ASTVผู้จัดการรายวัน - พันธมิตรฯจับตาสถานการณ์การเมืองใกล้ชิด เชื่อการเมืองอาจพลิกผันได้ตลอดเวลา ฟันธงเปลี่ยนขั้วไม่ใช่คำตอบสุดท้ายแต่ยังพอมีความหวังกว่าระบอบทักษิณ เตือน ปชป.ระวังแผนลับลวงพราง "แม้ว" ส่งนอมินีแฝงตัว แนะพรรคเพื่อไทยยอมรับสภาพแรงต้านสูงกว่าที่คิด เตรียมเดินสายสัญจรผลักดันการเมืองใหม่ ด้านสมัชชา ปชช.ภาคอีสาน 19 จังหวัดหนุนตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลฝ่าวิกฤตการเมืองและเศรษฐกิจของชาติ จัดสัมมนาใหญ่วันนี้ที่นิด้า พร้อมชวน ปชช.ร่วมลงนามก่อนยื่นถวายฎีกากราบบังคมขอพระราชทาน "รัฐบาลเฉพาะกาล"9 ธ.ค.นี้ พร้อมเตรียมยื่น กกต.ชี้ขาดคุณสมบัติ ส.ส.ระบบสัดส่วน 3 พรรคที่ถูกยุบด้วย
วานนี้ (7 ธ.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ตนคิดว่าสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลยังไม่เบ็ดเสร็จสะเด็ดน้ำ อาจจะมีการพลิกผันได้ในนาทีสุดท้าย จนกว่าผลการโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะเสร็จสิ้นลงเท่านั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน (ชินวัตร) ดามาพงศ์ คงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เพราะถ้าปล่อยอำนาจรัฐหลุดมือไปยังขั้วตรงกันข้ามอาจตกที่นั่งลำบาก แต่หากยังเข็นรัฐบาลนอมินีภาค 3 มายัดเยียดให้สังคมอีกก็เป็นเรื่องยากอายุคงสั้นกว่ารัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคเพื่อไทยหรือพรรคพลังประชาชน เดิมควรล้มเลิกความตั้งใจจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว เพราะแรงต้านสูงมากขึ้นกว่าเดิม
ฉะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ อาจเปลี่ยนวิธีในการถืออำนาจ แทนที่จะตั้งรัฐบาลนอมินีเหมือนที่ผ่านๆ มาก็อาจใช้วิธีลับลวงพราง ส่งกลุ่มการเมืองหรือบรรดาลิ่วล้อไปจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ในการตั้งรัฐบาลดีกว่า เพราะจะได้ไม่ตกเป็นเป้าโจมตีจากสังคม ซึ่งถ้าสุดท้ายแล้วพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้จริง สังคมก็ต้องติดตามดูนโยบายและวิธีทำงานว่าตรงไปตรงมาแค่ไหน โดยเฉพาะการจัดการรื้อถอนกับระบอบทักษิณ และกลุ่มเพื่อนเนวิน (ชิดชอบ) รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาลเดิมก็ต้องเร่งพิสูจน์ตัวเองกับสังคม
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า จุดอ่อนของรัฐบาลจากการเปลี่ยนขั้วนั้นอาจเปิดโอกาสให้กลุ่มการเมืองปีก พ.ต.ท.ทักษิณ แฝงตัวเข้ามาร่วมรัฐบาลประชาธิปัตย์ และถูกต่อต้านจากเกมมวลชนนอกสภาของขั้วตรงกันข้ามได้เช่นกัน ฉะนั้นถ้ามองสถานการณ์ แล้วใครเป็นรัฐบาลช่วงนี้ก็ไม่ง่าย ความแตกแยกขัดแย้งจะยังดำรงอยู่ ด้วยเหตุนี้สังคมจึงคาดหวังรัฐบาลพิเศษมากกว่าการเปลี่ยนขั้วการเมือง
สำหรับว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตย์นั้นถือว่าเป็นจุดเด่นในจุดด้อยของรัฐบาลใหม่ เพราะเป็นคนที่เข้าใจสถานการณ์ความขัดแย้งแตกแยกเรื้อรังของสังคมไทยในช่วง 3-4 ปีเป็นอย่างดี คงจะมีนโยบายและมาตรการที่ดีเพื่อคลี่คลายปัญหาบ้านเมือง แต่ถ้าไม่มีอำนาจเต็มหรือถูกตีรวนจากพรรคร่วมหรือกลุ่มการเมืองบางกลุ่มก็อาจทำอะไรไม่ได้เช่นกัน
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ส่วนบทบาท 5 แกนนำพันธมิตรฯ ยังไม่มีความคิดสลายตัวหรือยุติบทบาทในระยะนี้ ทุกคนยังเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พอมีความชัดเจนเรื่องรัฐบาลใหม่จะมีการหารือเพื่อกำหนดท่าทีต่อไป และพันธมิตรฯ ยังมีความมุ่งมั่นผลักดันแนวคิดเรื่องการเมืองใหม่ ซึ่งในช่วงชุมนุมได้มีการสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากหลายส่วนประมวลเป็นสมุดปกขาวเรียบร้อยแล้ว และเตรียมเดินสายสัญจรในต่างจังหวัด เพื่อผลักดันให้กับรัฐบาลใหม่และสังคมได้ต่อไป
