นายเตียว คิม เทียก กรรมการผู้จัดการสถาบันดูแลแก้ไขปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะ สเวนสัน แฮร์เซ็นเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจตลาดสถาบันดูแลแก้ไขปัญหาเส้นผมในปี 2552 จะชะลอตัว เนื่องมาจากการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจในปีหน้าที่อาจจะติดลบ บวกกับปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ อาทิ ปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ
สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดในปี2552 ทางบริษัทฯจะทำการตลาดทั้งแบบอะโบพเดอะไลน์ อาทิ การใช้พรีเซ็นเตอร์ ที่มีปัญหาเรื่องของเส้นผมและหนังศีรษะเพื่อให้ผู้บริโภคเห็นถึงความแตกต่างและเพิ่มความมั่นใจในการรักษา และการทำบีโลว์เดอะไลน์ เพื่อสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างแท้จริง เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมที่มีกว่า 50,000 คนจาก20 สาขาทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตามสำหรับรายได้ปี 2551 เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 480 ล้านบาท เทียบกับปี 2550โตกว่า 15% และมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 80% ของตลาดรวมสถาบันดูแลแก้ไขปัญหาเส้นผม แม้ว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี จะมีปัญหาเรื่องของเศรษฐกิจ เข้ามากระทบ แต่ทางบริษัทฯก็ได้ปรับแผนรองรับอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการออกผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าสามารถซื้อกลับไปใช้ที่บ้านได้ บวกกับการขยายสาขาเพิ่มอีก 3 สาขาคือ เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ รถไฟฟ้าใต้ดินอโศกและพหลโยธิน สามารถช่วยกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้า
ทั้งนี้ในปี 2552 ทางบริษัทฯยังคงตั้งเป้ารายได้คงที่คือ 480 ล้านบาท แต่จะมีการขยายฐานกลุ่มลูกค้าอีก 10-15% จากฐานลูกค้าเดิม ในส่วนของงบการตลาดทางบริษัทฯจะใช้งบการตลาดมากกว่าปี2551 ที่ใช้ประมาณ 10-15 % ของยอดขาย มุ่งเน้นดันผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมเข้าสู่ตลาดแมส ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายกับทางร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่นอีเลฟเว่นที่ขายสินค้าผ่านแคตตาล็อก คาดว่าจะสามารถวางตลาดได้ภายในต้นปี2552 เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะสามารถสร้างยอดขายได้ 5-10%ของรายได้
นอกจากนี้บริษัทฯมีแผนจะขยายสาขาเพิ่มอีก อาทิ พัทยาและขอนแก่น และอาจจะขยายเพิ่มอีกทั้งนี้ต้องรอดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปีหน้า ใช้งบการลงทุนต่อสาขาประมาณ 2-5 ล้านบาท รวมทั้งยังมีแผนที่จะขยายสาขาไปยังประเทศเวียดนาม กัมพูชาและอินเดีย อีกทั้งยังมีการรีโนเวตสาขาด้วย โดยใช้งบการรีโนเวตสาขาอย่างต่ำประมาณ 5 แสนบาทต่อสาขา
สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดในปี2552 ทางบริษัทฯจะทำการตลาดทั้งแบบอะโบพเดอะไลน์ อาทิ การใช้พรีเซ็นเตอร์ ที่มีปัญหาเรื่องของเส้นผมและหนังศีรษะเพื่อให้ผู้บริโภคเห็นถึงความแตกต่างและเพิ่มความมั่นใจในการรักษา และการทำบีโลว์เดอะไลน์ เพื่อสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างแท้จริง เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมที่มีกว่า 50,000 คนจาก20 สาขาทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตามสำหรับรายได้ปี 2551 เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 480 ล้านบาท เทียบกับปี 2550โตกว่า 15% และมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 80% ของตลาดรวมสถาบันดูแลแก้ไขปัญหาเส้นผม แม้ว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี จะมีปัญหาเรื่องของเศรษฐกิจ เข้ามากระทบ แต่ทางบริษัทฯก็ได้ปรับแผนรองรับอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการออกผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าสามารถซื้อกลับไปใช้ที่บ้านได้ บวกกับการขยายสาขาเพิ่มอีก 3 สาขาคือ เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ รถไฟฟ้าใต้ดินอโศกและพหลโยธิน สามารถช่วยกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้า
ทั้งนี้ในปี 2552 ทางบริษัทฯยังคงตั้งเป้ารายได้คงที่คือ 480 ล้านบาท แต่จะมีการขยายฐานกลุ่มลูกค้าอีก 10-15% จากฐานลูกค้าเดิม ในส่วนของงบการตลาดทางบริษัทฯจะใช้งบการตลาดมากกว่าปี2551 ที่ใช้ประมาณ 10-15 % ของยอดขาย มุ่งเน้นดันผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมเข้าสู่ตลาดแมส ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายกับทางร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่นอีเลฟเว่นที่ขายสินค้าผ่านแคตตาล็อก คาดว่าจะสามารถวางตลาดได้ภายในต้นปี2552 เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะสามารถสร้างยอดขายได้ 5-10%ของรายได้
นอกจากนี้บริษัทฯมีแผนจะขยายสาขาเพิ่มอีก อาทิ พัทยาและขอนแก่น และอาจจะขยายเพิ่มอีกทั้งนี้ต้องรอดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปีหน้า ใช้งบการลงทุนต่อสาขาประมาณ 2-5 ล้านบาท รวมทั้งยังมีแผนที่จะขยายสาขาไปยังประเทศเวียดนาม กัมพูชาและอินเดีย อีกทั้งยังมีการรีโนเวตสาขาด้วย โดยใช้งบการรีโนเวตสาขาอย่างต่ำประมาณ 5 แสนบาทต่อสาขา
