แหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณี พล.ต.อ.จงรักษ์ จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) นำบัญชีรายชื่อบริษัท ห้างร้านและกลุ่มบุคคลที่สนับสนุนการชุมนุมประท้วงของกลุ่มพันธมิตรประชาชน ส่งให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน( ปปง.)ตรวจสอบธุรกรรมการเงิน เนื่องจากเป็นการบริจาค เพื่อสนับสนุนการประท้วงปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ซึ่งเข้าข่ายเป็นการก่อการร้าย ว่า การให้ข่าวดังกล่าวน่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์เพื่อแก้เกี้ยวการที่ไม่สามารถดำเนินคดีอาญากับกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงได้
ทั้งนี้ ปปง.ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบธุรกรรมการเงินได้เพราะยังไม่มีการตั้งข้อหาดำเนินคดีก่อการร้ายกับใคร และกฎหมายฟอกเงินที่บัญญัติความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายว่า การกระทำใดๆ อันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ระบบขนส่งสาธารณะ และระบบโทรคมนาคม หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะถือเป็นการก่อการร้ายแต่มีข้อยกเว้นว่า ต้องไม่ใช่การกระทำในการเดินขบวน ชุมนุม ประท้วง โต้แย้ง หรือเคลื่อนไหว เพื่อเรียกร้องให้รัฐช่วยเหลือ หรือให้ได้รับความเป็นธรรมอันเป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นการกระทำความผิดฐานก่อการร้าย
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ปปง.เป็นหน่วยงานกึ่งอิสระไม่สังกัดกระทรวงใดแต่ขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการยุติธรรม แต่ขณะนี้ ปปง.ไม่สามารถตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินในคดีใดๆได้ เนื่องจากไม่มีคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (บอร์ด)ไม่มีคณะกรรมการธุรกรรม และไม่มีเลขาธิการ ปปง.การทำงานทุกอย่างถือว่าสะดุดหยุดลงทั้งหมด
ปทีปสั่งตร.ห้ามพูดคดีการชุมนุม
วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผบ.ตร.รับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์ในภาพรวมของศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์ (ศปก.ตร.) เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศปก.ตร.ได้มีคำสั่งที่ 0014.21/34 ลงวันที่ 12 ธ.ค.ถึง จตช. รอง ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า รอง จตช. ผู้ช่วย ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ผบช. หรือตำแหน่งเทียบเท่า รอง ผบช. และ ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. และผบก.ในสังกัด สง.ผบ.ตร. เรื่องกำชับการปฎิบัติเกี่ยวกับการดำเนินคดีและการให้ข่าว แถลงข่าว การให้สัมภาษณ์ การเผยแพร่ภาพต่อ สื่อมวลชน และการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ โดยสั่งการให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถือปฎิบัติเกี่ยวกับการดำเนินคดีและการให้ข่าว ดังนี้
1.การดำเนินคดีเกี่ยวกับการชุมนุมเรียกร้อง ให้เร่งรัดการดำเนินคดีทุกคดีกับทุกข์ฝ่ายที่มีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และให้รวบรวมหลักฐานทุกชนิดที่จะพิสูจน์ความผิดหรือความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาให้ครบถ้วนและพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ตลอดจนมีความเห็นทางคดีไปตามข้อเท็จจริงของพยานหลักฐานในแต่ละคดี ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคำครหาว่าตำรวจเลือกปฎิบัติ
