xs
xsm
sm
md
lg

"ซีไอเอ็มบี"ทุ่ม2หมื่นล.เด้งพีรศิลป์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – "ซีไอเอ็มบี"เดินหน้าปรับโครงสร้าง "ไทยธนาคาร" หลังซื้อหุ้น 42.13%จากกองทุนฟื้นฟู "พีรศิลป์ ศุภผลศิริ"พ้นเก้าอี้เอ็มดี 1 ม.ค.ปีหน้า ระบุสรรหาคนใหม่นั่งแทนภายใน 3-4 เดือนนี้ เตรียมเปลี่ยนชื่อแบงก์ แต่ไม่ปลดพนักงาน พร้อมเตรียมเงินอีก 2 หมื่นล้าน ฮุบหุ้นแบงก์ไทยเต็ม 100%
ดาโต๊ะ ศรี นาซีร์ ราซัค ประธานบริหารกลุ่มซีไอเอ็มบี เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางซีไอเอ็มบีได้เข้าซื้อหุ้นของธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) หรือ บีที 42.13%
จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ทางซีไอเอ็มบีมีความมุ่งมั่นที่จะพลิกฟื้นไทยธนาคารให้มีผลประกอบการที่ดีขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มทุนในไทยธนาคารในต้นปี 2552 เพื่อขยายธุรกิจ ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินประมาณ 5-6 พันล้านบาท และจะส่งผลให้เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (บีไอเอส) ของธนาคารเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 15-16%
ทั้งนี้ทางซีไอเอ็มบีได้จัดทำคำเสนอซื้อหุ้น (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) เพื่อจะซื้อหุ้นส่วนที่เหลือจากผู้ถือหุ้นทั้งหมด โดยการเพิ่มทุนจะดำเนินการหลังการทำคำเสนอซื้อหุ้นเสร็จแล้ว
โดยเม็ดเงินที่จะใช้ในการทำคำเสนอซื้อหุ้นนั้นคาดว่าจะอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท ซึ่งหากรวมแล้วเงินที่ทางซีไอเอ็มบีจะต้องใช้ในการเข้าถือหุ้นของไทยธนาคาร 100% นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท
ส่วนในอนาคตธนาคารจะเพิกถอนการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือไม่จะต้องขึ้นอยู่กับผู้ถือหุ้นหากมีผู้ถือหุ้นอยู่มากก็คงจะยังคงการจดทะเบียนไว้
อย่างไรก็ตามการเข้าซื้อหุ้นของซีไอเอ็มบีนั้น เป็นการลงทุนในระยะยาวและไม่ใช่แค่ต้องการเข้ามาลงทุนเท่านั้น แต่ต้องการมีส่วนในการบริหารงานด้วย ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้บริหารค่อนข้างมาก ซึ่งรวมถึงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของนายพีรศิลป์ ศุภผลศิริ ด้วย โดยขณะนี้ทางธนาคารได้แต่งตั้งให้นายชิน หยวน หยินเป็นรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ มีผลในวันที่ 1 มกราคม 2552 นี้
ส่วนการสรรหาผู้มาดำรงตำแหน่งนั้นคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน และในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงซื้อของธนาคารอีกด้วย พร้อมทั้งยืนยันจะไม่มีการปลดพนักงานแน่นอน
"เขาหรือเธอที่จะเข้ามาแทนนั้นจะต้องเป็นคนดีและเป็นคนไทย เพราะจะสามารถทำธุรกิจและเข้าใจวัฒนธรรมการทำธุรกิจในไทยได้ดี อีกทั้งแนวทางการทำธุรกิจของเรานั้นจะเป็นรูปแบบของความเป็นไทยเป็นธนาคารท้องถิ่น ไม่ได้ใช้แนวทางการทำธุรกิจแบบต่างชาติเหมือนที่แบงก์อื่นทำกันแล้วไม่ค่อยประสบความสำเร็จ"
ประธานบริหารกลุ่มซีไอเอ็มบี กล่าวอีกว่า ในปีหน้าได้ตั้งเป้าหมายว่าธนาคารจะกลับมามีผลกำไรจากการดำเนินงานได้ เนื่องจากธนาคารได้ตัดขายตราสารหนี้ที่มีสินทรัพย์อ้างอิง (ซีดีโอ) ออกไป ทำให้ต่อจากนี้ธนาคารจะสามารถระดมเงินฝากและปล่อยสินเชื่อได้ ซึ่งจะทำให้ผลประกอบของธนาคารกลับมามีกำไรได้
นอกจากนี้ กลุ่มซีไอเอ็มบีตั้งเป้าว่าจะมีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (อาร์โออี) ที่ 20% โดยคาดว่าน่าจะทำได้ภายใน 3 ปี ซึ่งธนาคารจะใช้กลยุทธ์เดียวกับที่ซีไอเอ็มบีใช้อยู่ในการบริหารซีไอเอ็มบีในประเทศต่างๆ โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของพนักงานซึ่งมีการกำหนดผลตอบแทนตามคุณภาพของงาน รวมถึงจะมีการนำผลิตภัณฑ์และบริการที่ใช้ในประเทศอื่นมาใช้ในประเทศไทย อีกทั้งจะอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการทำธุรกรรมกับสาขาซีไอเอ็มบีที่มีอยู่ในภูมิภาคเอเชียประเทศอื่นๆ
"ใน 2-3 ปีข้างหน้า เรามั่นใจว่าบีทีจะเป็นผู้นำในตลาด โดยเฉพาะในด้านธุรกิจรายใหญ่ และด้านตลาดทุน เนื่องจากเป็นส่วนที่ทางซีไอเอ็มบีมีความเชี่ยวชาญ ส่วนเรื่องของธุรกิจรายย่อยนั้นยังคงต้องปรับตัว เพราะบีทีเพิ่งจะเริ่มทำยังไม่แข็งแกร่งมาก"
ประธานบริหารกลุ่มซีไอเอ็มบี กล่าวถึงว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย ว่า ตนเองมีความมุ่งหวังให้เกิดความมั่นคงทางการเมือง เพราะจะได้รับมือกับภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่ลุกลามไปทั่วโลก และรัฐบาลต้องกล้าในการตัดสินใจ เพราะวิกฤตที่ลุกลามนี้ค่อนข้างมีความรุนแรง
กำลังโหลดความคิดเห็น