ASTVผู้จัดการรายวัน – ดัชมิลล์ ตั้งการ์ดรับมือวิกฤตเศรษฐกิจปีหน้า ปรับโครงสร้างองค์กรรอบ 25 ปี ชูการบริหารภาคปฏิบัติพร้อมขนผู้บริหารรุ่น 2 ลุย เร่งขยายช่องทางจำหน่ายรากหญ้าคลุมทุกอำเภอ พลิกวิกฤตคนไทยตกงาน ชงอาชีพสาวดัชมิลล์รายได้เสริม อัด 200 ล้านบาท โหมอาหารปลอดภัยสร้างความเชื่อมั่นดัชมิลล์ 3 ปี หวังปีหน้าโต 5% จากปีนี้กวาด 8,000 ล้านบาท
นายธีระยุทธ ฉายสว่างวงศ์ ประธานกรรมการกลุ่ม บริษัท ดัชมิลล์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมเปรี้ยวพร้อมดื่มดัชมิลล์ เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจดัชมิลล์ในปี 2552 จะมีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ในรอบ 25 ปี โดยเน้นการพัฒนาวัฒนธรรมองค์กร การบริหารบุคลากรในภาคปฏิบัติการ ต้องดำเนินการตลาดเชิงรุกด้านการจัดการลงลึกถึงระดับรากหญ้า เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงโดยเฉพาะในอำเภอ ซึ่งดัชมิลล์ยังไม่ครอบคลุม ขณะเดียวกันยังเปิดโอกาสให้ผู้บริหารรุ่น 2 คลื่นลูกใหม่เข้ามาบริหารงาน ทั้งนี้เพื่อรองรับกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปีหน้านี้
“ถ้าดัชมิลล์ใช้ม้าตัวเดิมวิ่งบนเส้นทางเดิมๆ ด้วยวิธีเดิมๆ กับเป้าหมายเดิมๆ ซึ่งมีการเติบโตปีละ 5-6% แล้วเราจะวิ่งไปสู่สวรรค์ได้เมื่อไหร่ ดังนั้นผมจึงวางเป้าหมายสำหรับผู้บริหารรุ่น 2 ว่า ดัชมิลล์ต้องเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน โดยอีก 12 ปี ต้องขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มจาก 12 ประเทศ เป็น 20 ประเทศ จากการมี 47 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย และต้องเพิ่มการผลิตจาก 2.5 แสนตัน เป็น 5 แสนตัน ด้วยการมียอดขาย 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออก 5% เป็น 15% ใน 3 ปีข้างหน้า” นายธีระยุทธ กล่าว
สำหรับแผนการตลาดปีหน้านี้บริษัทจะขยายช่องทางจำหน่ายให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยในส่วนทั้งในตู้แช่ตามร้านค้าย่อยทั่วไป ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ขณะที่เอาท์เลทบริษัทตั้งเป้า 2 ปี เพิ่มจาก 8.5 หมื่นแห่ง เป็น 1.5 แสนแห่ง และขยายครอบคลุมจาก 400 อำเภอ เป็น 700 อำเภอ ใน 3 ปี นอกจากนี้ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ถดถอย เน้นการขยายช่องทางจำหน่ายสาวดัชมิลล์ ซึ่งสร้างรายได้เสริม 1 หมื่นบาทต่อเดือน ขณะนี้เริ่มมีคนให้ความสนใจมาสมัครเองจากเดิมทีมเซลล์ต้องเข้าไปหา โดยคาดว่าปีหน้าสาวดัชมิลล์เติบโต 10% จากปัจจุบันมีราว 6,000 ราย ซึ่งช่องทางดังกล่าวสามารถสร้างรายได้ให้กับดัชมิลล์คิดเป็นสัดส่วนถึง 65%
ส่วนปีหน้านี้บริษัททุ่มงบ 100-200 ล้านบาท การทำตลาดโดยมุ่งเน้นการสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคต่อเนื่องตลอด 3 ปีข้างหน้านี้ ด้วยการให้ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์อาหารนม เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในการบริโภคนม หลังจากที่ดัชมิลล์ประสบปัญหาสารเมลามีนปนเปื้อนในวัตถุดิบนมผงจากประเทศจีน และจากการสำรวจผู้บริโภคทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด 42.43% ยังมีความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยในการบริโภคนม และ 41.12% ยังไม่แน่ใจ ส่วน 16.45% ยังไม่มั่นใจ นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่าง 86.84% ยังต้องการข้อมูลความรู้เรื่องความปลอดภัยในอาหาร
ภาวะตลาดนมพร้อมดื่มมูลค่า 4.5 หมื่นล้านบาท ในปีนี้มีอัตราการเติบโต 2% ส่วนหนึ่งเพราะนมได้มีการปรับราคาขึ้น อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอย ผู้บริโภคปรับพฤติกรรมซื้อสินค้าที่จำเป็นมากขึ้นแม้กระทั่งอาหาร แต่นมถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น อย่างไรก็ตามในปีหน้านี้ค่อนข้างเป็นห่วงภาวะเศรษฐกิจไทย เพราะเศรษฐกิจไม่ดีคนมีกำลังการซื้อน้อยลง และจากการดำเนินการตลาดเชิงรุกทั้งการปรับองค์กรใหม่ บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 5% สำหรับผลประกอบการปีนี้มีอัตราการเติบโต 1-2% จากการมีรายได้ 8,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการเติบโตน้อยที่สุดในรอบ 10 ปีนับตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจของไทยปี 2540 ปัจจุบันดัชมิลล์ครองส่วนแบ่ง 17% ไล่เลี่ยกับโฟร์โมสต์ 16%