**สมัชชาอีสานฯหนุนตั้ง รบ.เฉพาะกาล
เมื่อบ่ายวันเดียวกัน ที่โรงแรมศรีพัฒนา เขตเทศบาลนครนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา กลุ่มสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัดกว่า 50 คน นำโดยนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย และ ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด ร่วมกันแถลงผลการประชุมของแกนนำสมัชชาฯ ในการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์วิกฤตของบ้านเมืองและทางรอดของประเทศไทยในขณะนี้
นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า จากการประชุมหารือและวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ที่ประชุมของสมัชชาประชาชนฯ มีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดยเฉพาะเรื่องสถานภาพ ส.ส.ระบบสัดส่วน ที่จะต้องถูกยุบไปพร้อมพรรคการเมือง 3 พรรค, เรื่อง ส.ส.เขตเลือกตั้ง ที่ไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และคุณสมบัติของรักษาการนายกรัฐมนตรี รวมทั้งประธานสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็น ส.ส.แบบสัดส่วน ที่ต้องหมดสภาพไปพร้อมกับพรรคการเมืองที่ตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคหรือไม่
ทั้งนี้ ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบร่วมกันว่า สมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด เห็นด้วยกับทางออกของบ้านเมืองในสภาวะวิกฤตทั้งความขัดแย้งทางการเมืองและเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติบ้านเมือง และทางออกที่เป็นทางรอดของประเทศชาติบ้านเมืองนั้น สมัชชาฯ ขอสนับสนุนแนวทางการจัดตั้ง "รัฐบาลเฉพาะกาล" เพื่อประโยชน์ของปวงชนชาวไทย
ทพ.ศุภผล กล่าวว่า เรื่องการหาทางออกให้ชาติถือเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ เนื่องจากขณะนี้พรรคการเมืองต่างๆ พยายามหาแนวร่วมเพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยทางสมัชชาฯมีความเห็นว่า ไม่ว่าพรรคการเมืองใดในสภาวะที่สภาผู้แทนราษฏรและรัฐสภา ยังไม่อยู่ในสภาพที่ชัดเจน ถูกต้อง โดยเฉพาะ ส.ส.ระบบสัดส่วน รวมถึงตัวประธานรัฐสภา ไม่อยู่ในสภาพที่จะทำหน้าที่ได้ ตามคำกล่าวของประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
ฉะนั้น เพื่อหาทางออกให้ชาติบ้านเมือง สมัชชาประชาชนภาคอีสานฯ จึงขอสนับสนุนแนวทาง "รัฐบาลเฉพาะกาล"เพื่ออาศัยพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 3, 7 และ 10 ประกอบกับมาตราอื่นๆ เช่น มาตรา 180, 181, 182 หรือ 147 และ 101 เป็นต้น เพราะเชื่อว่ารัฐบาลเฉพาะกาลนี้เป็นทางรอดของประเทศไทยในการฟื้นฟู และวางรากฐานประชาธิปไตยของประเทศอย่างแท้จริงใหม่
ทพ.ศุภผล กล่าวอีกว่า สมัชชาประชาชนฯ ได้ร่วมกับเครือข่ายประชาชนผู้รักชาติทั้งหมด รวมทั้งนักวิชาการ ผู้ใช้แรงงาน, คณาจารย์, นักเรียน นักศึกษา, นักธุรกิจ, ข้าราชการ เหล่าทัพ, เกษตรกรและประชาชน ในการถวายฎีกาขอพระราชทานรัฐบาลเฉพาะกาล เพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย ในครั้งนี้ เพื่อเข้ามาทำหน้าที่สำคัญ 3 ประการหลัก คือ 1.การรักษาความมั่นคงของชาติ 2.การแก้ปัญหาความแตกแยก และ 3.การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยหลักการยังคงเป็นไปตามครรลองของมาตรา 3 มาตรา 7 และมาตรา 10 ในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ตัวแทนเครือข่ายทั้งหมดดังกล่าวจะร่วมกัน ขอพระราชทานกราบบังคมทูลถวายฎีกา รัฐบาลเฉพาะกาล ในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ โดยในวันนี้ (8 ธ.ค.) เวลา 14.00-19.00 น.จะมีการจัดเสวนาทางวิชาการครั้งใหญ่ เรื่อง "รัฐบาลเฉพาะกาลทางรอดประเทศไทย" พร้อมขอเชิญประชาชนร่วมลงนามถวายฎีกาดังกล่าว ที่ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กรุงเทพฯ ซึ่งมีวิทยากรคนสำคัญร่วมเสวนา เช่น ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช, ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ, ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์, ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เป็นต้น
