xs
xsm
sm
md
lg

ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจญี่ปุ่นทรุดฮวบ เพิ่มแรงกดดันBoJให้ลดดอกสัปดาห์นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รอยเตอร์ – ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจในญี่ปุ่นทรุดตัวดำดิ่งอย่างรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่ครั้ง “ราคาน้ำมันพุ่งพรวดช็อกโลก” ในทศวรรษที่ 1970 เป็นต้นมา แถมยังลงมาสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบเกือบ 7 ปีอีกด้วย ทั้งนี้ตามผลสำรวจประจำรอบไตรมาสล่าสุดของแบงก์ชาติแดนอาทิตย์อุทัย จึงยิ่งเพิ่มความหวั่นผวาว่าระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกแห่งนี้ จะต้องประสบภาวะถดถอยเป็นเวลายาวนาน
ในเมื่อผลสำรวจความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจรายไตรมาส หรือที่เรียกกันว่า “ตังกัง” นี้ ออกมาย่ำแย่มากเช่นนี้ จึงยิ่งทำให้หลายฝ่ายเก็งกันว่า ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น(บีโอเจ) ที่กำลังจะประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินกันในปลายสัปดาห์นี้ เพื่อพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยและประเมินทบทวนภาวะเศรษฐกิจครั้งใหม่ น่าจะมีมติให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงไปอีก แม้ระดับ 0.3% ของปัจจุบันจะนับว่าต่ำมากแล้วก็ตามที
วิกฤตการเงินในทั่วโลก กำลังส่งผลให้ยอดขายของพวกบริษัทญี่ปุ่นตกต่ำลงอย่างมาก และนำไปสู่การลดปริมาณการลงทุนของธุรกิจต่าง ๆ รวมทั้งมีการมองภาพรวมเศรษฐกิจด้วยความหวั่นวิตก ยิ่งเมื่อมีสัญญาณมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าญี่ปุ่นน่าจะถลำจมลงสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างยาวนาน ก็ทำให้การมองอนาคตของบริษัทต่าง ๆยิ่งมืดมนลงไปมากกว่าเดิม
แม้กระทั่ง มาซาอากิ ชิระกาวะ ผู้ว่าการบีโอเจ ก็ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ซึ่งนำออกเผยแพร่ในฉบับวานนี้(15)ว่า อัตราเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจจะอยู่ในภาวะติดลบ ในรอบปีงบประมาณหน้า (เม.ย.2009-มี.ค.2010)
ยาสึโอะ ยามาโมโต นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของสถาบันมิซูโฮ รีเสิร์ช กล่าวให้ความเห็นว่าเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลง รวมทั้งค่าเงินเยนที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบรุนแรงต่อผู้ส่งออก และเขาก็เชื่อว่าธนาคารกลางจะลดอัตราดอกเบี้ยลง โดยอาจจะลดกันตั้งแต่สัปดาห์นี้เลย
“มีความเป็นไปได้สูงมากว่าบริษัทต่างๆ จะคาดการณ์ผลกำไรของตนลดต่ำลงมาอีก สืบเนื่องมาจากค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น” ยามาโมโตกล่าว
“เป็นที่คาดหมายกันว่าธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น จะหั่นอัตราดอกเบี้ยลงในสัปดาห์นี้ นอกจากนั้นยังน่าจะเดินหน้าอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อเพิ่มสภาพคล่องด้วย” เขาบอก
เงินเยนตอนนี้อยู่ที่ 90.90 เยนต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงก่อนที่บีโอเจจะเผยแพร่รายงานผลสำรวจตังกังฉบับล่าสุดช่วงเช้าวานนี้ ทว่าสิ่งที่ผู้คนสนใจกันมากกว่าก็คือตลาดหุ้น โดยดัชนีนิกเคอิปิดวานนี้พุ่งขึ้นถึง 5.21% ด้วยความหวังว่าอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯจะได้รับเงินช่วยเหลือฉุกเฉินต่อรัฐบาลอเมริกัน
เศรษฐกิจสหรัฐฯเองเวลานี้ก็กำลังดิ่งลงสู่ภาวะหดตัวครั้งยาวนานที่สุด อันเนื่องมาจากวิกฤตการเงินที่ลุกลามมาจากปัญหาสินเชื่อซับไพรม์ของอเมริกาเอง ซึ่งทำให้หลายฝ่ายคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะประกาศลดดอกเบี้ยในการประชุมต้นสัปดาห์นี้ราว 0.5% เหมือนกัน และมันก็จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ยิ่งกดดันธนาคารกลางญี่ปุ่นให้ตัดลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย, การส่งออกที่หดตัวลง, และค่าเงินเยนที่แข็งขึ้นสูงสุดในรอบ 13 ปีเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ ซึ่งทำให้บริษัทต่าง ๆมีรายได้ลดลงอย่างมากนั้น กำลังกลายเป็นสาเหตุให้บรรดาบริษัทต่าง ๆลดกำลังการผลิตและค่าใช้จ่ายต่าง ๆลง อันจะยิ่งเร่งให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้นไปอีก
ผลสำรวจตังกังที่บีโอเจนำออกเผยแพร่วานนี้นั้น ชี้ให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของกิจการอุตสาหกรรมการผลิตขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นในไตรมาสนี้ ดิ่งลงไปอยู่ที่ -24 เทียบกับผลสำรวจเมื่อไตรมาสที่แล้วซึ่งยังอยู่แค่ -3 แถมยังลงต่ำกว่าค่ามัธยฐานที่ตลาดคาดการณ์กันไว้ อันอยู่ที่ -23
ความเชื่อมั่นระดับต่ำเตี้ยเช่นนี้ เป็นการมองเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2002 เมื่อตอนที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวจากภาวะทรุดฮวบยาวนาน ที่เกิดจากวิกฤตการธนาคารครั้งร้ายแรง
นอกจากนั้น เมื่อดูจากระดับการทรุดฮวบรุนแรงของความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจคราวนี้ ก็ยังเป็นการดำดิ่งลงอย่างพรวดพราดที่สุด นับตั้งแต่คราว “ราคาน้ำมันช็อกโลก” ในช่วงทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นของกิจการขนาดใหญ่นอกภาคอุตสาหกรรมการผลิตนั้น ปรากฏว่าก็ทรุดลงไปอยู่ที่ -9 จาก +1 ของการสำรวจตังกังในไตรมาสที่แล้ว และนับเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่ดัชนีสำหรับกิจการในภาคนี้อยู่ในภาวะติดลบ
ในส่วนผลสำรวจที่สอบถามถึงความมั่นใจเกี่ยวกับภาพรวมในอนาคตนั้น ปรากฏว่าบริษัทต่าง ๆมีความเชื่อมั่นลดลงรุนแรงกว่าภาพรวมในปัจจุบันเสียอีก โดย ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของกิจการอุตสาหกรรมการผลิตขนาดใหญ่ สำหรับช่วงสามเดือนข้างหน้านั้น ได้ดิ่งลงมาอยู่ที่ระดับ -36 ในขณะที่ความเชื่อมั่นของกิจการนอกอุตสาหกรรมการผลิตขนาดใหญ่ร่วงลงไปอยู่ที่ -14
กำลังโหลดความคิดเห็น