เอเอฟพี - ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (บีโอเจ)ประกาศวันศุกร์(19) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาจนใกล้ศูนย์เปอร์เซนต์ ด้วยความหวังว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้พ้นจากภาวะถดถอยรุนแรง ขณะเดียวกัน รัฐบาลญี่ปุ่นก็ออกมาเตือนว่า เศรษฐกิจแดนอาทิตย์อุทัยที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก อาจจะไม่มีการเติบโตเลยจนไปถึงปี 2010 เป็นอย่างน้อย
การขยับของบีโอเจคราวนี้ เท่ากับเป็นการเดินตามกระแสหายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางการทำนายที่ว่าเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี
นอกจากนี้ บีโอเจยังประกาศมาตรการเสริมอื่นๆ เพื่อพยายามแก้ไขปัญหาสภาพคล่องขาดแคลน อาทิ จะเข้าซื้อตราสารการเงินเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งเป็นตราสารหนี้ระยะสั้นซึ่งบริษัทต่าง ๆออกมาในการดำเนินธุรกิจประจำวัน
"เรากำลังดิ่งลงไปสู่สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น" ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น มาซาอากิ ชิระกาวะกล่าวในการแถลงข่าว และเขาก็ยังได้เตือนด้วยว่าช่วงเลวร้ายที่สุดของวิกฤตการเงินของโลก อาจจะยังมาไม่ถึง "มีความเป็นไปได้สูงที่ว่าภาวะย่ำแย่จะเลวร้ายลงไปอีกเรื่อยๆ " เขากล่าว
ทั้งนี้ หลังจากการประชุมนโยบายการเงินเป็นเวลาสองวัน(18-19) บีโอเจก็ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของตนจาก 0.3% มาเป็น 0.1% ด้วยคะแนน 7 ต่อ 1 โดยหนึ่งเสียงที่แตกออกไปนั้น ต้องการให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่เดิม
การตัดสินใจคราวนี้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นลงไปอยู่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยช่วงสูงสุดของ "เฟดฟันด์เรต" ของสหรัฐฯ โดยที่เฟดแถลงตอนต้นสัปดาห์นี้ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายตัวนี้ให้อยู่ในแถบช่วงระหว่าง 0 - 0.25% แทนที่จะเป็นอัตราตายตัวเหมือนเมื่อก่อน
อย่างไรก็ตาม การลดอัตราดอกเบี้ยไม่ได้ส่งผลต่อตลาดหุ้นเมื่อวานนี้เลย ดัชนีนิกเคอิปิดโดยอยู่ในแดนลบ ส่วนค่าเงินเยนซึ่งพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 ปีเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็มีความเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น บรรดานักค้าเงินกล่าวว่า กระทั่งก่อนการปรับลด อัตราดอกเบี้ยญี่ปุ่นก็ถือว่าต่ำมากแล้ว ดังนั้น ตลาดจึงหันไปสนใจที่ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมากกว่า
ส่วนผู้ว่าบีโอเจนั้นปฏิเสธที่จะบอกว่า จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่
"นี่เป็นนโยบายการเงิน เราไม่สามารถที่จะบอกว่าได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแน่นอนในอนาคต" เขากล่าว
การลดอัตราดอกเบี้ยประกาศออกมาภายหลังคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีทาโร อาโซะ ยืนยันการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะไม่เติบโตเอาเลย นับจากนี้ไปจนถึงตลอดปีงบประมาณที่สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2010 หลังจากปีนี้ญี่ปุ่นตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างชัดเจนแล้ว
ฮิเดกิ มัตสึมูระ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากสถาบันวิจัยแห่งญี่ปุ่นชี้ว่า การคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจจะไม่เติบโตเลยยังเป็นการมองโลกในแง่ดีมากเกินไปด้วยซ้ำ เขาทำนายว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะถึงขนาดถดถอยอย่างยาวนาน
"สิ่งที่เราเห็นอยู่นี้ เป็นการคำนึงถึงผลทางการเมือง เพราะว่ารัฐบาลไม่สามารถจะออกมาบอกได้ว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะหดตัว" มัตสึมูระกล่าว "คาดว่าญี่ปุ่นจะยังไม่ฟื้นตัวในอีกสองปีข้างหน้า"
บรรดาผู้นำรัฐบาลญี่ปุ่นต่างแสดงท่าทีเปิดเผยว่า ต้องการให้ธนาคารกลางลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้ค่าเงินเยนที่พุ่งขึ้นอย่างมากอ่อนลงมา เนื่องจากมันส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทในประเทศอย่างรุนแรง
"ผมยินดีต่อการตัดสินใจนี้อย่างยิ่ง และนี่คือสิ่งที่ผมคาดเอาไว้" รัฐมนตรีคลังโชอิชิ นาคากาวะกล่าว
