วานนี้ (8 ธ.ค.) เวลา 10.30 น.พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 พ.ต.ท.รุ่งเพชร เมฆี พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ดุสิต พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สรรพาวุธและนักประดาน้ำกองทัพเรือ เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รวม 8 นาย เข้าตรวจสอบค้นหาสิ่งผิดกฎหมายภายในคลอง ภายในทำเนียบรัฐบาล ด้านหลังตึกแดง และคลองผดุงกรุงเกษม โดยผลจากการตรวจค้นภายในคลองดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบเหล็กแป๊บ ท่อนไม้จำนวนหนึ่ง จึงนำขึ้นมาเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
พล.ต.อ.จงรัก เปิดเผยว่า การเข้าตรวจค้นเป็นการตรวจหาสิ่งผิดกฎหมายเพื่อใช้ประกอบสำนวนคดี ก่อนจะส่งฟ้องศาล สำหรับคดีที่ นพ.เหวง โตจิราการ ได้เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีต่อกลุ่มพันธมิตรฯ ฐานก่อการร้ายนั้น ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเรื่อยมา เพื่อส่งสำนวนให้กับทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เนื่องจากข้อหาการก่อการร้ายนั้น เป็นมูลฐานความผิดของการฟอกเงิน จึงต้องส่งเรื่องให้กับทาง ปปง. ทราบเพื่อตรวจสอบว่ามีบุคคลหรือบริษัทใดอยู่เบื้องหลัง
“หากพบว่ามีบุคคลหรือบริษัทใดอยู่เบื้องหลัง หรือให้การสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯในการยึดสนามบิน ก็ถือว่าเป็นมูลฐานความผิดตามอนุสัญญาภาคีระหว่างประเทศ ประเทศนั้นๆ ก็จะระงับการนำเข้าสินค้าของบริษัทนั้นๆ โดยขณะนี้ทางตำรวจสันติบาลมีรายชื่อของบริษัทต่างๆ ที่อยู่เบื้องหลังให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมส่ง ปปง.” พล.ต.อ.จงรักกล่าว
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่จะมีการสับเปลี่ยนขั้วรัฐบาลนั้น ไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นรัฐบาล ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องทำสำนวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) กล่าวผลการประชุมติดตามความเคลื่อนไหวกลุ่มผู้ชุมนุม ก่อนมีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีว่า พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ตำรวจนครบาลเตรียมทำแผนเพื่อเผชิญเหตุหากเกิดมีการชุมนุมประท้วง ซึ่งตำรวจมีประสบการณ์จากการชุมนุมที่ผ่านมาแล้ว ที่ปล่อยให้ยึดสถานที่ราชการ เชื่อว่าการทำแผนจะมีความรอบคอบขึ้นโดยจะวางกำลังเพื่อดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่เพื่อให้การเปิดประชุมสภาเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ทางการข่าวสันติบาลรายงานว่ายังไม่พบว่ามีความเคลื่อนไหวจะมีเหตุให้การประชุมสภาไม่เรียบร้อย และ พล.ต.อ.ปทีปก็ได้สั่งให้ตำรวจนครบาลเฝ้าติดตามเหตุอยู่ตลอด และรายงานให้ส่วนกลางทราบความเคลื่อนไหว และพร้อมให้การสนับสนุนหากต้องการกำลัง
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินคดีเกี่ยวกับการชุมนุมที่ผ่านมาในที่ประชุมก็ได้ย้ำให้ตำรวจทุกคนทำคดีด้วยความเป็นกลาง ไม่เลือกปฏิบัติว่าเป็นฝ่ายใด ให้ทำทุกคดีที่มีประชาชนแจ้งความร้องเรียน โดยเน้นย้ำให้พนักงานสอบสวนทั้ง บช.น. และภูธรภาค 1 ทำคดีอย่างตรงไปตรงมาและรายงานขึ้นมาให้ทราบเป็นระยะ ซึ่งขณะนี้พบว่าเหตุการณ์ทั่วไปยังคบอยู่ในความสงบเรียบร้อยแต่ยังไม่นิ่ง ซึ่งตำรวจก็ยังต้องติดตามสถานการณ์ตลอด แต่อย่างไรก็ตาม รรท.ผบ.ตร.ก็สั่งให้ตำรวจดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชน อย่างเข้มงวดด้วย
พล.ต.อ.จงรัก เปิดเผยว่า การเข้าตรวจค้นเป็นการตรวจหาสิ่งผิดกฎหมายเพื่อใช้ประกอบสำนวนคดี ก่อนจะส่งฟ้องศาล สำหรับคดีที่ นพ.เหวง โตจิราการ ได้เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีต่อกลุ่มพันธมิตรฯ ฐานก่อการร้ายนั้น ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเรื่อยมา เพื่อส่งสำนวนให้กับทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เนื่องจากข้อหาการก่อการร้ายนั้น เป็นมูลฐานความผิดของการฟอกเงิน จึงต้องส่งเรื่องให้กับทาง ปปง. ทราบเพื่อตรวจสอบว่ามีบุคคลหรือบริษัทใดอยู่เบื้องหลัง
“หากพบว่ามีบุคคลหรือบริษัทใดอยู่เบื้องหลัง หรือให้การสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯในการยึดสนามบิน ก็ถือว่าเป็นมูลฐานความผิดตามอนุสัญญาภาคีระหว่างประเทศ ประเทศนั้นๆ ก็จะระงับการนำเข้าสินค้าของบริษัทนั้นๆ โดยขณะนี้ทางตำรวจสันติบาลมีรายชื่อของบริษัทต่างๆ ที่อยู่เบื้องหลังให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมส่ง ปปง.” พล.ต.อ.จงรักกล่าว
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่จะมีการสับเปลี่ยนขั้วรัฐบาลนั้น ไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นรัฐบาล ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องทำสำนวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) กล่าวผลการประชุมติดตามความเคลื่อนไหวกลุ่มผู้ชุมนุม ก่อนมีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีว่า พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ตำรวจนครบาลเตรียมทำแผนเพื่อเผชิญเหตุหากเกิดมีการชุมนุมประท้วง ซึ่งตำรวจมีประสบการณ์จากการชุมนุมที่ผ่านมาแล้ว ที่ปล่อยให้ยึดสถานที่ราชการ เชื่อว่าการทำแผนจะมีความรอบคอบขึ้นโดยจะวางกำลังเพื่อดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่เพื่อให้การเปิดประชุมสภาเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ทางการข่าวสันติบาลรายงานว่ายังไม่พบว่ามีความเคลื่อนไหวจะมีเหตุให้การประชุมสภาไม่เรียบร้อย และ พล.ต.อ.ปทีปก็ได้สั่งให้ตำรวจนครบาลเฝ้าติดตามเหตุอยู่ตลอด และรายงานให้ส่วนกลางทราบความเคลื่อนไหว และพร้อมให้การสนับสนุนหากต้องการกำลัง
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินคดีเกี่ยวกับการชุมนุมที่ผ่านมาในที่ประชุมก็ได้ย้ำให้ตำรวจทุกคนทำคดีด้วยความเป็นกลาง ไม่เลือกปฏิบัติว่าเป็นฝ่ายใด ให้ทำทุกคดีที่มีประชาชนแจ้งความร้องเรียน โดยเน้นย้ำให้พนักงานสอบสวนทั้ง บช.น. และภูธรภาค 1 ทำคดีอย่างตรงไปตรงมาและรายงานขึ้นมาให้ทราบเป็นระยะ ซึ่งขณะนี้พบว่าเหตุการณ์ทั่วไปยังคบอยู่ในความสงบเรียบร้อยแต่ยังไม่นิ่ง ซึ่งตำรวจก็ยังต้องติดตามสถานการณ์ตลอด แต่อย่างไรก็ตาม รรท.ผบ.ตร.ก็สั่งให้ตำรวจดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชน อย่างเข้มงวดด้วย