สำหรับบุคคลสำคัญที่ร่วมลงนามเพื่อถวายฎีกา ขอพระราชทานรัฐบาลเฉพาะกาล เพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย ครั้งนี้ ในรายชื่อ 9 อันดับแรก คือ 1.ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช นายกราชบัณฑิตยสภา 2.ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อดีตประธานรัฐสภาและอธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต 3.นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม 4. พล.อ.อ.เทิดศักดิ์ สัจจารักษ์ อดีตเสนาธิการทหารอากาศ 5. พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม
6.พล.อ.กิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 7.รศ.ทวีศักดิ์ สุนทกวาทิน รองอธิการบดี สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) 8.ดร.วิชัย รูปคำดี ประธานเครือข่ายนิด้าโพลล์ และอดีตคณบดีคณะพัฒนาสังคม นิด้า และ 9.ศ.นพ.ประมวล วีรุจนเสน อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเครือข่ายปัญญาสยาม รวมทั้งจะมีนักวิชาการ ข้าราชการระดับสูง ประชาชนนักธุรกิจร่วมลงนามอีกจำนวนมาก
นอกจากนี้ ในวันที่ 9 ธ.ค.กลุ่มสมัชชาประชาชนภาคอีสานฯ ยังจะเดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ กกต.ให้พิจารณาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ ส.ส.ระบบสัดส่วนของ 3 พรรคการเมืองที่ตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคว่า หมดสภาพไปพร้อมกับพรรคที่ถูกยุบหรือไม่และพรรคเพื่อไทยที่ไม่เคยผ่านการเลือกตั้งมาก่อนนั้น สามารถรองรับ ส.ส.ที่ถูกยุบพรรคไปเข้าสังกัดพรรคได้หรือไม่, การทำหน้าที่ของประธานรัฐสภาและรักษาการนายกรัฐบาล ซึ่งเป็น ส.ส.ระบบสัดส่วนของพรรคการเมืองที่ถูกยุบนั้น เป็นไปตามกฎหมายได้หรือไม่ เป็นต้น
**พันธมิตรฯกาฬสินธุ์จี้หยุดแย่งกระดูก
ที่สำนักงานสภาทนายความจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งใช้เป็นสถานที่พบปะประสานงานกับกลุ่มพันธมิตรฯกาฬสินธุ์ บรรดาเครือข่ายพันธมิตรฯ จากหลายองค์กรไม่ว่าจะเป็นกลุ่มข้าราชการ พ่อค้า เกษตรกร ที่ร่วมเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ประชุมสรุปสถานการณ์ โดยมีนายประยูร ภูมิชูชิต ประธานสภาทนายความจังหวัดกาฬสินธุ์ ในฐานะประธานกลุ่มพันธมิตรฯกาฬสินธุ์ ทำหน้าที่ในการสรุปสถานการณ์ทางการเมืองที่ พันธมิตรฯ ยังคงเฝ้าจับตาดูโดยเฉพาะการจับขั้วเพื่อทำการจัดตั้งรัฐบาล
นายประยูร ภูมิชูชิต ประธานกลุ่มพันธมิตรฯกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวหลังจากที่พันธมิตรฯ บรรลุเป้าหมายในการชุมนุมซึ่งสามารถคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญและขับไล่รัฐบาลของนายสมชาย ไปแล้ว พันธมิตรฯ กาฬสินธุ์ ก็ยังคงจะเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวในการจับขั้วเพื่อจัดตั้งรัฐบาล เพราะความต้องการของพี่น้องพันธมิตรฯต้องการให้เกิดการเมืองใหม่ ที่จะต้องไม่มีปัญหาการทุจริต คอร์รัปชัน โดยเฉพาะประเด็นสำคัญที่สุด นักการเมืองในรัฐบาลชุดใหม่จะต้องไม่สร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้ง เพราะที่ผ่านมาปัญหาที่มีการแบ่งฝ่ายได้สร้างความบอบช้ำให้กับสังคมไทยเป็นอย่างมาก
ประธานกลุ่มพันธมิตรฯกาฬสินธุ์ กล่าวต่อว่า ในการเคลื่อนไหวในส่วนภูมิภาค พันธมิตรฯกาฬสินธุ์ จะดำเนินการพัฒนาการเมืองในชนบท โดยเฉพาะแนวคิดที่จะต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากอีกหนึ่งปัญหาที่ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทำการเคลื่อนไหวก็เพื่อป้องกันปัญหาการล้มสถาบันกษัตริย์ แต่ในขณะที่คนในชนบทไม่ได้รับรู้ปัญหานี้ แต่กลับถูกปิดหูปิดตาโดยนักการเมืองบางกลุ่มที่ใช้เครื่องมือที่เป็นสื่อของรัฐเข้าปิดตา
การเคลื่อนไหวเพื่อสร้างการเมืองใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้วและในทุกวันเสาร์ จะมีการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นและระดมสมองเพื่อทำการขับเคลื่อน จึงขอเชิญพี่น้องประชาชนใน จ.กาฬสินธุ์ ร่วมแสดงความคิดเห็นกันอย่างพร้อมเพรียง
**พธม.สงขลาฯเป็นเจ้าภาพสวด"รณชัย"
ผู้สื่อข่าวรายงานงานว่า เมื่อค่ำวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่วัดคูหา อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา พันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมศพนายรณชัย ไชยศรี วีรชนคนกล้า ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์คนร้ายลอบยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่สนามบินดอนเมือง ระหว่างการขับไล่รัฐบาลทรราช เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยพี่น้องพันธมิตรฯมาร่วมสดุดีไว้อาลัยแด่วีรชนกู้ชาติอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย และร่วมฟังสวดพระอภิธรรมศพ
สำหรับศพ นายรณชัย ไชยศรี จะมีกำหนดการฌาปนกิจในวันอังคารที่ 9 ธ.ค.นี้ ณ เมรุวัดคูหา โดยจะมีแกนนำพันธมิตรฯทั้งนายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เดินทางเข้าร่วมเป็นเกียรติและร่วมไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายด้วย
**พธม.สตูลร่วมฉลองชัยไล่"ทรราช"
ในวันเดียวกันกลุ่มพันธมิตรฯสตูล ได้จัดงานเลี้ยงฉลองชัยชนะหลังเป็นหนึ่งในพลังขับไล่เผด็จการจนสำเร็จ โดยบรรยากาศงานเลี้ยงที่ลานหินงามน้ำใส ต.พิมาน อ.เมืองสตูล ซึ่งเป็นจุดนัดรวมพลของกลุ่มพันธมิตรฯสตูล โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น ชื่นมื่นของเหล่าผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกันที่จะป้องกันประเทศชาติ โดยเหล่าพันธมิตรในอำเภอต่างๆ ที่ทราบการจัดงานเลี้ยงในครั้งนี้ต่างหอบหิ้วปิ่นโต ข้าว แกง ขนมคนละเล็กน้อย มาร่วมฉลองชัยชนะให้ทุกคนได้กินอิ่มหนำสำราญ
ขณะที่พันธมิตรฯจากหาดใหญ่ จ.สงขลา นำโดยนายสุมิตร นวลมณี พร้อมศิลปินเพื่อชีวิตปักษ์ใต้ก็มาร่วมเล่นดนตรีพบปะพร้อมขอให้พันธมิตรฯ ทุกคนช่วยกันปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนไม่ให้พรรคการเมืองหน้าไหนที่ฉวยโอกาสเข้ามาชักจูงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ของประเทศชาติไปได้ และพร้อมฟังสัญญาณหากพบสิ่งผิดปกติจะมีการนัดรวมพลในทันที
นอกจากนี้ ทีมข่าว ASTV NEWS1 ได้ร่วมฉลองชัยชนะกับพันธมิตรฯสตูลด้วยพร้อมประกาศว่าจะยืนเคียงข้างจะเป็นสื่อกลางเสนอข้อมูลข่าวสารความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ และตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลเพื่อร่วมปกป้องประเทศชาติ
**มือมืดกราดเอ็ม16ถล่มสำนักปฏิบัติธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.วานนี้ (7 ธ.ค.) ได้มีมือมืดใช้ปืนเอ็ม 16 ยิงเข้าไปในสำนักปฏิบัติธรรม "ดอยลายปลายฟ้า" ซึ่งตั้งอยู่ชุมชุนบุญนิยม หมู่ 8 ต.สันทราย อ.เมือง จ.เชียงราย แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ โดยกระสุนปืนโดนแท็งก์น้ำและต้นไม้ในบริเวณสำนักปฏิบัติธรรม ในที่เกิดเหตุ พบปลอกประสุนปืนเอ็น 16 นับร้อยนัด โดยสาเหตุนั้น เจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจสอบโดยละเอียดวันนี้ (8 ธ.ค.)
สำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมาก็โดนลอบวางเพลิง โดยมีกุฏิได้รับความเสียหาย 2 หลังและยังไม่สามารถหามือลอบวางเพลิงได้ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีหมายเรียกพยานไปยัง น.ส.จีรนันท์ จันทวงศ์ แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย จ.เชียงราย ไปให้ข้อมูลต่อตำรวจ หลังจากก่อนหน้านี้ได้เชิญพระอาจารย์ทองดี ฐิตปุญโญ อายุ 61 ปีผู้ดูแลสำนักปฏิบัติธรรม และผู้ที่อยู่บริเวณดังกล่าวไปให้ปากคำ
สำหรับสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ มีเสาส่งสัญญาณวิทยุ ซึ่งเผยแพร่คลื่นวิหคเรดิโอ เอฟเอ็ม 89 เมกะเฮิร์ต ที่ถ่ายทอดเสียงกลุ่มพันธมิตรฯด้วย
วานนี้ (7 ธ.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ตนคิดว่าสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลยังไม่เบ็ดเสร็จสะเด็ดน้ำ อาจจะมีการพลิกผันได้ในนาทีสุดท้าย จนกว่าผลการโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะเสร็จสิ้นลงเท่านั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน (ชินวัตร) ดามาพงศ์ คงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เพราะถ้าปล่อยอำนาจรัฐหลุดมือไปยังขั้วตรงกันข้ามอาจตกที่นั่งลำบาก แต่หากยังเข็นรัฐบาลนอมินีภาค 3 มายัดเยียดให้สังคมอีกก็เป็นเรื่องยากอายุคงสั้นกว่ารัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคเพื่อไทยหรือพรรคพลังประชาชน เดิมควรล้มเลิกความตั้งใจจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว เพราะแรงต้านสูงมากขึ้นกว่าเดิม
ฉะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ อาจเปลี่ยนวิธีในการถืออำนาจ แทนที่จะตั้งรัฐบาลนอมินีเหมือนที่ผ่านๆ มาก็อาจใช้วิธีลับลวงพราง ส่งกลุ่มการเมืองหรือบรรดาลิ่วล้อไปจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ในการตั้งรัฐบาลดีกว่า เพราะจะได้ไม่ตกเป็นเป้าโจมตีจากสังคม ซึ่งถ้าสุดท้ายแล้วพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้จริง สังคมก็ต้องติดตามดูนโยบายและวิธีทำงานว่าตรงไปตรงมาแค่ไหน โดยเฉพาะการจัดการรื้อถอนกับระบอบทักษิณ และกลุ่มเพื่อนเนวิน (ชิดชอบ) รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาลเดิมก็ต้องเร่งพิสูจน์ตัวเองกับสังคม
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า จุดอ่อนของรัฐบาลจากการเปลี่ยนขั้วนั้นอาจเปิดโอกาสให้กลุ่มการเมืองปีก พ.ต.ท.ทักษิณ แฝงตัวเข้ามาร่วมรัฐบาลประชาธิปัตย์ และถูกต่อต้านจากเกมมวลชนนอกสภาของขั้วตรงกันข้ามได้เช่นกัน ฉะนั้นถ้ามองสถานการณ์ แล้วใครเป็นรัฐบาลช่วงนี้ก็ไม่ง่าย ความแตกแยกขัดแย้งจะยังดำรงอยู่ ด้วยเหตุนี้สังคมจึงคาดหวังรัฐบาลพิเศษมากกว่าการเปลี่ยนขั้วการเมือง
สำหรับว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตย์นั้นถือว่าเป็นจุดเด่นในจุดด้อยของรัฐบาลใหม่ เพราะเป็นคนที่เข้าใจสถานการณ์ความขัดแย้งแตกแยกเรื้อรังของสังคมไทยในช่วง 3-4 ปีเป็นอย่างดี คงจะมีนโยบายและมาตรการที่ดีเพื่อคลี่คลายปัญหาบ้านเมือง แต่ถ้าไม่มีอำนาจเต็มหรือถูกตีรวนจากพรรคร่วมหรือกลุ่มการเมืองบางกลุ่มก็อาจทำอะไรไม่ได้เช่นกัน
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ส่วนบทบาท 5 แกนนำพันธมิตรฯ ยังไม่มีความคิดสลายตัวหรือยุติบทบาทในระยะนี้ ทุกคนยังเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พอมีความชัดเจนเรื่องรัฐบาลใหม่จะมีการหารือเพื่อกำหนดท่าทีต่อไป และพันธมิตรฯ ยังมีความมุ่งมั่นผลักดันแนวคิดเรื่องการเมืองใหม่ ซึ่งในช่วงชุมนุมได้มีการสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากหลายส่วนประมวลเป็นสมุดปกขาวเรียบร้อยแล้ว และเตรียมเดินสายสัญจรในต่างจังหวัด เพื่อผลักดันให้กับรัฐบาลใหม่และสังคมได้ต่อไป
**สมัชชาอีสานฯหนุนตั้ง รบ.เฉพาะกาล
เมื่อบ่ายวันเดียวกัน ที่โรงแรมศรีพัฒนา เขตเทศบาลนครนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา กลุ่มสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัดกว่า 50 คน นำโดยนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย และ ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด ร่วมกันแถลงผลการประชุมของแกนนำสมัชชาฯ ในการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์วิกฤตของบ้านเมืองและทางรอดของประเทศไทยในขณะนี้
นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า จากการประชุมหารือและวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ที่ประชุมของสมัชชาประชาชนฯ มีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดยเฉพาะเรื่องสถานภาพ ส.ส.ระบบสัดส่วน ที่จะต้องถูกยุบไปพร้อมพรรคการเมือง 3 พรรค, เรื่อง ส.ส.เขตเลือกตั้ง ที่ไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และคุณสมบัติของรักษาการนายกรัฐมนตรี รวมทั้งประธานสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็น ส.ส.แบบสัดส่วน ที่ต้องหมดสภาพไปพร้อมกับพรรคการเมืองที่ตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคหรือไม่
ทั้งนี้ ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบร่วมกันว่า สมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด เห็นด้วยกับทางออกของบ้านเมืองในสภาวะวิกฤตทั้งความขัดแย้งทางการเมืองและเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติบ้านเมือง และทางออกที่เป็นทางรอดของประเทศชาติบ้านเมืองนั้น สมัชชาฯ ขอสนับสนุนแนวทางการจัดตั้ง "รัฐบาลเฉพาะกาล" เพื่อประโยชน์ของปวงชนชาวไทย
ทพ.ศุภผล กล่าวว่า เรื่องการหาทางออกให้ชาติถือเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ เนื่องจากขณะนี้พรรคการเมืองต่างๆ พยายามหาแนวร่วมเพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยทางสมัชชาฯมีความเห็นว่า ไม่ว่าพรรคการเมืองใดในสภาวะที่สภาผู้แทนราษฏรและรัฐสภา ยังไม่อยู่ในสภาพที่ชัดเจน ถูกต้อง โดยเฉพาะ ส.ส.ระบบสัดส่วน รวมถึงตัวประธานรัฐสภา ไม่อยู่ในสภาพที่จะทำหน้าที่ได้ ตามคำกล่าวของประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
ฉะนั้น เพื่อหาทางออกให้ชาติบ้านเมือง สมัชชาประชาชนภาคอีสานฯ จึงขอสนับสนุนแนวทาง "รัฐบาลเฉพาะกาล"เพื่ออาศัยพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 3, 7 และ 10 ประกอบกับมาตราอื่นๆ เช่น มาตรา 180, 181, 182 หรือ 147 และ 101 เป็นต้น เพราะเชื่อว่ารัฐบาลเฉพาะกาลนี้เป็นทางรอดของประเทศไทยในการฟื้นฟู และวางรากฐานประชาธิปไตยของประเทศอย่างแท้จริงใหม่
ทพ.ศุภผล กล่าวอีกว่า สมัชชาประชาชนฯ ได้ร่วมกับเครือข่ายประชาชนผู้รักชาติทั้งหมด รวมทั้งนักวิชาการ ผู้ใช้แรงงาน, คณาจารย์, นักเรียน นักศึกษา, นักธุรกิจ, ข้าราชการ เหล่าทัพ, เกษตรกรและประชาชน ในการถวายฎีกาขอพระราชทานรัฐบาลเฉพาะกาล เพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย ในครั้งนี้ เพื่อเข้ามาทำหน้าที่สำคัญ 3 ประการหลัก คือ 1.การรักษาความมั่นคงของชาติ 2.การแก้ปัญหาความแตกแยก และ 3.การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยหลักการยังคงเป็นไปตามครรลองของมาตรา 3 มาตรา 7 และมาตรา 10 ในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ตัวแทนเครือข่ายทั้งหมดดังกล่าวจะร่วมกัน ขอพระราชทานกราบบังคมทูลถวายฎีกา รัฐบาลเฉพาะกาล ในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ โดยในวันนี้ (8 ธ.ค.) เวลา 14.00-19.00 น.จะมีการจัดเสวนาทางวิชาการครั้งใหญ่ เรื่อง "รัฐบาลเฉพาะกาลทางรอดประเทศไทย" พร้อมขอเชิญประชาชนร่วมลงนามถวายฎีกาดังกล่าว ที่ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กรุงเทพฯ ซึ่งมีวิทยากรคนสำคัญร่วมเสวนา เช่น ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช, ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ, ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์, ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เป็นต้น
สำหรับบุคคลสำคัญที่ร่วมลงนามเพื่อถวายฎีกา ขอพระราชทานรัฐบาลเฉพาะกาล เพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย ครั้งนี้ ในรายชื่อ 9 อันดับแรก คือ 1.ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช นายกราชบัณฑิตยสภา 2.ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อดีตประธานรัฐสภาและอธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต 3.นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม 4. พล.อ.อ.เทิดศักดิ์ สัจจารักษ์ อดีตเสนาธิการทหารอากาศ 5. พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม
6.พล.อ.กิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 7.รศ.ทวีศักดิ์ สุนทกวาทิน รองอธิการบดี สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) 8.ดร.วิชัย รูปคำดี ประธานเครือข่ายนิด้าโพลล์ และอดีตคณบดีคณะพัฒนาสังคม นิด้า และ 9.ศ.นพ.ประมวล วีรุจนเสน อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเครือข่ายปัญญาสยาม รวมทั้งจะมีนักวิชาการ ข้าราชการระดับสูง ประชาชนนักธุรกิจร่วมลงนามอีกจำนวนมาก
นอกจากนี้ ในวันที่ 9 ธ.ค.กลุ่มสมัชชาประชาชนภาคอีสานฯ ยังจะเดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ กกต.ให้พิจารณาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ ส.ส.ระบบสัดส่วนของ 3 พรรคการเมืองที่ตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคว่า หมดสภาพไปพร้อมกับพรรคที่ถูกยุบหรือไม่และพรรคเพื่อไทยที่ไม่เคยผ่านการเลือกตั้งมาก่อนนั้น สามารถรองรับ ส.ส.ที่ถูกยุบพรรคไปเข้าสังกัดพรรคได้หรือไม่, การทำหน้าที่ของประธานรัฐสภาและรักษาการนายกรัฐบาล ซึ่งเป็น ส.ส.ระบบสัดส่วนของพรรคการเมืองที่ถูกยุบนั้น เป็นไปตามกฎหมายได้หรือไม่ เป็นต้น
**พันธมิตรฯกาฬสินธุ์จี้หยุดแย่งกระดูก
ที่สำนักงานสภาทนายความจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งใช้เป็นสถานที่พบปะประสานงานกับกลุ่มพันธมิตรฯกาฬสินธุ์ บรรดาเครือข่ายพันธมิตรฯ จากหลายองค์กรไม่ว่าจะเป็นกลุ่มข้าราชการ พ่อค้า เกษตรกร ที่ร่วมเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ประชุมสรุปสถานการณ์ โดยมีนายประยูร ภูมิชูชิต ประธานสภาทนายความจังหวัดกาฬสินธุ์ ในฐานะประธานกลุ่มพันธมิตรฯกาฬสินธุ์ ทำหน้าที่ในการสรุปสถานการณ์ทางการเมืองที่ พันธมิตรฯ ยังคงเฝ้าจับตาดูโดยเฉพาะการจับขั้วเพื่อทำการจัดตั้งรัฐบาล
นายประยูร ภูมิชูชิต ประธานกลุ่มพันธมิตรฯกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวหลังจากที่พันธมิตรฯ บรรลุเป้าหมายในการชุมนุมซึ่งสามารถคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญและขับไล่รัฐบาลของนายสมชาย ไปแล้ว พันธมิตรฯ กาฬสินธุ์ ก็ยังคงจะเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวในการจับขั้วเพื่อจัดตั้งรัฐบาล เพราะความต้องการของพี่น้องพันธมิตรฯต้องการให้เกิดการเมืองใหม่ ที่จะต้องไม่มีปัญหาการทุจริต คอร์รัปชัน โดยเฉพาะประเด็นสำคัญที่สุด นักการเมืองในรัฐบาลชุดใหม่จะต้องไม่สร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้ง เพราะที่ผ่านมาปัญหาที่มีการแบ่งฝ่ายได้สร้างความบอบช้ำให้กับสังคมไทยเป็นอย่างมาก
ประธานกลุ่มพันธมิตรฯกาฬสินธุ์ กล่าวต่อว่า ในการเคลื่อนไหวในส่วนภูมิภาค พันธมิตรฯกาฬสินธุ์ จะดำเนินการพัฒนาการเมืองในชนบท โดยเฉพาะแนวคิดที่จะต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากอีกหนึ่งปัญหาที่ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทำการเคลื่อนไหวก็เพื่อป้องกันปัญหาการล้มสถาบันกษัตริย์ แต่ในขณะที่คนในชนบทไม่ได้รับรู้ปัญหานี้ แต่กลับถูกปิดหูปิดตาโดยนักการเมืองบางกลุ่มที่ใช้เครื่องมือที่เป็นสื่อของรัฐเข้าปิดตา
