะขาดแหล่งไฟแนนซ์
ทั้งนี้ไครส์เลอร์ไม่ได้เปิดเผยจำนวนของคนงานที่จะได้รับผลกระทบจากการหยุดผลิตครั้งนี้ แต่ในหนังสือข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทระบุว่า ณ เดือนกันยายน บริษัทมีพนักงานจำนวนทั้งสิ้น 63,480 คน นอกจากนั้น ไครส์เลอร์ยังมีโรงงานผลิตรถยนต์ 14 แห่ง โรงงานผลิตระบบส่งกำลัง 10 แห่ง โรงงานปั๊มชิ้นส่วน 4 แห่ง และกิจการผลิตในเครือที่อยู่นอกทวีปอเมริกาเหนืออีก 5 แห่ง
ส่วน รอน เก็ตเทลฟิงเกอร์ ผู้นำสหภาพคนงานอุตสาหกรรมรถยนต์กล่าวว่าการหยุดการผลิต "เป็นข่าวที่ทำให้พวกเราผิดหวัง" และเสริมว่าคนงานที่ต้องหยุดงานนานหนึ่งเดือนจะต้องวิ่งไปขอ "เงินเพิ่มเติมจากสวัสดิการช่วยเหลือกรณีว่างงาน"
เขาบอกว่านี่แสดงให้เห็นภาวะความตึงเครียดที่อุตสาหกรรมรถยนต์กำลังเผชิญอยู่ และเรียกร้องให้รัฐบาลยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ข่าวการหยุดการผลิตชั่วคราวมีขึ้นหลังจากที่ทำเนียบขาวเตือนว่าอุตสาหกรรมรถยนต์จะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล ก็ต่อเมื่อต้องยอมเสียสละอะไรให้มากขึ้นอีก โดยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช กล่าวเมื่อวันพุธว่าเขากำลังพิจารณาทางเลือกต่างๆ ที่มีทั้งหมดก่อนตัดสินใจ
"การล้มครืนแบบที่ไร้ระเบียบแบบแผน การล้มละลายแบบไร้การจัดตั้ง หรือการล้มละลายแบบไร้ระเบียบ ... สามารถที่จะส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ หรือยิ่งกว่านั้นอีก ซึ่งเรากำลังได้เห็นกันอยู่ และนั่นเป็นเรื่องที่ผมวิตก" บุชบอก แต่ก็ยังยืนยันว่าจะไม่ให้เงินช่วยเหลือแก่กิจการที่อย่างไรก็จะไปไม่รอดอยู่แล้ว
เมื่อถูกถามว่าเขาจะตัดสินใจเรื่องอุตสาหกรรมรถยนต์นี้เมื่อใด บุชก็ตอบว่า "ผมกำลังคิดให้ถี่ถ้วนรอบคอบอยู่ แต่มันจำเป็นจะต้องทำให้เสร็จในเวลาค่อนข้างเร็วทีเดียว"
ส่วนกลุ่มบิ๊กทรี ซึ่งประกอบด้วยจีเอ็ม ฟอร์ด และไครส์เลอร์ ก็ได้เตือนว่าหากรัฐบาลไม่จัดสรรเงินกู้ตามมาตรการช่วยเหลือระยะสั้น 14,000 ล้านดอลลาร์ให้อุตสาหกรรมรถยนต์ ก็จะมีคนงานนับล้านคนต้องตกงาน ซึ่งย่อมส่งแรงกระเพื่อมต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ย่ำแย่อยู่แล้ว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจีเอ็มก็ได้ประกาศหยุดการผลิต 30 เปอร์เซ็นต์ในตลาดอเมริกาเหนือไปแล้วตามสภาพการณ์ถดถอยอย่างรวดเร็วของตลาด นอกจากนั้นในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ ลดลงถึง 37 เปอร์เซ็นต์ และมีข่าวหนาหูว่าจีเอ็มและไครส์เลอร์มีโอกาสล้มละลายสูงมาก
