xs
xsm
sm
md
lg

สนธิฟ้องหมิ่น3เกลอหัวกลม“ตี๋ ชิงชัย”พึ่งศาลฟันรองโฆษกตร.-ข่าวสด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้(16 ธ.ค.)ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมอบอำนาจให้ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้ดำเนินรายการ”ความจริงวันนี้”บริษัท เพื่อนพ้อง น้องพี่ จำกัด นายสุริยงค์ หุณฑสาร รักษาการ ผอ. สถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที นายเผชิญ ขำโพธิ์ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และกรมประชาสัมพันธ์ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1 – 7 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
โจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 28 – 29 ต.ค. 51 จำเลยที่ 1 – 3 ได้จัดรายการ”ความจริงวันนี้”ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ เอ็นบีที ได้กล่าวข้อความหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ทำนองว่า โจทก์เป็นบุคคลล้มละลายมีหนี้สินกับธนาคารมากมาย ไม่รู้ว่าจะมีปัญญาชำระหรือไม่ เป็นคนที่ถูกศาลพิพากษาจำคุกอย่างน้อย 5 ปี 9 เดือน ตอนนี้ยังมีคดีเข้าคิวรออยู่อีกประมาณ 60 คดี บิดาก็เป็นคนล้มละลายเหมือนกัน มา 2 ชั่วอายุคน ทั้งสร้างความเสียหาย บุกยึดทำเนียบรัฐบาลเป็นกบฏ กลายเป็นคนที่สามารถทำร้ายทุกคนในประเทศนี้ คนชนิดนี้เป็นนักเลงโต ข่มขู่คนนั้นข่มขู่คนนี้ ใช้วิธีการแบล็กเมล์ ความเป็นนักเลงโตแบบนี้ ท้ายที่สุดทุกคนเหมือนตกอยู่ในเมืองขึ้นของโจทก์แทบทั้งสิ้น และข้อความอื่น ๆ ซึ่งล้วนเป็นเท็จ
ทั้งที่ความจริงแล้วโจทก์ไม่เคยข่มขู่ หรือทำตัวเป็นอันธพาล หรือนักเลงกลั่นแกล้งบุคคลอื่น โจทก์ประกอบอาชีพสื่อมวลชนด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต การที่โจทก์ถูกฟ้องร้องหลายคดีก็สืบเนื่องจากโจทก์ได้พูดเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่น การซื้อเสียง การแสวงหาผลประโยชน์ของบุคคลใกล้ชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สร้างความเกลียดชังจึงฟ้องคดีโจทก์เป็นจำนวนมาก
โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีดำที่ อ.4883 / 51 และนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์วันที่ 2 มี.ค. 52 เวลา 09.00 น.

ตี๋ ชิงชัยฟ้องหมิ่นรองโฆษก สตช.
วันเดียวกันเวลา 16.00 น.นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้นำคำฟ้องของ นายชิงชัย อุดมเจริญกิจ หรือ ตี๋ ชิงชัย เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ,บริษัทข่าวสด , นายฐากูร บุนปาน บรรณาธิการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา นสพ.ข่าวสด และ นายเผด็จ ภูรีปติภาน คอลัมนิสต์ นสพ.ข่าวสด เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
โจทก์ฟ้องสรุปว่า โจทก์เป็นผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 เมื่อวันที่ 8 - 9 ต.ค.51 จำเลยที่ 1-3 ร่วมกันกระทำผิด กล่าวคือ เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 51 เวลา 16.30 น. จำเลยที่ 1 ได้แถลงข่าวทำนองว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บในจากเหตุการณ์ดังกล่าวพกพาอาวุธเข้าไปเอง โดยมีภาพผู้บาดเจ็บถือระเบิดอยู่ในมือ ประกอบการแถลงข่าว ต่อมาวันที่ 9 ต.ค. 51 จำเลยที่ 1-3 ร่วมกันลงข่าวใน นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 9 ต.ค. 51 ที่ลงรายละเอียดการแถลงข่าวของจำเลยที่ 1 ข้อความดังกล่าวเป็นความเท็จทั้งสิ้น ความจริงโจทก์ไม่ได้กำระเบิด ตามคำให้สัมภาษณ์ของ นพ.ดิเรก ภาคกุล ผอ.รพ.บางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ว่า ภาพผู้บาดเจ็บมือขวาขาด แต่แขนซ้ายกำวัตถุคล้ายระเบิดนั้น เมื่อนำตัวไปรักษาที่ รพ.รามาธิบดี เมื่อแกะมือออกดูปรากฏว่าเป็นพวงกุญแจหนัง สีน้ำตาล และพวงกุญแจถูกเก็บรวมไว้กับถุงใส่ของคนไข้
การที่จำเลยที่ 1-3 หมิ่นประมาทโจทก์ด้วยการโฆษณา ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด คิดว่าโจทก์ มีนิสัยเป็นอันธพาล จำเลยที่ 1-3 มีเจตนามุ่งใส่ความโจทก์ ทำให้โจทก์เสื่อมเสีย ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง ทั้งที่โจทก์เป็นศิลปินวาดภาพ มีความซื่อสัตย์ รักครอบครัว การกระทำของจำเลยที่ 1 นั้น ในฐานะรองโฆษก สตช. จึงถือว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งจำเลยที่ 1 ทราบดีว่าโจทก์ไม่ได้กำระเบิดไว้ในมือ และโจทก์ได้รับบาดเจ็บจากการยิงแก๊สน้ำตายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ต่อมาวันที่ 11 ต.ค. 51 จำเลยที่ 4 เขียนบทความลงในคอลัมน์ ข่าวข้น คนเข็ม หน้าที่ 14 ของ นสพ.ข่าวสด มีข้อความว่า อีก 1 ภาพ ที่เป็นปัญหาระเบิดในมือ ของพันธมิตรท่านหนึ่งที่กำระเบิดไว้ในมือซ้าย ขณะที่มือขวาโดนระเบิดนั้นเป็นระเบิดชนิดใด และเข้าไปอยู่ในกำมือทำไม ซึ่งข้อความดังกล่าวเป็นเท็จทั้งสิ้น ทั้งที่จำเลยที่ 4 ทราบดีว่าไม่ใช่ระเบิด ตามที่ นพ.ดิเรก ได้ให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 9 ต.ค.51 หลังเกิดเหตุ สำหรับจำเลยที่ 1 เป็นจำเลยเดียวกับคดีหมายเลขดำที่ 4167/2551 ของศาลนี้ ขอให้ศาลนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีดังกล่าวด้วย
ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีดำหมายเลขที่ อ.4884/2551 และนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในวันที่ 2 มี.ค.52 เวลา 13.30 น.

จงรักขึงขังเอาผิดเสื้อแดงถ่อย
ที่ สน.ดุสิต พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.ได้เรียก พล.ต.ต.ดำริห์ โชติเศรษฐ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 พ.ต.อ.จักรภพ สุคนธราช ผกก.สน.ดุสิต พ.ต.ท.สำเริง ส่งเสียง รอง ผกก.ปป.สน.ดุสิต ร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดีต่อกลุ่มเสื้อแดงที่ชุมนุมปิดล้อมอาคารรัฐสภา และก่อเหตุวุ่นวาย โดยเฉพาะขว้างปาก้อนหินใส่รถยนต์ของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ จนได้รับความเสียหายไปจำนวนไม่ต่ำกว่า 10 คัน
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่าคดีที่เกิดขึ้น ถื่อเป็นการกระทำที่ละเมิดกฎหมายของบ้านเมือง ตำรวจมีหน้าที่ดำเนินการไปตามกฎหมายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด เมื่อสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเลือกบุคคลใดเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว การแสดงความไม่พอใจหรือไม่ยอมรับก็สามารถแสดงได้ แต่ต้องไม่ละเมิดกฎหมาย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เท่าที่ตรวจสอบพบว่ามีการเอาแผงเหล็กไปปิดกั้นประตูทางเข้าออกรัฐสภา ซึ่งมีมูลความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขัง กระทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 310 นอกจากนี้ยังมีการทุบกระจกรถทำให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 ส่วนเรื่องการทำร้ายร่างกายนั้น เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้นั้นเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ทางตำรวจต้องกระทำตามหน้าที่ โดยระหว่างการสอบสวนนี้ ต้องขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนให้นำเทปบันทึกเหตุการณ์มามอบให้ทางตำรวจจะดำเนินคดีไป ทั้งนี้ หากมีใครได้รับบาดเจ็บหรือได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ให้เดินทางมาแจ้งความได้ โดยได้สั่งการให้ พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 จัดพนักงานสอบสวนไว้รอรับแจ้งความแล้ว แต่หากใครได้รับบาดเจ็บและไม่สามารถเดินทางมาแจ้งความได้ พนักงานสอบสวนก็พร้อมที่จะเดินทางไปสอบปากคำที่โรงพยาบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีผู้มาร้องทุกข์จึงจะสามารถดำเนินคดีได้ พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ตำรวจดำเนินคดีได้อยู่แล้ว แต่หากมีผู้มาร้องทุกข์ ตำรวจจะได้รู้ว่ามีใครได้รับบดเจ็บหรือได้รับความเสียหายอย่างไรบ้าง เพื่อจะได้ลงในรายละเอียดในคดีไป ซึ่งในขณะนี้มีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์แล้ว 3 ราย คือ กลุ่มผู้ชุมนุมใช้ก้อนหินทำลายรถตู้ยี่ห้อโฟล์คสวาเกน หมายเลขทะเบียน ฮข-6206 กทม.ของว่าที่ ร.ต.หญิงระนองรัตน์ สุวรรณฉวี รมช.คลัง กระจกแตกรอบคัน ตัวถังบุบเสียหาย
คดีที่ 2 ที่กลุ่มผู้ชุมนุมใช้ก้อนหินทำลายรถตู้ยี่ห้อโฟล์คสวาเกน หมายเลขทะเบียน ฮก-5959 กทม.ของนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับความเสียหายหายเช่นกัน นอกจากนี้ยังทำให้นายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่นั่งมาในรถของนายองอาจได้รับบาดเจ็บที่แขน แต่เจ้าตัวยังไม่ได้มาแจ้งความ ส่วนอีกคดีคือคดีที่ชายในรถเบนซ์ สีดำ ปาขวดบรรจุของเหลวคล้ายน้ำกรดใส่พื้นจนแตก ทำให้นายวิรัตน์ พร้อมเพรียง อายุ 50 ปี หนึ่งในกลุ่มผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บขาซ้ายแสบบวม

ปทีปสั่งหาหลักฐานมัดคนผิด
พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) ยังได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร.ด้านป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ลงไปประชุมร่วมกับพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ในกรณีที่กลุ่มบุคคลได้สร้างความเสียหาย ต่อบุคคลและทรัพย์สิน บริเวณหน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน หาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี ตามขั้นตอนกฎหมายให้ได้โดยเร็ว
กำลังโหลดความคิดเห็น