การเคลื่อนไหวเพื่อสร้างการเมืองใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้วและในทุกวันเสาร์ จะมีการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นและระดมสมองเพื่อทำการขับเคลื่อน จึงขอเชิญพี่น้องประชาชนใน จ.กาฬสินธุ์ ร่วมแสดงความคิดเห็นกันอย่างพร้อมเพรียง
**พธม.สงขลาฯเป็นเจ้าภาพสวด"รณชัย"
ผู้สื่อข่าวรายงานงานว่า เมื่อค่ำวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่วัดคูหา อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา พันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมศพนายรณชัย ไชยศรี วีรชนคนกล้า ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์คนร้ายลอบยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่สนามบินดอนเมือง ระหว่างการขับไล่รัฐบาลทรราช เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยพี่น้องพันธมิตรฯมาร่วมสดุดีไว้อาลัยแด่วีรชนกู้ชาติอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย และร่วมฟังสวดพระอภิธรรมศพ
สำหรับศพ นายรณชัย ไชยศรี จะมีกำหนดการฌาปนกิจในวันอังคารที่ 9 ธ.ค.นี้ ณ เมรุวัดคูหา โดยจะมีแกนนำพันธมิตรฯทั้งนายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เดินทางเข้าร่วมเป็นเกียรติและร่วมไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายด้วย
**พธม.สตูลร่วมฉลองชัยไล่"ทรราช"
ในวันเดียวกันกลุ่มพันธมิตรฯสตูล ได้จัดงานเลี้ยงฉลองชัยชนะหลังเป็นหนึ่งในพลังขับไล่เผด็จการจนสำเร็จ โดยบรรยากาศงานเลี้ยงที่ลานหินงามน้ำใส ต.พิมาน อ.เมืองสตูล ซึ่งเป็นจุดนัดรวมพลของกลุ่มพันธมิตรฯสตูล โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น ชื่นมื่นของเหล่าผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกันที่จะป้องกันประเทศชาติ โดยเหล่าพันธมิตรในอำเภอต่างๆ ที่ทราบการจัดงานเลี้ยงในครั้งนี้ต่างหอบหิ้วปิ่นโต ข้าว แกง ขนมคนละเล็กน้อย มาร่วมฉลองชัยชนะให้ทุกคนได้กินอิ่มหนำสำราญ
ขณะที่พันธมิตรฯจากหาดใหญ่ จ.สงขลา นำโดยนายสุมิตร นวลมณี พร้อมศิลปินเพื่อชีวิตปักษ์ใต้ก็มาร่วมเล่นดนตรีพบปะพร้อมขอให้พันธมิตรฯ ทุกคนช่วยกันปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนไม่ให้พรรคการเมืองหน้าไหนที่ฉวยโอกาสเข้ามาชักจูงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ของประเทศชาติไปได้ และพร้อมฟังสัญญาณหากพบสิ่งผิดปกติจะมีการนัดรวมพลในทันที
นอกจากนี้ ทีมข่าว ASTV NEWS1 ได้ร่วมฉลองชัยชนะกับพันธมิตรฯสตูลด้วยพร้อมประกาศว่าจะยืนเคียงข้างจะเป็นสื่อกลางเสนอข้อมูลข่าวสารความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ และตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลเพื่อร่วมปกป้องประเทศชาติ
**มือมืดกราดเอ็ม16ถล่มสำนักปฏิบัติธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.วานนี้ (7 ธ.ค.) ได้มีมือมืดใช้ปืนเอ็ม 16 ยิงเข้าไปในสำนักปฏิบัติธรรม "ดอยลายปลายฟ้า" ซึ่งตั้งอยู่ชุมชุนบุญนิยม หมู่ 8 ต.สันทราย อ.เมือง จ.เชียงราย แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ โดยกระสุนปืนโดนแท็งก์น้ำและต้นไม้ในบริเวณสำนักปฏิบัติธรรม ในที่เกิดเหตุ พบปลอกประสุนปืนเอ็น 16 นับร้อยนัด โดยสาเหตุนั้น เจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจสอบโดยละเอียดวันนี้ (8 ธ.ค.)
สำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมาก็โดนลอบวางเพลิง โดยมีกุฏิได้รับความเสียหาย 2 หลังและยังไม่สามารถหามือลอบวางเพลิงได้ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีหมายเรียกพยานไปยัง น.ส.จีรนันท์ จันทวงศ์ แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย จ.เชียงราย ไปให้ข้อมูลต่อตำรวจ หลังจากก่อนหน้านี้ได้เชิญพระอาจารย์ทองดี ฐิตปุญโญ อายุ 61 ปีผู้ดูแลสำนักปฏิบัติธรรม และผู้ที่อยู่บริเวณดังกล่าวไปให้ปากคำ
สำหรับสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ มีเสาส่งสัญญาณวิทยุ ซึ่งเผยแพร่คลื่นวิหคเรดิโอ เอฟเอ็ม 89 เมกะเฮิร์ต ที่ถ่ายทอดเสียงกลุ่มพันธมิตรฯด้วย