xs
xsm
sm
md
lg

ยุบ3พรรคชัยชนะของประชาชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา10.00 น.วานนี้ (2 ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 1 สำนักงานศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์ เพื่อรับฟังตัวแทนของ 3 พรรคการเมือง แถลงปิดคดีในคำร้องที่อัยการสูงสุดมีคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคการเมือง 3 พรรค ประกอบด้วย พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ซึ่งหัวหน้าพรรคชาติไทย และหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้มาแถลงปิดคดีด้วยตัวเอง ส่วนพรรคพลังประชาชน ไม่ส่งตัวแทนมาแถลงปิดคดี

**"บรรหาร"ยกมือไหว้ขอชีวิต
นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย แถลงปิดคดีว่า ในกรณีการให้ใบแดงของ กกต.ต่อนายมณเฑียร สงฆ์ประชา รองเลขาธิการพรรคชาติไทยนั้น มีข้อน่าสงสัยคือ การพิจารณาของกกต.จังหวัดก็ชี้ว่าไม่มีมูล และหลังจากนั้น ทางอัยการจังหวัดนำเรื่องเพื่อพิจารณาในการดำเนินคดีอาญาก็สั่งไม่ฟ้อง อีกทั้งคณะกรรมการชุดนายบุญทัน ดอกไธสง ก็ระบุว่า หลักฐานไม่เพียงพอที่จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคได้ แต่ กกต.กลางกลับเชื่อคณะกรรมการชุดสืบสวนสอบสวนคณะพิเศษของกกต.เอง อีกทั้งนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ก็ยังมีความเห็นว่า ควรยุติเรื่องเพราะไม่มีหลักฐานเพียงพอว่า กรรมการบริหารพรรครับรู้ร่วมด้วยกับการทุจริตการเลือกตั้ง และกรรมการบริหารพรรคก็ไม่ได้ปล่อยปะละเลยแต่อย่างใด มีการแจ้งเตือนอยู่เสมอ
"พรรคชาติไทยไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ เป็นพรรคการเมืองกว่าจะเติบโตมากว่า 34 ปี เหนื่อยยากทนแดดทนฝน ประสบมรสุมการเมืองมามาก แต่ก็รอดปากเหยี่ยวปากกามาถึงทุกวันนี้ ตลอด 34 ปี ผมเป็นเลขาธิการพรรค15 ปี และหัวหน้าพรรค 15 ปี พรรคชาติไทยครบ 34 ปี เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา ไม่ทราบว่าปีหน้าจะได้ฉลองครบรอบ 35 ปีหรือไม่ ปีนี้ผมอายุ 76ปี ถือสัจจจะเป็นที่ตั้ง ทำงานทุกอย่างโดยอาศัยสัจจะ สิ่งที่แถลงนั้นเป็นข้อเท็จจริง ขอความกรุณาศาลรัฐธรรมนูญให้ความเป็นธรรม และความยุติธรรมต่อพรรคด้วย "
จากนั้น นายบรรหารได้พนมมือขึ้นต่อหน้าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแถลงปิดคดีด้วยวาจาทิ้งท้ายว่า "ผมจะขอความเป็นธรรม ขอให้พิจารณาด้วยความเป็นธรรม เพื่อให้แก้ไขคลี่คลายปัญหาไปได้ด้วยดี ผมขอกราบอาศัยบารมีของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ท่าน ก็สุดแท้แล้วแต่จะกรุณาแต่พรรคชาติไทยจะมีอยู่หรือไม่ ผมขอกราบวิงวอนของความเมตตาจากศาล"

**น้ำตาแก้ปัญหายุบพรรคไม่ได้
ต่อมาเวลา 10.35 น. นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้แถลงปิดคดี โดยกล่าวว่า แม้จะเป็นพรรคที่ได้จัดตั้งขึ้นใหม่ไม่นาน แต่ก็ได้รับความนิยมจากประชาชน อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาจากปัญหาวิกฤติความขัดแย้งภายในพรรคฯ คณะกรรมการบริหารพรรคไม่สามารถจะจัดประชุมได้เลยเนื่องจากเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงภายในพรรคระหว่างนายธนพร ศรียางกูล และนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ นายสุนทร วิลาวัลย์ จนทำให้เกิดเป็นกลุ่มต่างๆไม่ฟังกัน สรุปก็คือเรื่องที่ดียังคุยกันไม่ได้ ดังนั้นจะไปรู้เห็นเป็นใจให้ซื้อเสียงได้อย่างไร การหาเสียงของกรรมการบริหารพรรคทุกคนก็ทำกันแบบต่างฝ่ายต่างทำ
หลังจากชี้แจงใกล้จบนางอนงค์วรรณ ถึงกับร่ำไห้ต่อหน้าคณะตุลาการ ทำให้ต้องหยุดอ่านคำแถลงเป็นระยะๆ ก่อนที่จะกล่าววิงวอนว่า โปรดพิจารณายกคำร้องนี้ด้วย อย่ายุบพรรคมัชฌิมา ขอความเป็นธรรมให้กับกรรมการบริหารพรรคที่ไม่รู้เรื่อง ยอมปล่อยคนผิดร้อยคนดีกว่าลงโทษคนไม่ผิดเพียงคนเดียว
**พลังประชาชนเมินแถลงปิดคดี
หลังจากนางอนงค์วรรณ แถลงปิดคดีแล้ว นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ถามเจ้าหน้าที่ว่า มีตัวแทนของพรรคพลังประชาชนเดินทางมาแถลงปิดคดีหรือไม่ เมื่อทราบว่าไม่มีตัวแทนของพรรคพลังประชาชนเดินทางมา นายชัช จึงได้อ่านกระบวนการพิจารณาว่า ขณะนี้เวลา 11.15 น. โดยที่ศาลได้นัดผู้ถูกร้อง เพื่อแถลงปิดคดีในเวลา 10.00 น. เมื่อเป็นเช่นนี้ ถือว่าผู้ถูกร้องในส่วนของพรรคพลังประชาชนไม่ติดใจ จึงให้รอรับฟังคำวินิจฉัยวันนี้
** 3 พรรคกอดคอตายหมู่
โดยในเวลา 12.00 น. นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมคณะตุลาการได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย โดยระบุว่า การทำงานของศาลเป็นอิสระไม่มีการแทรกแซง หรือกดดันศาล ซึ่งศาลจะวินิจฉัยตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่บัญญัติเอาไว้ และในสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นเช่นนี้ คำวินิจฉัยของศาลย่อมจะส่งผลให้มีผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ก็ขอให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นและยอมรับคำวินิจฉัยตามระบอบการปกครองโดยกฎหมาย ซึ่งในคำร้องที่อัยการสูงสุดคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชนนั้น หลังจากที่ได้พิจารณาแล้ว ก็มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยุบพรรคพลังประชาชน
เนื่องจากนายยงยุทธ ทำความผิดตาม พ.ร.บ.เลือกตั้ง ซึ่งมีผลทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริต และเที่ยงธรรม อันเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองของประเทศ ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และมาตรา 237 วรรคสอง และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งอยู่ในตำแหน่งในขณะที่กระทำความผิดเป็นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรค ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรค สี่ และมาตรา 237 วรรคสอง
ต่อมานายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำพิพากษาของพรรคมัชฌิมาธิปไตยว่า ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเอกฉันท์ วินิจฉัยว่า ให้ยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย เนื่องจากนาย สุนทร วิลาวัลย์ รองหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคมัชฌิมาธิปไตย กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. พ.ศ. 2550 ซึ่งมีผลทำให้การเลือกตั้ง มิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม อันเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ประกอบมาตรา 237 วรรค 2 และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย และกรรมการบริหารพรรคมัชฌิมาธิปไตย ซึ่งรักษาการในตำแหน่งดังกล่าวอยู่ในขณะที่กระทำความผิด เป็นระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรค ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรค 4 ประกอบมาตรา 237 วรรค 2
จากนั้นนายบุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้อ่านคำพิพากษาในส่วนของพรรคชาติไทย โดยระบุว่า จากการพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกล่าวหาแล้ว ศาลมีมติ 8 ต่อ 1 ทั้งในเรื่องของการยุบพรรคชาติไทย และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคชาติไทย ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะที่กระทำความผิดเป็นระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ประกอบมาตรา 237 วรรค 2

**นปช.เถื่อนปิดล้อมศาลรธน.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แต่เดิมประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้นัดหัวหน้าพรรค ทั้ง 3 พรรคหรือตัวแทนไปแถลงปิดคดี ที่สำนักงานศษลรัฐธรรมนูญ แต่ได้มีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือแก๊งเสื้อแดง ได้ระดมพลไปปิดล้อมที่บริเวณด้านหน้าศาลรัฐธรรมนูญตั้งแต่เวลาประมาณ 07.30น. เพื่อไม่ให้ศาลสามารถแถลงปิดคดียุบพรรคได้ พร้อมทั้งมีการกล่าวโจมตีการทำงานของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะ การทำหน้าที่ของนายจรัญ ภักดีธนากุล ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยและสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารกองพันทหารสารวัตรที่ 11 อย่างไรก็ตาม ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญ ได้แจ้งย้ายที่แถลงปิดคดีไปที่ศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ
**นปช.ตามป่วนศาลปกครอง
ต่อมาเวลา 10.00 น. กลุ่มนปช. นำโดยนายชินวัฒน์ หาบุญพาด ได้เคลื่อนขบวนจากสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ไปปิดล้อมหน้าศาลปกครองและเข้าไปในรั้วศาลปกครอง โดยใช้เครื่องขยายเสียงโจมตีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันก็นำรถบรรทุกจอดขวางไว้ที่หน้าประตูทางเข้า พร้อมกับพยายามกดดันไม่ให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดียุบพรรค
ขณะที่ เจ้าหน้าที่ศาลได้สั่งให้กลุ่มนปช.ยุติการใช้เครื่องขยายเสียง เพราะเป็นการละเมิดอำนาจศาล เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ศาล แต่กลุ่มนปช.ไม่ยอมหยุด ยังคงใช้เครื่องขยายเสียงต่อไป โดยไม่สนใจต่อคำเตือนของ นายสุชาติ เวโรจน์ เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาล
นอกจากนี้ ขณะที่ศาลอ่านคำพิพากษา กลุ่ม นปช.ได้มีการโห่ประท้วงคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเป็นระยะๆ โดยผู้นำกลุ่มได้แสดงการไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ โดย ระบุว่าเป็นคำตัดสินที่ไม่เป็นธรรม

**สั่งออกจากศาลภายใน 15 นาที
ทั้งนี้ เวลา 12.40 น. เจ้าหน้าที่ศาลได้เดินมาแจกรายงานกระบวนการพิจารณาศาลปกครอง มีสาระว่า ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ฝูงชนทั้งหมดออกจากบริเวณศาล เพื่อให้ศาลสามารถพิจารณาคดีต่อไปได้ หากไม่หยุดการกระทำ และออกจากบริเวณศาลภายในระยะเวลา 15 นาที ถือว่าเป็นการก่อเหตุชุมนุมวุ่นวาย อันเป็นการประพฤติปฎิบัติไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล และเป็นการละเมิดอำนาจศาล อย่างไรก็ตาม ด้านกลุ่มผู้ประท้วงยังประกาศจะชุมนุมในศาลปกครอง โดยจะไม่ย้ายออกไหนทั้งสิ้น แม้ว่าจะมีการแจกเอกสารดังกล่าวจากเจ้าหน้าที่ศาลก็ตาม

**นปช.ระเบิดหม้อแปลงหน้าศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังที่ศาลอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาฯ ส่งผลให้กลุ่ม นปช. ประมาณ 500 คน ที่ชุมนุมอยู่ภายในบริเวณศาลไม่พอใจคำตัดสินของศาล ได้ช่วยกันใช้ไม้กระทุ้งหม้อแปลงไฟฟ้าที่อยู่เสาไฟฟ้าหน้าศาลจนทำให้หม้อแปลงระเบิดขึ้นมา ทำให้ไฟฟ้าภายในศาลดับไปชั่วขณะ แต่ทางศาลมีไฟสำรองจึงไม่มีปัญหาอะไร
ต่อมาศาลมีคำสั่งให้กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง นปช.เคลื่อนย้ายออกจากศาลทันทีภายใน 15 นาที จากนั้นเวลา 13.30 น. กลุ่ม นปช.ได้ล่าถอยเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ศาลปกครอง ไปปักหลักชุมนุมที่ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานครต่อไป

**เข็น"ชวรัตน์"รักษาการนายกฯ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน ซึ่งส่งผลให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ที่เป็นกรรมการบริหารพรรค ต้องพ้นจากตำแหน่งทันทีว่า หลังจากนี้ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี โดยขั้นตอนจากนี้จะมีการเตรียมเรียกประชุมครม.ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร ส่วนสภาจะมีการกำหนดวันเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่
ส่วนผลการประชุม ครม.เมื่อวานนี้ ที่ประชุมมีมติเรื่องอะไร ถือว่ายังมีผลทางกฎหมาย เพราะมีมติก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินยุบพรรค
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า รัฐมนตรีทั้ง 6 พรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาล ยังยืนยันจะร่วมกันทำกิจกรรมทางการเมืองต่อไป และในระยะนี้รัฐมนตรีที่ไม่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง จะทำหน้าที่และเข้ารักษาราชการแทน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
ขณะที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งกลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวสั้นๆ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า ที่ผ่านมาทำทุกอย่างอย่างดีที่สุดเพื่อให้บ้านเมืองสงบ จากนั้นเดินทางออกจากศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ทันที เพื่อกลับบ้านพัก โดยมีกลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 หรือกลุ่มเสื้อแดงมาห้อมล้อมให้กำลังใจ
**เกณฑ์เสื้อแดงคุ้มครองเลือกนายกฯ
เมื่อเวลา 17.30 น. วานนี้ ที่ด้านหลังเวทีนปช. ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการ กทม. นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายวีระ มุสิกพงศ์ ผู้จัดรายการความจริงวันนี้ ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายจตุพร กล่าวว่า การชุมนุมที่ลานคนเมืองจะดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 4 ธ.ค. โดยขณะนี้มีภารกิจที่สำคัญนับจากนี้ต่อไปคือ การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งนายกฯ คนใหม่จะต้องมาจากการเลือกตั้ง
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้ยังจะมีรัฐบาลรักษาการ โดยคณะรัฐมนตรีที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค ซึ่งมีอยู่กว่า 20 คน ยังทำหน้าที่เป็นรัฐบาลรักษาการ ทั้งนี้ในการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ วันที่ 8-9 ธ.ค.นี้ จะมีการพิจารณาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีในช่วงเช้า ส่วนบ่ายเป็นการประชุมกรอบเจรจาอาเซียน ขณะที่การประชุมครม.วานนี้(2ธ.ค.) พรรคร่วมรัฐบาล ได้ประกาศต่อนายกฯสมชาย ว่า พร้อมจะอยู่ร่วมกันไม่มีปัญหา ดังนั้นต่อไปนี้ พปช.ต้องไปเลือกนายกฯ ใหม่ ซึ่งวันนี้ยังไม่ทราบว่าจะเป็นใคร และหากในวันที่ 8 ธ.ค. กลุ่มพันธมิตรฯ มีการเคลื่อนย้ายไปปิดล้อมรัฐสภาจนทางการทำอะไรไม่ได้ พี่น้องเสื้อแดงก็จะเคลื่อนไปปิดล้อมอารักขาให้สมาชิก ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และทุกพรรคเข้าไปทำหน้าที่ประชุมสภาทันที
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ พธม. ได้ประกาศจะไม่ให้นายกฯ สมชาย เข้าเฝ้าฯ ในวันที่ 4 ธ.ค. ซึ่งถือว่าทำสำเร็จไปเกินครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะทำให้นายกฯ ไม่ได้ไปร่วมพิธีสวนสนามเมื่อวานนี้
"มีใครเชื่อบ้างล่ะว่าไม่มีใบสั่ง เพราะการที่ศาลตัดสินก็ค่อนข้างร้อนรน สีหน้าตุลาการแต่ละคนมีความสุขดีหรือเปล่า ส่วนจะเป็นใบสั่งจากใครไม่ทราบ แต่เพื่อไม่ให้รัฐบาลไปจัดการเอาพันธมิตรฯออกจากสนามบิน" นายจตุพร กล่าว

**มัชฌิมาฯไม่เอา"มิ่งขวัญ"
นายไชยา สะสมทรัพย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ในฐานะอดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงการตัดสินยุบ 3 พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลว่า หากศาลตัดสินไม่ยุบ พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาฯ เชื่อว่าการเมืองอาจมีการเปลี่ยนขั้ว แต่เมื่อตัดสินให้ยุบพรรคเหมือนกันหมด ก็เท่ากับว่าทุกพรรคตกอยู่ชะตากรรมเดียวกัน และยิ่งทำให้จับขั้วกันแน่นขึ้น
พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย กล่าวว่า การตัดสินยุบ 3 พรรคการเมืองครั้งนี้ เหมือนเป็นการกวาดต้อน 3 พรรคให้ต้องมารวมกัน และยืนยันว่าหลังจากนี้ยังยืนหยัดร่วมมือทางการเมืองเหมือนเดิม แม้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลจะถูกตัดสิทธิไปบ้าง แต่คำนวณแล้วยังมีเก้าอี้ ส.ส.เพียงพอ เกินกึ่งหนึ่งอยู่หลายที่นั่งสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ส่วน ส.ส.ของพรรค ได้เตรียมหาทางออก ตั้งพรรคสำรองไว้แล้ว
พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวว่า ส่วนการเสนอชื่อบุคคลเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี เท่าที่ทราบก็ได้ยินชื่อตามที่เป็นข่าว มีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตรองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ พ. อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งในความเห็นจะเป็นใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ชื่อ มิ่งขวัญ หากมีมิ่งขวัญ จะไม่มีพรรคมัชฌิมาอยู่ด้วย

**"เฉลิม" ยิ้มแฉ่งรอลุ้นนายกฯ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.สาธารณสุข (สธ.) ได้ตอบผู้สื่อข่าวถึงกระแสข่าวถูกวางตัวให้เป็นนายกฯคนใหม่ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า ไม่มี ไม่พูด No News
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้รับการทาบทามให้ทำหน้าที่นายกฯ หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม ได้แต่ยิ้ม และหัวเราะ โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ แต่สังเกตได้ว่า ร.ต.อ.เฉลิม มีอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แม้จะทราบผลการตัดสินคดีการยุบพรรคแล้วก็ตาม
รายงานข่าวจากคนใกล้ชิด ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่ระหว่างการทำเรื่องย้ายจากพรรคพลังประชาชนไปอยู่พรรคเพื่อไทย แต่จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคเท่านั้น โดยไม่รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริการพรรค
"ท่านเฉลิมรู้สถานะตัวเองดีว่า เป็นแคนดิเดตนายกฯ อันดับหนึ่ง ไม่เป็นที่สองรองใคร เพราะมีความเหมาะสม ทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ และประสบการณ์ทางการเมืองยาวนาน" แหล่งข่าวกล่าว

**"เหลิม"นายกฯยิ่งสร้างปัญหา
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ เลขาธิการมูลนิธิแพทย์ชนบท กล่าวว่า การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ช่วยให้ปัญหาทางการเมืองของประเทศให้คลี่คลายลง
"สถานการณ์การเมืองต่อจากนี้ถือเป็นช่วงสุญญากาศคงต้องรอดูกันต่อไป เราคงไม่มีสิทธิเลือกได้ว่าอยากให้ใครมาเป็นนายกฯ แต่อยากเห็นผู้นำที่จะมาเป็นนายกฯ ในช่วงสถานการณ์บ้านเมืองคับขัน เป็นบุคคลที่มีความเหมาะสม เป็นที่ยอมรับของสังคม มีความสามารถในด้านการบริหารได้รับความเชื่อถือจากทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลือง หรือ เสื้อแดง หากได้ผู้นำที่ไม่เป็นกลาง จะไม่สามารถแก้ปัญหาของบ้านเมืองได้ และบ้านเมืองจะยังคงมีแต่ความวุ่นวายต่อไป"
นพ.พงศ์เทพ กล่าวด้วยว่าว่า หากร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการรมว.สาธารณสุข ได้ขึ้นเป็นนายกฯคนใหม่จริง เชื่อว่า จะเกิดปัญหาตามมาอีกมาก เพราะกลุ่มพันธมิตรฯ อาจมองในอีกมุมหนึ่งว่า ไม่สามารถแก้ปัญหาของชาติบ้านเมืองได้ เพราะต้องการคนที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต นำพาบ้านเมืองในรูปแบบการเมืองใหม่ อีกทั้งที่ผ่านมา ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ได้รับการอมรับจากประชาชน ไม่มีบารมีพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ตนยังไม่เห็นรัฐมนตรี หรือ ส.ส.ในพรรคฝ่ายรัฐบาลคนใด ที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในขณะนี้ได้
**บรรหารลั่นถึงยุค"นอมินี"
เมื่อเวลา 17.20 น. นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ว่า การตัดสินยุบพรรคครั้งนี้ น่าจะมีการตั้งธงไว้แล้ว ตั้งธงมาตั้งแต่กกต. และศาลรัฐธรรมนูญก็อ้างกกต.โดยไม่พิจารณาอะไรเลย หลังจากนี้บ้านเมืองจะยุ่ง นอมินีจะเกิดขึ้นทั่วประเทศ ทุกคนก็หาคนมาแทน ถ้าสามี ภรรยา หรือลูกถูกบล็อก ก็ต้องหาคนมาแทน
ผู้สื่อข่าวถามว่าพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี จะไม่มีคนในตระกูลศิลปอาชาอีก นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ขาด เพราะนอมินีเกิดขึ้นแล้ว ได้วางคนในครอบครัวไว้แล้ว ชื่อพรรคก็เรียบร้อยแล้ว รอฟังแถลงรายละเอียดวันนี้
เมื่อถามว่าจะไปรวมกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า คงไม่มี แต่การเมืองตอนนี้ไม่ดีขึ้น แต่จะแย่ลง มันไม่มีใครยอมใครแล้ว เมื่อถามว่าแสดงว่าจะต้องมีการปะทะกัน นายบรรหาร กล่าวว่า ปะทะก็ต้องปะทะ สิ่งที่สงสัยคือพันธมิตรฯ ประกาศว่าวันที่ 4 ธ.ค. จะเข้าเฝ้าไม่ได้ รู้กันหรือเปล่า ตอบไม่ได้ ซึ่งความจริงเรื่องนี้น่าจะตัดสินหลังวันเฉลิมพระชนม์พรรษา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมพรรคชาติไทยในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ นายบรรหารจะสอบถามส.ส.ในพรรคที่ไม่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองมีความประสงค์จะอยู่กับพรรค หรือย้ายออกจากพรรค เพราะทางพรรคได้เตรียมชื่อพรรคใหม่ไว้แล้ว จึงต้องการทราบจำนวนเบื้องต้นที่มีอยู่
**"นอมินีแม้ว"ดื้อด้านปัญหาไม่จบ
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และและแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯกล่าวว่า อยากเรียกร้องให้มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ โดยทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการเข้ามาบริหารประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักวิชาการ รวมถึงภาคธุรกิจต่างๆ โดยมีการส่งตัวแทนเข้าร่วมรัฐบาล โดยมีการคานอำนาจกัน หากกระทำตามแนวคิดดังกล่าวนี้ได้ ปัญหาการเมืองในประเทศน่าจะสงบสุข แต่ถ้าหาก ส.ส.พรรคพลังประชาชน ยังดื้อดึงที่จะนำคนในพรรคขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี และดำเนินการทางการเมืองต่อไป ปัญหาต่างๆที่เป็นอยู่ขณะนี้จะไม่มีวันจบลงได้อย่างแน่นอน

**ปธ.วุฒิฯเชื่อยุบพรรคปลดล็อกได้
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ 3 พรรคการเมืองว่า คำตัดสินดังกล่าวจะเป็นการปลดล็อกความตึงเครียดในขณะนี้ได้อีกขั้น ถือเป็นการเปิดทางออกของบ้านเมือง ซึ่งอย่างน้อยก็เป็นเหตุผลให้กลุ่มพันธมิตรฯ ถอนตัวหรือเลิกยึดพื้นที่สนามบินทั้ง 2 แห่ง เพราะเป็นเหตุผลในเงื่อนไขข้อเรียกร้องของพวกเขา ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่ากลุ่มพันธมิตรฯจะคิดไตร่ตรองได้ว่า ควรจะทำอย่างไรต่อไป ควรถอยหรือไม่ เพราะตอนนี้ถือว่าเข้าเงื่อนไขแล้ว
นายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตนเห็นว่าสถานการณ์เริ่มคลี่คลายมากขึ้นและเป็นไปตามขั้นตอนโดยเริ่มที่กลุ่มพันธมิตรฯ ก็เริ่มถอยมากขึ้น โดยการยอมคืนทำเนียบฯ ส่วนจะคืนสนามบินทั้ง 2 แห่งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับแกนนำพันธมิตรฯ จะพิจารณา
**รสนาชี้ ไม่ยุบสภาเรื่องไม่จบ
ขณะที่น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. เชื่อว่าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น เพราะไม่แน่ใจว่าพลังประชาชน หรือกลุ่มคนเสื้อแดง จะยุติหรือยอมรับคำวินิฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ส่วนพันธมิตรฯแม้จะยุบ 3 พรรคไปแล้วก็อาจไม่หยุดเคลื่อนไหวแน่นอน เพราะได้ยืนยันมาโดยตลอดว่าต่อต้านรัฐบาลนอมินี หรือรัฐบาลหุ่นเชิด ดังนั้นหากยังมีการโหวตนายกฯ จากพรรคพลังประชาชน เชื่อว่า สภาพการณ์คงไม่ต่างไปจากเดิม
"ตอนนี้ประเทศชาติเดินหน้าไม่ได้ รัฐบาลต้องเสียสละด้วยการคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง เพื่อจะได้ฝ่าสภาพตีบตันเช่นนี้ไปได้ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากการที่รัฐบาลมุ่งแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเดียว ไม่เน้นการบริหารประเทศ หรือดูแลทุกข์สุขประชาชน ทั้งนี้ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายตั้งสติช่วยกันมองหาทางออกโดยการปลดล็อกสถานการณ์ตึงเครียดนี้ แต่ขณะนี้ยังมองไม่เห็นทางออกอะไรเลย" ส.ว.กทม. กล่าว

**ปชป.เผ่นหลังมีข่าวนปช.ขู่บุกเผา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตยเสร็จสิ้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีคำสั่งแจ้งให้เจ้าหน้าที่พรรค และสมาชิกพรรคทั้งหมดเก็บของและเดินทางออกจากที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ทันที เพราะได้รับแจ้งว่ากลุ่มนปช. กำลังเดินทางมาปิดล้อมและอาจมีการเผาพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ส.ส.และเจ้าหน้าที่พรรคทุกคนพากันเก็บข้าวของและทยอยออกจากพรรคด้วยอาการแตกตื่น จากนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของพรรคได้ปิดประตูทางเข้า-ออกพร้อมกับนำแผงเหล็กมาปิดกั้นตลอดแนวหน้าที่ทำการพรรค ขณะเดียวกันได้มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ประมาณ 20 นาย มาทำหน้าที่ดูแลสถานการณ์ความเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 13.30 น. ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 10 คน นั่งรถกระบะมาจอดเยื้องกับที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อสังเกตการณ์ แต่ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ออกไป เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น ทำให้รถกระบะคันดังกล่าววิ่งออกไปทันที
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแสดงความเห็นใจพรรคการเมืองที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรค แต่คิดว่าส.ส.จะได้มีโอกาสตัดสินใจเลือกอนาคตของตัวเอง เช่นเดียวกับคนไทยทั้งประเทศ ที่เห็นว่าหลังจากนี้ไปปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายลง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตทางเศรษฐกิจ หรือวิกฤตทางการเมือง คิดว่าน่าจะได้รับการแก้ไข
**กกต.เตรียมจัดเลือกตั้งใน45วัน
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ 3 พรรคการเมืองว่า หลังจากนี้ต้องรอผลการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการจากศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประธานกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตามมาตรา 95 ของพระราชบัญญัติ ซึ่งหลังจากนี้กรรมการบริหารพรรคของทั้ง 3 พรรคที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี จะไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้ง และห้ามไปร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ด้วย โดยในวันนี้( 3 ธ.ค.) กกต.จะมีการหารือเรื่องการจัดการเลือกตั้งใหม่แทนตำแหน่งส.ส.เขตที่ว่างลงซึ่งตามกฎหมายกำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45 วัน เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีรักษาการ ออกพระราชกฤษฎีประกาศวันเลือกตั้ง โดยคาดว่าจะเสนอได้ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่แทนตำแหน่งที่ว่างลง ส่วนส.ส.ที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค ก็จะต้องไปหาพรรคสังกัดใหม่ภายใน 60 วันตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 (8)
กำลังโหลดความคิดเห็น