นายธีระยุทธ ฉายสว่างวงศ์ ประธานกรรมการกลุ่ม บริษัท ดัชมิลล์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมเปรี้ยวพร้อมดื่มดัชมิลล์ เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจดัชมิลล์ในปี 2552 จะมีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ในรอบ 25 ปี โดยเน้นการพัฒนาวัฒนธรรมองค์กร การบริหารบุคลากรในภาคปฏิบัติการ ต้องดำเนินการตลาดเชิงรุกด้านการจัดการลงลึกถึงระดับรากหญ้า เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงโดยเฉพาะในอำเภอ ซึ่งดัชมิลล์ยังไม่ครอบคลุม ขณะเดียวกันยังเปิดโอกาสให้ผู้บริหารรุ่น 2 คลื่นลูกใหม่เข้ามาบริหารงาน ทั้งนี้เพื่อรองรับกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปีหน้านี้
“ถ้าดัชมิลล์ใช้ม้าตัวเดิมวิ่งบนเส้นทางเดิมๆ ด้วยวิธีเดิมๆ กับเป้าหมายเดิมๆ ซึ่งมีการเติบโตปีละ 5-6% แล้วเราจะวิ่งไปสู่สวรรค์ได้เมื่อไหร่ ดังนั้นผมจึงวางเป้าหมายสำหรับผู้บริหารรุ่น 2 ว่า ดัชมิลล์ต้องเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน โดยอีก 12 ปี ต้องขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มจาก 12 ประเทศ เป็น 20 ประเทศ จากการมี 47 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย และต้องเพิ่มการผลิตจาก 2.5 แสนตัน เป็น 5 แสนตัน ด้วยการมียอดขาย 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออก 5% เป็น 15% ใน 3 ปีข้างหน้า” นายธีระยุทธ กล่าว
สำหรับแผนการตลาดปีหน้านี้บริษัทจะขยายช่องทางจำหน่ายให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยในส่วนทั้งในตู้แช่ตามร้านค้าย่อยทั่วไป ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ขณะที่เอาท์เลทบริษัทตั้งเป้า 2 ปี เพิ่มจาก 8.5 หมื่นแห่ง เป็น 1.5 แสนแห่ง และขยายครอบคลุมจาก 400 อำเภอ เป็น 700 อำเภอ ใน 3 ปี นอกจากนี้ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ถดถอย เน้นการขยายช่องทางจำหน่ายสาวดัชมิลล์ ซึ่งสร้างรายได้เสริม 1 หมื่นบาทต่อเดือน ขณะนี้เริ่มมีคนให้ความสนใจมาสมัครเองจากเดิมทีมเซลล์ต้องเข้าไปหา โดยคาดว่าปีหน้าสาวดัชมิลล์เติบโต 10% จากปัจจุบันมีราว 6,000 ราย ซึ่งช่องทางดังกล่าวสามารถสร้างรายได้ให้กับดัชมิลล์คิดเป็นสัดส่วนถึง 65%
ส่วนปีหน้านี้บริษัททุ่มงบ 100-200 ล้านบาท การทำตลาดโดยมุ่งเน้นการสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคต่อเนื่องตลอด 3 ปีข้างหน้านี้ ด้วยการให้ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์อาหารนม เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในการบริโภคนม หลังจากที่ดัชมิลล์ประสบปัญหาสารเมลามีนปนเปื้อนในวัตถุดิบนมผงจากประเทศจีน และจากการสำรวจผู้บริโภคทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด 42.43% ยังมีความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยในการบริโภคนม และ 41.12% ยังไม่แน่ใจ ส่วน 16.45% ยังไม่มั่นใจ นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่าง 86.84% ยังต้องการข้อมูลความรู้เรื่องความปลอดภัยในอาหาร
ภาวะตลาดนมพร้อมดื่มมูลค่า 4.5 หมื่นล้านบาท ในปีนี้มีอัตราการเติบโต 2% ส่วนหนึ่งเพราะนมได้มีการปรับราคาขึ้น อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอย ผู้บริโภคปรับพฤติกรรมซื้อสินค้าที่จำเป็นมากขึ้นแม้กระทั่งอาหาร แต่นมถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น อย่างไรก็ตามในปีหน้านี้ค่อนข้างเป็นห่วงภาวะเศรษฐกิจไทย เพราะเศรษฐกิจไม่ดีคนมีกำลังการซื้อน้อยลง และจากการดำเนินการตลาดเชิงรุกทั้งการปรับองค์กรใหม่ บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 5% สำหรับผลประกอบการปีนี้มีอัตราการเติบโต 1-2% จากการมีรายได้ 8,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการเติบโตน้อยที่สุดในรอบ 10 ปีนับตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจของไทยปี 2540 ปัจจุบันดัชมิลล์ครองส่วนแบ่ง 17% ไล่เลี่ยกับโฟร์โมสต์ 16%