2.การปฎิบัติเกี่ยวกับการดำเนินคดีและการให้ข่าว การให้สัมภาษณ์ การเผยแพร่ภาพต่อสื่อมวลชนและการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ ให้ทุกหน่วยกำชับข้าราชการตำรวจทุกนายในสังกัด ดำเนินการให้ถูกต้องตามนัยคำสั่ง ตร.ที่ 855/2548 ลงวันที่ 16 พ.ย. 2548 เรื่องการปฎิบัติเกี่ยวกับการให้ข่าว การแถลงข่าว การให้สัมภาษณ์ การเผยแพร่ภาพต่อสื่อมวลชนและการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ รวมทั้งระเบียบ กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้หรือให้สัมภาษณ์ที่เกี่ยวกับคดีที่สืบเนื่องจาการชุมนุม ให้พึงระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
ทั้งนี้ ปปง.ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบธุรกรรมการเงินได้เพราะยังไม่มีการตั้งข้อหาดำเนินคดีก่อการร้ายกับใคร และกฎหมายฟอกเงินที่บัญญัติความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายว่า การกระทำใดๆ อันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ระบบขนส่งสาธารณะ และระบบโทรคมนาคม หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะถือเป็นการก่อการร้ายแต่มีข้อยกเว้นว่า ต้องไม่ใช่การกระทำในการเดินขบวน ชุมนุม ประท้วง โต้แย้ง หรือเคลื่อนไหว เพื่อเรียกร้องให้รัฐช่วยเหลือ หรือให้ได้รับความเป็นธรรมอันเป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นการกระทำความผิดฐานก่อการร้าย
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ปปง.เป็นหน่วยงานกึ่งอิสระไม่สังกัดกระทรวงใดแต่ขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการยุติธรรม แต่ขณะนี้ ปปง.ไม่สามารถตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินในคดีใดๆได้ เนื่องจากไม่มีคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (บอร์ด)ไม่มีคณะกรรมการธุรกรรม และไม่มีเลขาธิการ ปปง.การทำงานทุกอย่างถือว่าสะดุดหยุดลงทั้งหมด
ปทีปสั่งตร.ห้ามพูดคดีการชุมนุม
วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผบ.ตร.รับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์ในภาพรวมของศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์ (ศปก.ตร.) เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศปก.ตร.ได้มีคำสั่งที่ 0014.21/34 ลงวันที่ 12 ธ.ค.ถึง จตช. รอง ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า รอง จตช. ผู้ช่วย ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ผบช. หรือตำแหน่งเทียบเท่า รอง ผบช. และ ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. และผบก.ในสังกัด สง.ผบ.ตร. เรื่องกำชับการปฎิบัติเกี่ยวกับการดำเนินคดีและการให้ข่าว แถลงข่าว การให้สัมภาษณ์ การเผยแพร่ภาพต่อ สื่อมวลชน และการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ โดยสั่งการให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถือปฎิบัติเกี่ยวกับการดำเนินคดีและการให้ข่าว ดังนี้
1.การดำเนินคดีเกี่ยวกับการชุมนุมเรียกร้อง ให้เร่งรัดการดำเนินคดีทุกคดีกับทุกข์ฝ่ายที่มีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และให้รวบรวมหลักฐานทุกชนิดที่จะพิสูจน์ความผิดหรือความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาให้ครบถ้วนและพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ตลอดจนมีความเห็นทางคดีไปตามข้อเท็จจริงของพยานหลักฐานในแต่ละคดี ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคำครหาว่าตำรวจเลือกปฎิบัติ
2.การปฎิบัติเกี่ยวกับการดำเนินคดีและการให้ข่าว การให้สัมภาษณ์ การเผยแพร่ภาพต่อสื่อมวลชนและการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ ให้ทุกหน่วยกำชับข้าราชการตำรวจทุกนายในสังกัด ดำเนินการให้ถูกต้องตามนัยคำสั่ง ตร.ที่ 855/2548 ลงวันที่ 16 พ.ย. 2548 เรื่องการปฎิบัติเกี่ยวกับการให้ข่าว การแถลงข่าว การให้สัมภาษณ์ การเผยแพร่ภาพต่อสื่อมวลชนและการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ รวมทั้งระเบียบ กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้หรือให้สัมภาษณ์ที่เกี่ยวกับคดีที่สืบเนื่องจาการชุมนุม ให้พึงระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด