เอเอฟพี – สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่สองแห่งอังกฤษทรงมีรับสั่งให้พระบรมวงศานุวงศ์ ปฏิบัติตามแนวทางของพระองค์ โดยในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจกำลังถดถอยนี้ ได้ทรงเป็นแบบอย่างในการประหยัดค่าใช้จ่ายตั้งแต่ในส่วนของพระราชวังไปจนถึงฉลองพระองค์
หนังสือพิมพ์หลายฉบับในอังกฤษได้เผยแพร่ข่าวที่สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่สอง องค์พระประมุขวัย 82 พรรษา ได้ทรงเตือนพระราชนัดดาสองพระองค์ คือ เจ้าชายวิลเลียม วัย 26 พรรษา และเจ้าชายแฮร์รี วัย 24 พรรษา ซึ่งเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ของอังกฤษในลำดับที่ 3 และ 4 ว่าการอวดแสดงความเป็นอยู่ที่ร่ำรวยนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมควร
ทั้งนี้ พสกนิกรชาวอังกฤษไม่อยู่ในภาวะอารมณ์ที่จะเห็นพระบรมวงศานุวงศ์วัยเยาว์จัดงานปาร์ตี้รื่นเริงตามไนต์คลับชั้นสูงของลอนดอน ในระหว่างที่ประเทศกำลังจมลงสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ค่าครองชีพทะยานตัวขึ้น และผู้คนกำลังตกงาน
“ไม่ว่าประเทศกำลังอยู่ในภาวะอารมณ์ความรู้สึกแบบใด พระองค์ (สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธ) จะทรงพยายามปฏิบัติพระองค์ให้เข้ากับอารมณ์ความรู้สึกนั้นๆ” นิโคลัส เดวีส์ นักเขียนซึ่งมีผลงานเกี่ยวกับราชวงศ์อังกฤษหลายเล่มกล่าว
หนังสือพิมพ์เดอะ ซันเดย์ ไทม์ส์ ได้จัดอันดับคนร่ำรวยที่สุดประจำปี 2008 ระบุว่า ควีนอังกฤษทรงมีราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นมูลค่าถึง 320 ล้านปอนด์ แต่พระองค์มิได้ทรงใช้เงินฟุ่มเฟือยแต่อย่างใด
“พระองค์ไม่ได้วางพระองค์หรูหรา และไม่เคยทรงเป็นเช่นนั้น” เดวีส์บอกว่า “พระองค์ไม่ทรงนิยมการเลี้ยงดูแบบตามใจพระราชโอรสและพระราชธิดา เพราะไม่ทรงเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดี พระองค์ทรงคาดหวังให้พระราชโอรสและพระราชธิดา (รวมทั้งเชื้อพระองค์ทั้งหลาย) ปฏิบัติตามแนวทางของพระองค์
“ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้เราคงจะไม่เห็นเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รีเสด็จออกไปตามไนต์คลับต่างๆ แล้วทรงดื่มจนเมามายและหยอกล้ออยู่กับพวกผู้หญิงสวยๆ อีก”
การปรับพระองค์ให้เข้ากับภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธแต่อย่างใด เพราะทรงมีชื่อเสียงอยู่แล้วในเรื่องความประหยัดมัธยัสถ์ ดังจะเห็นได้จากที่พระองค์ได้ทรงมีรับสั่งให้ปิดไฟในห้องต่างๆ ของพระราชวังบัคกิงแฮมเมื่อไม่ได้เปิดใช้ห้อง และทรงไม่ให้ทิ้งอาหารจากงานเลี้ยงทั้งหลาย
นอกจากนั้น ค่าใช้จ่ายของสำนักพระราชวังยังได้ลดลงจาก 87.3 ล้านปอนด์ในช่วงปี 1991-1992 มาเป็น 40 ล้านปอนด์ในปี 2007-2008 ด้วย
ทั้งนี้ยังไม่นับถึงการพยายามประหยัดค่าใช้จ่ายด้านฉลองพระองค์ ในระหว่างการเสด็จเยือนสโลวาเกียและสโลวีเนียเมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยทรงให้ช่างเสื้อประจำพระองค์นำผ้าที่ทรงได้รับเป็นของขวัญเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้วมาตัดฉลองพระองค์สำหรับงานเลี้ยงรับรอง อีกทั้งยังทรงฉลองพระองค์ซ้ำในบางวาระโอกาส ทั้งๆ ที่ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว สมเด็จพระราชินีจะไม่ทรงสวมฉลองพระองค์ซ้ำเลย
ส่วนเจ้าชายฟิลิป พระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธ ก็ทรงเป็นแบบอย่างในเรื่องการไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเช่นกัน และพระองค์ยังทรงนิยมสวมพระสนับเพลา (กางเกง)ที่ทรงซื้อไว้เมื่อ 30 ปีก่อน
แม้สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธจะทรงวางพระองค์ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่เมื่อเร็วๆ นี้ในระหว่างที่เสด็จเยือนลอนดอน สกูล ออฟ อีโคโนมิกส์ พระองค์ทรงมีรับสั่งถึงภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ว่า “น่ากลัวมาก” และยังรับสั่งถามด้วยว่า “ทำไมถึงไม่มีใครเห็นปัญหานี้” อันแสดงให้เห็นว่าทรงเข้าพระทัยถึงความรู้สึกของพสกนิกรต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี
หนังสือพิมพ์หลายฉบับในอังกฤษได้เผยแพร่ข่าวที่สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่สอง องค์พระประมุขวัย 82 พรรษา ได้ทรงเตือนพระราชนัดดาสองพระองค์ คือ เจ้าชายวิลเลียม วัย 26 พรรษา และเจ้าชายแฮร์รี วัย 24 พรรษา ซึ่งเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ของอังกฤษในลำดับที่ 3 และ 4 ว่าการอวดแสดงความเป็นอยู่ที่ร่ำรวยนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมควร
ทั้งนี้ พสกนิกรชาวอังกฤษไม่อยู่ในภาวะอารมณ์ที่จะเห็นพระบรมวงศานุวงศ์วัยเยาว์จัดงานปาร์ตี้รื่นเริงตามไนต์คลับชั้นสูงของลอนดอน ในระหว่างที่ประเทศกำลังจมลงสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ค่าครองชีพทะยานตัวขึ้น และผู้คนกำลังตกงาน
“ไม่ว่าประเทศกำลังอยู่ในภาวะอารมณ์ความรู้สึกแบบใด พระองค์ (สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธ) จะทรงพยายามปฏิบัติพระองค์ให้เข้ากับอารมณ์ความรู้สึกนั้นๆ” นิโคลัส เดวีส์ นักเขียนซึ่งมีผลงานเกี่ยวกับราชวงศ์อังกฤษหลายเล่มกล่าว
หนังสือพิมพ์เดอะ ซันเดย์ ไทม์ส์ ได้จัดอันดับคนร่ำรวยที่สุดประจำปี 2008 ระบุว่า ควีนอังกฤษทรงมีราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นมูลค่าถึง 320 ล้านปอนด์ แต่พระองค์มิได้ทรงใช้เงินฟุ่มเฟือยแต่อย่างใด
“พระองค์ไม่ได้วางพระองค์หรูหรา และไม่เคยทรงเป็นเช่นนั้น” เดวีส์บอกว่า “พระองค์ไม่ทรงนิยมการเลี้ยงดูแบบตามใจพระราชโอรสและพระราชธิดา เพราะไม่ทรงเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดี พระองค์ทรงคาดหวังให้พระราชโอรสและพระราชธิดา (รวมทั้งเชื้อพระองค์ทั้งหลาย) ปฏิบัติตามแนวทางของพระองค์
“ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้เราคงจะไม่เห็นเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รีเสด็จออกไปตามไนต์คลับต่างๆ แล้วทรงดื่มจนเมามายและหยอกล้ออยู่กับพวกผู้หญิงสวยๆ อีก”
การปรับพระองค์ให้เข้ากับภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธแต่อย่างใด เพราะทรงมีชื่อเสียงอยู่แล้วในเรื่องความประหยัดมัธยัสถ์ ดังจะเห็นได้จากที่พระองค์ได้ทรงมีรับสั่งให้ปิดไฟในห้องต่างๆ ของพระราชวังบัคกิงแฮมเมื่อไม่ได้เปิดใช้ห้อง และทรงไม่ให้ทิ้งอาหารจากงานเลี้ยงทั้งหลาย
นอกจากนั้น ค่าใช้จ่ายของสำนักพระราชวังยังได้ลดลงจาก 87.3 ล้านปอนด์ในช่วงปี 1991-1992 มาเป็น 40 ล้านปอนด์ในปี 2007-2008 ด้วย
ทั้งนี้ยังไม่นับถึงการพยายามประหยัดค่าใช้จ่ายด้านฉลองพระองค์ ในระหว่างการเสด็จเยือนสโลวาเกียและสโลวีเนียเมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยทรงให้ช่างเสื้อประจำพระองค์นำผ้าที่ทรงได้รับเป็นของขวัญเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้วมาตัดฉลองพระองค์สำหรับงานเลี้ยงรับรอง อีกทั้งยังทรงฉลองพระองค์ซ้ำในบางวาระโอกาส ทั้งๆ ที่ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว สมเด็จพระราชินีจะไม่ทรงสวมฉลองพระองค์ซ้ำเลย
ส่วนเจ้าชายฟิลิป พระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธ ก็ทรงเป็นแบบอย่างในเรื่องการไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเช่นกัน และพระองค์ยังทรงนิยมสวมพระสนับเพลา (กางเกง)ที่ทรงซื้อไว้เมื่อ 30 ปีก่อน
แม้สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธจะทรงวางพระองค์ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่เมื่อเร็วๆ นี้ในระหว่างที่เสด็จเยือนลอนดอน สกูล ออฟ อีโคโนมิกส์ พระองค์ทรงมีรับสั่งถึงภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ว่า “น่ากลัวมาก” และยังรับสั่งถามด้วยว่า “ทำไมถึงไม่มีใครเห็นปัญหานี้” อันแสดงให้เห็นว่าทรงเข้าพระทัยถึงความรู้สึกของพสกนิกรต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี
