ปกติแล้วมักเป็นผู้ชายที่เอาเรื่องแม่ยายจอมจุ้นมาเล่าเป็นเรื่องตลก ทั้งที่ผู้หญิงอาจมีเหตุผลที่จะโอดครวญมากกว่า
การศึกษาครอบครัวนับร้อยพบว่า แม่มักมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับลูกสะใภ้มากกว่าลูกเขย
ขณะที่เกือบ 2 ใน 3 ของสะใภ้กล่าวหาแม่สามีว่าหวงลูกชายไม่มีเหตุผล แม่สามีในสัดส่วนพอๆ กันก็บ่นว่า ถูกทอดทิ้งและตัดขาดเพราะมีผู้หญิงเพิ่มเข้ามาในบ้าน
ดร.เทอร์รี แอปเตอร์ นักจิตวิทยาจากนิวแฮม คอลเลจในเคมบริดจ์ อังกฤษ ใช้เวลา 20 ปีในการวิจัยการทะเลาะเบาะแว้งแบบต่างๆ เหมือนที่เห็นในหนัง ‘มอนสเตอร์-อิน-ลอว์’ ที่นำแสดงโดยเจน ฟอนดา และเจนนิเฟอร์ โลเปซ ในบทแม่ผัว-ลูกสะใภ้ขิงก็ร่าข่าก็ร้าย
ดร.แอปเตอร์สัมภาษณ์สามี-ภรรยา 49 คู่ และคนอื่นๆ อีก 156 คน รวมถึงวิเคราะห์รายงานการศึกษาเก่าๆ เพื่อรวบรวมลงในหนังสือเล่มใหม่ที่ชื่อว่า ‘วอต ดู ยู วอนต์ ฟรอม มี?’
“ความที่ต่างฝ่ายต่างพยายามครอบครองตำแหน่งเดียวกันในการเป็นผู้หญิงคนสำคัญของครอบครัว แม่สามีและลูกสะใภ้สร้างหรือปกป้องสถานะของตัวเอง และต่างคนต่างรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคู่แข่ง
“ความขัดแย้งระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้มักเกิดจากความคาดหวังที่ว่า ทั้งสองฝ่ายต่างวิจารณ์หรือโจมตีกัน แต่การขับเคี่ยวกันนี้อาจเกี่ยวข้องน้อยมากกับทัศนคติจริงๆ รวมถึงค่านิยมดั้งเดิมของผู้หญิงที่น้อยคนนักจะหนีรอดไปได้
“ค่านิยมเหล่านั้นรวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ภรรยายังคงรับหน้าที่หลักในการทำอาหาร ทำความสะอาด และดูแลลูก ซึ่งเปิดช่องให้แม่สามีที่ผ่านประสบการณ์ทั้งหมดนี้มาแล้วได้วิจารณ์ลูกสะใภ้สบายปาก
นอกจากนั้น ผู้หญิงมากมายยังไม่สามารถทิ้งนิสัยตอนเด็กๆ ได้ นั่นคือการไล่คู่อริออกจากสนามเด็กเล่นโดยใช้ทั้งการต่อว่าโดยตรงและโดยอ้อมตอกย้ำอยู่เป็นเวลานานๆ
หญิงสาวคนหนึ่งเล่าให้ดร.แอปเตอร์ฟังว่า เริ่มได้รับข้อความจากแม่สามีสองเดือนก่อนแต่งงาน
หญิงสาวคนที่ว่าคือ เจนนี วัย 26 ปี จากลอนดอน ที่อ้างอิงข้อความหนึ่งที่เตือนว่า ’ลูกชายฉันคิดถึงฉันทุกวัน ทุกนาที และทุกวินาทีทั้งวัน” และยังมีอีกหลายข้อความที่เป็นเชิงวิจารณ์ ก่อกวน หรือไม่ก็ขอความเห็นใจ
ผู้ให้สัมภาษณ์อีกคนเป็นแม่สามีชื่อแอนนี วัย 64 ปี จากยอร์กเชียร์ “ลูกสะใภ้ฉันเย็นชาใส่ฉัน หล่อนแย่งเวลาหรือความสนใจทั้งหมดที่ลูกชายให้ฉัน และใช้ทุกโอกาสที่หาได้ในการลดความสำคัญและความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับลูกชาย”
ดร.แอปเตอร์เสริมว่า 75% ของคู่สามี-ภรรยาบอกว่ามีปัญหากับแม่สามี/แม่ยาย แต่มีแม่ยาย/ลูกเขยเพียงแค่ 15% เท่านั้นที่ถึงขั้นกินแหนงแคลงใจกัน
สำหรับการที่ลูกเขยเอาแม่ยายมาเผาเล่นเป็นเรื่องขำนั้น ดร.แอปเตอร์อธิบายว่า อาจเป็นเพราะผู้ชายมีวิธีรับมือกับปัญหาต่างจากผู้หญิง
“ผู้หญิงมักเอาแต่หวังว่าในที่สุดแล้วจะต้องพบวิธีที่ทำให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้น และมักรู้สึกแย่มากกับความจริงที่ว่าตัวเองไม่สามารถเข้ากับแม่สามีได้”
ดร.แอปเตอร์สำทับว่า วิธีที่ดีที่สุดในการยุติสงครามระหว่างแม่ผัว-ลูกสะใภ้คือ การแสดงความรักและยกย่องกันและกัน ซึ่งจะเป็นการล้มเลิกความพยายามในการแย่งชิงอำนาจภายในบ้านไปโดยปริยาย
มุกฮาลูกเขย-แม่ยาย
: หนุ่มคนหนึ่งไปชอปปิ้งกับแม่ยาย ระหว่างนั้นเอง คุณแม่ยายดันไปทะเลาะและลงไม้ลงมือกับผู้หญิงอีกหกคน บังเอิญเพื่อนบ้านผ่านมาเห็นเข้าจึงถามเขาว่า “คุณไม่เข้าไปช่วยเหรอ?” ชายหนุ่มตอบโดยไม่ต้องคิดว่า “ไม่ล่ะ หกคนก็เอาอยู่แล้ว”
: คุณจะทำอย่างไรถ้าเกิดคิดถึงแม่ยายขึ้นมา?
คำตอบ – ก็โหลดใหม่แล้วลองอีกครั้งสิ
: วันหนึ่งพ่อตาผมถูกตำรวจจราจรโบกให้จอดรถ
“ภรรยาคุณตกจากรถ” ตำรวจบอก
“ขอบคุณพระเจ้า ผมนึกว่าตัวเองคงจะหูหนวกเข้าสักวัน”
: ชายคนหนึ่งพาหมาไปพบสัตวแพทย์เพื่อให้ตัดหางเจ้าตูบ สัตวแพทย์ตรวจดูและบอกว่า
“ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเลยนี่ครับ จะให้ผมตัดหางเจ้าหมาทำไม?”
“แม่ยายผมจะมาเยี่ยม ผมไม่อยากให้มีอะไรในบ้านทำให้แกคิดว่าเรายินดีต้อนรับ”
: ชายอีกคนไปหาหมอและบอกว่า “ผมชักจะกังวลแล้วสิ พักนี้หลุดอยู่เรื่อย”
เมื่อหมอขอให้ยกตัวอย่าง คนไข้หนุ่มเล่าว่า “คืนก่อนนี้ระหว่างกินข้าวกับแม่ยาย ผมตั้งใจจะบอกแกว่า ‘ช่วยส่งเนยให้หน่อยได้ไหมครับ?’ แต่ปากเจ้ากรรมดันโพล่งออกไปว่า ‘ยายวัวโง่ แกทำลายชีวิตฉันซะป่นปี้’
การศึกษาครอบครัวนับร้อยพบว่า แม่มักมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับลูกสะใภ้มากกว่าลูกเขย
ขณะที่เกือบ 2 ใน 3 ของสะใภ้กล่าวหาแม่สามีว่าหวงลูกชายไม่มีเหตุผล แม่สามีในสัดส่วนพอๆ กันก็บ่นว่า ถูกทอดทิ้งและตัดขาดเพราะมีผู้หญิงเพิ่มเข้ามาในบ้าน
ดร.เทอร์รี แอปเตอร์ นักจิตวิทยาจากนิวแฮม คอลเลจในเคมบริดจ์ อังกฤษ ใช้เวลา 20 ปีในการวิจัยการทะเลาะเบาะแว้งแบบต่างๆ เหมือนที่เห็นในหนัง ‘มอนสเตอร์-อิน-ลอว์’ ที่นำแสดงโดยเจน ฟอนดา และเจนนิเฟอร์ โลเปซ ในบทแม่ผัว-ลูกสะใภ้ขิงก็ร่าข่าก็ร้าย
ดร.แอปเตอร์สัมภาษณ์สามี-ภรรยา 49 คู่ และคนอื่นๆ อีก 156 คน รวมถึงวิเคราะห์รายงานการศึกษาเก่าๆ เพื่อรวบรวมลงในหนังสือเล่มใหม่ที่ชื่อว่า ‘วอต ดู ยู วอนต์ ฟรอม มี?’
“ความที่ต่างฝ่ายต่างพยายามครอบครองตำแหน่งเดียวกันในการเป็นผู้หญิงคนสำคัญของครอบครัว แม่สามีและลูกสะใภ้สร้างหรือปกป้องสถานะของตัวเอง และต่างคนต่างรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคู่แข่ง
“ความขัดแย้งระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้มักเกิดจากความคาดหวังที่ว่า ทั้งสองฝ่ายต่างวิจารณ์หรือโจมตีกัน แต่การขับเคี่ยวกันนี้อาจเกี่ยวข้องน้อยมากกับทัศนคติจริงๆ รวมถึงค่านิยมดั้งเดิมของผู้หญิงที่น้อยคนนักจะหนีรอดไปได้
“ค่านิยมเหล่านั้นรวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ภรรยายังคงรับหน้าที่หลักในการทำอาหาร ทำความสะอาด และดูแลลูก ซึ่งเปิดช่องให้แม่สามีที่ผ่านประสบการณ์ทั้งหมดนี้มาแล้วได้วิจารณ์ลูกสะใภ้สบายปาก
นอกจากนั้น ผู้หญิงมากมายยังไม่สามารถทิ้งนิสัยตอนเด็กๆ ได้ นั่นคือการไล่คู่อริออกจากสนามเด็กเล่นโดยใช้ทั้งการต่อว่าโดยตรงและโดยอ้อมตอกย้ำอยู่เป็นเวลานานๆ
หญิงสาวคนหนึ่งเล่าให้ดร.แอปเตอร์ฟังว่า เริ่มได้รับข้อความจากแม่สามีสองเดือนก่อนแต่งงาน
หญิงสาวคนที่ว่าคือ เจนนี วัย 26 ปี จากลอนดอน ที่อ้างอิงข้อความหนึ่งที่เตือนว่า ’ลูกชายฉันคิดถึงฉันทุกวัน ทุกนาที และทุกวินาทีทั้งวัน” และยังมีอีกหลายข้อความที่เป็นเชิงวิจารณ์ ก่อกวน หรือไม่ก็ขอความเห็นใจ
ผู้ให้สัมภาษณ์อีกคนเป็นแม่สามีชื่อแอนนี วัย 64 ปี จากยอร์กเชียร์ “ลูกสะใภ้ฉันเย็นชาใส่ฉัน หล่อนแย่งเวลาหรือความสนใจทั้งหมดที่ลูกชายให้ฉัน และใช้ทุกโอกาสที่หาได้ในการลดความสำคัญและความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับลูกชาย”
ดร.แอปเตอร์เสริมว่า 75% ของคู่สามี-ภรรยาบอกว่ามีปัญหากับแม่สามี/แม่ยาย แต่มีแม่ยาย/ลูกเขยเพียงแค่ 15% เท่านั้นที่ถึงขั้นกินแหนงแคลงใจกัน
สำหรับการที่ลูกเขยเอาแม่ยายมาเผาเล่นเป็นเรื่องขำนั้น ดร.แอปเตอร์อธิบายว่า อาจเป็นเพราะผู้ชายมีวิธีรับมือกับปัญหาต่างจากผู้หญิง
“ผู้หญิงมักเอาแต่หวังว่าในที่สุดแล้วจะต้องพบวิธีที่ทำให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้น และมักรู้สึกแย่มากกับความจริงที่ว่าตัวเองไม่สามารถเข้ากับแม่สามีได้”
ดร.แอปเตอร์สำทับว่า วิธีที่ดีที่สุดในการยุติสงครามระหว่างแม่ผัว-ลูกสะใภ้คือ การแสดงความรักและยกย่องกันและกัน ซึ่งจะเป็นการล้มเลิกความพยายามในการแย่งชิงอำนาจภายในบ้านไปโดยปริยาย
มุกฮาลูกเขย-แม่ยาย
: หนุ่มคนหนึ่งไปชอปปิ้งกับแม่ยาย ระหว่างนั้นเอง คุณแม่ยายดันไปทะเลาะและลงไม้ลงมือกับผู้หญิงอีกหกคน บังเอิญเพื่อนบ้านผ่านมาเห็นเข้าจึงถามเขาว่า “คุณไม่เข้าไปช่วยเหรอ?” ชายหนุ่มตอบโดยไม่ต้องคิดว่า “ไม่ล่ะ หกคนก็เอาอยู่แล้ว”
: คุณจะทำอย่างไรถ้าเกิดคิดถึงแม่ยายขึ้นมา?
คำตอบ – ก็โหลดใหม่แล้วลองอีกครั้งสิ
: วันหนึ่งพ่อตาผมถูกตำรวจจราจรโบกให้จอดรถ
“ภรรยาคุณตกจากรถ” ตำรวจบอก
“ขอบคุณพระเจ้า ผมนึกว่าตัวเองคงจะหูหนวกเข้าสักวัน”
: ชายคนหนึ่งพาหมาไปพบสัตวแพทย์เพื่อให้ตัดหางเจ้าตูบ สัตวแพทย์ตรวจดูและบอกว่า
“ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเลยนี่ครับ จะให้ผมตัดหางเจ้าหมาทำไม?”
“แม่ยายผมจะมาเยี่ยม ผมไม่อยากให้มีอะไรในบ้านทำให้แกคิดว่าเรายินดีต้อนรับ”
: ชายอีกคนไปหาหมอและบอกว่า “ผมชักจะกังวลแล้วสิ พักนี้หลุดอยู่เรื่อย”
เมื่อหมอขอให้ยกตัวอย่าง คนไข้หนุ่มเล่าว่า “คืนก่อนนี้ระหว่างกินข้าวกับแม่ยาย ผมตั้งใจจะบอกแกว่า ‘ช่วยส่งเนยให้หน่อยได้ไหมครับ?’ แต่ปากเจ้ากรรมดันโพล่งออกไปว่า ‘ยายวัวโง่ แกทำลายชีวิตฉันซะป่นปี้’