บรรดานักวิเคราะห์พากันเห็นว่าตอนนี้การลดอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นเป็นเพียงสัญลักษณ์ หรือการส่งสารของบีโอเจเท่านั้น ไม่ได้มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจจริง ๆ เพราะอัตราดอกเบี้ยก็อยู่ในระดับต่ำมากมาพักใหญ่แล้ว แต่พวกเขาก็เชื่อว่าหากบีโอเจไม่ทำอะไรเลย ตลาดก็จะดิ่งเหวทันทีสืบเนื่องจากปฏิกิริยาเชิงจิตวิทยาในทางลบ
การขยับของบีโอเจคราวนี้ เท่ากับเป็นการเดินตามกระแสหายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางการทำนายที่ว่าเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี
นอกจากนี้ บีโอเจยังประกาศมาตรการเสริมอื่นๆ เพื่อพยายามแก้ไขปัญหาสภาพคล่องขาดแคลน อาทิ จะเข้าซื้อตราสารการเงินเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งเป็นตราสารหนี้ระยะสั้นซึ่งบริษัทต่าง ๆออกมาในการดำเนินธุรกิจประจำวัน
"เรากำลังดิ่งลงไปสู่สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น" ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น มาซาอากิ ชิระกาวะกล่าวในการแถลงข่าว และเขาก็ยังได้เตือนด้วยว่าช่วงเลวร้ายที่สุดของวิกฤตการเงินของโลก อาจจะยังมาไม่ถึง "มีความเป็นไปได้สูงที่ว่าภาวะย่ำแย่จะเลวร้ายลงไปอีกเรื่อยๆ " เขากล่าว
ทั้งนี้ หลังจากการประชุมนโยบายการเงินเป็นเวลาสองวัน(18-19) บีโอเจก็ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของตนจาก 0.3% มาเป็น 0.1% ด้วยคะแนน 7 ต่อ 1 โดยหนึ่งเสียงที่แตกออกไปนั้น ต้องการให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่เดิม
การตัดสินใจคราวนี้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นลงไปอยู่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยช่วงสูงสุดของ "เฟดฟันด์เรต" ของสหรัฐฯ โดยที่เฟดแถลงตอนต้นสัปดาห์นี้ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายตัวนี้ให้อยู่ในแถบช่วงระหว่าง 0 - 0.25% แทนที่จะเป็นอัตราตายตัวเหมือนเมื่อก่อน
อย่างไรก็ตาม การลดอัตราดอกเบี้ยไม่ได้ส่งผลต่อตลาดหุ้นเมื่อวานนี้เลย ดัชนีนิกเคอิปิดโดยอยู่ในแดนลบ ส่วนค่าเงินเยนซึ่งพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 ปีเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็มีความเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น บรรดานักค้าเงินกล่าวว่า กระทั่งก่อนการปรับลด อัตราดอกเบี้ยญี่ปุ่นก็ถือว่าต่ำมากแล้ว ดังนั้น ตลาดจึงหันไปสนใจที่ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมากกว่า
ส่วนผู้ว่าบีโอเจนั้นปฏิเสธที่จะบอกว่า จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่
"นี่เป็นนโยบายการเงิน เราไม่สามารถที่จะบอกว่าได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแน่นอนในอนาคต" เขากล่าว
การลดอัตราดอกเบี้ยประกาศออกมาภายหลังคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีทาโร อาโซะ ยืนยันการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะไม่เติบโตเอาเลย นับจากนี้ไปจนถึงตลอดปีงบประมาณที่สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2010 หลังจากปีนี้ญี่ปุ่นตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างชัดเจนแล้ว
ฮิเดกิ มัตสึมูระ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากสถาบันวิจัยแห่งญี่ปุ่นชี้ว่า การคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจจะไม่เติบโตเลยยังเป็นการมองโลกในแง่ดีมากเกินไปด้วยซ้ำ เขาทำนายว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะถึงขนาดถดถอยอย่างยาวนาน
"สิ่งที่เราเห็นอยู่นี้ เป็นการคำนึงถึงผลทางการเมือง เพราะว่ารัฐบาลไม่สามารถจะออกมาบอกได้ว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะหดตัว" มัตสึมูระกล่าว "คาดว่าญี่ปุ่นจะยังไม่ฟื้นตัวในอีกสองปีข้างหน้า"
บรรดาผู้นำรัฐบาลญี่ปุ่นต่างแสดงท่าทีเปิดเผยว่า ต้องการให้ธนาคารกลางลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้ค่าเงินเยนที่พุ่งขึ้นอย่างมากอ่อนลงมา เนื่องจากมันส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทในประเทศอย่างรุนแรง
"ผมยินดีต่อการตัดสินใจนี้อย่างยิ่ง และนี่คือสิ่งที่ผมคาดเอาไว้" รัฐมนตรีคลังโชอิชิ นาคากาวะกล่าว
บรรดานักวิเคราะห์พากันเห็นว่าตอนนี้การลดอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นเป็นเพียงสัญลักษณ์ หรือการส่งสารของบีโอเจเท่านั้น ไม่ได้มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจจริง ๆ เพราะอัตราดอกเบี้ยก็อยู่ในระดับต่ำมากมาพักใหญ่แล้ว แต่พวกเขาก็เชื่อว่าหากบีโอเจไม่ทำอะไรเลย ตลาดก็จะดิ่งเหวทันทีสืบเนื่องจากปฏิกิริยาเชิงจิตวิทยาในทางลบ