ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง กระทรวงมหาดไทย นำเสนอบทความ เนื่อง
ในโอกาสวันดำรงราชานุภาพ ตรงกับวันที่ 1 ธ.ค.ของทุกปีว่า ประชาชนพลเมืองไทย ในอดีตที่ผ่านมา
ต่างยึดมั่นหลักความเป็นชาติของคนไทยที่เป็นหนึ่งเดียว ไม่เคยปรากฏความแบ่งแยกในเรื่องของภาค
จังหวัด ในเชิงของท้องถิ่นนิยมอย่างสุดโต่งภายในบ้านเมืองไทยอย่างในเวลานี้ เพราะต่างมีความ
สมัครสมานสามัคคีโดยมีหัวใจดวงเดียวกัน คือ หัวใจแห่งความจงรักภักดีที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย
แต่ความรักใคร่กลมเกลียว ได้มาถูกแปรเปลี่ยนโดยบุคคลผู้มีความโลภ และแฝงตัวอยู่กับ
สิ่งที่เรียกว่า"จินตนาการประชาธิปไตย" หมายถึง ความโลภทางการบริหารจัดการทางกลไกของ
ความเป็นรัฐ จนอุดมการณ์ประชาธิปไตย กลับกลายเป็นเรื่องของจินตนาการในรูปแบบของการ
โฆษณาชวนเชื่อ หาใช่ประชาธิปไตยอันเป็นอุดมคติของการทำความดีและการดำรงรักษาประเทศชาติ
"แนวคิดดังกล่าว ได้รวมถึงทัศนคติแบบทุนนิยม เอารัดเอาเปรียบ และหวังมีอิทธิพลเข้า
ครอบงำระบบทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองแบบเบ็ดเสร็จ โดยไม่ให้ความสำคัญต่ออัตลักษณ์
ของชาติ แต่มุ่งสร้างค่านิยมทางเอกลักษณ์ของชาติขึ้นใหม่ เช่นเดียวกับรัฐ หรือประเทศที่ได้รับ
เอกราชภายหลังสงคราม ผู้เป็นข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ถือได้ว่าเป็นกลุ่มอาชีพบุคคลที่มี
ความรู้ความสามารถ เป็นพลเมืองแบบอย่างทางสังคม สำคัญที่สุด คือความจงรักภักดีที่มีต่อสถาบัน
พระมหากษัตริย์ และประเทศชาติ ท่านสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐมเสนาบดี
กระทรวงมหาดไทย ตรัสสอนไว้ว่า เป็นสิ่งที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ในความเป็นชาติไทย ข้า
ราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ จึงมีกระบวนทัศน์มาอย่างต่อเนื่องยาวนานว่า ตนไม่ใช่คนของใคร
ไม่ใช่คนของพรรคการเมือง ไม่ใช่คนของกลุ่มอิทธิพล กลุ่มผลประโยชน์ แต่เป็นข้าของแผ่นดิน
และข้าราชการ ถือเป็นอาชีพที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี มุ่งสร้างคุณความดีให้เกิดขึ้นแก่สังคม ไม่ใช่บริวาร
ของการกระทำผิด หรือความชั่วร้ายแก่ประเทศชาติ และประชาชนชาวไทยต้องร่วมกันเสริมสร้าง
ชาติบ้านเมือง โดยกำหนดกรอบทางแนวคิดของการดำเนินชีวิตให้มีระเบียบ มีคุณค่าของความเป็น
มนุษย์ ตามหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อเป็นเกราะกำบังขวางกั้นการถูกหลอกลวง หรือการชี้นำอย่าง
ปราศจากคุณธรรม ยังผลให้การพัฒนาประชาธิปไตยไม่สามารถดำเนินไปสู่จุดหมาย
ในโอกาสวันดำรงราชานุภาพ ตรงกับวันที่ 1 ธ.ค.ของทุกปีว่า ประชาชนพลเมืองไทย ในอดีตที่ผ่านมา
ต่างยึดมั่นหลักความเป็นชาติของคนไทยที่เป็นหนึ่งเดียว ไม่เคยปรากฏความแบ่งแยกในเรื่องของภาค
จังหวัด ในเชิงของท้องถิ่นนิยมอย่างสุดโต่งภายในบ้านเมืองไทยอย่างในเวลานี้ เพราะต่างมีความ
สมัครสมานสามัคคีโดยมีหัวใจดวงเดียวกัน คือ หัวใจแห่งความจงรักภักดีที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย
แต่ความรักใคร่กลมเกลียว ได้มาถูกแปรเปลี่ยนโดยบุคคลผู้มีความโลภ และแฝงตัวอยู่กับ
สิ่งที่เรียกว่า"จินตนาการประชาธิปไตย" หมายถึง ความโลภทางการบริหารจัดการทางกลไกของ
ความเป็นรัฐ จนอุดมการณ์ประชาธิปไตย กลับกลายเป็นเรื่องของจินตนาการในรูปแบบของการ
โฆษณาชวนเชื่อ หาใช่ประชาธิปไตยอันเป็นอุดมคติของการทำความดีและการดำรงรักษาประเทศชาติ
"แนวคิดดังกล่าว ได้รวมถึงทัศนคติแบบทุนนิยม เอารัดเอาเปรียบ และหวังมีอิทธิพลเข้า
ครอบงำระบบทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองแบบเบ็ดเสร็จ โดยไม่ให้ความสำคัญต่ออัตลักษณ์
ของชาติ แต่มุ่งสร้างค่านิยมทางเอกลักษณ์ของชาติขึ้นใหม่ เช่นเดียวกับรัฐ หรือประเทศที่ได้รับ
เอกราชภายหลังสงคราม ผู้เป็นข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ถือได้ว่าเป็นกลุ่มอาชีพบุคคลที่มี
ความรู้ความสามารถ เป็นพลเมืองแบบอย่างทางสังคม สำคัญที่สุด คือความจงรักภักดีที่มีต่อสถาบัน
พระมหากษัตริย์ และประเทศชาติ ท่านสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐมเสนาบดี
กระทรวงมหาดไทย ตรัสสอนไว้ว่า เป็นสิ่งที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ในความเป็นชาติไทย ข้า
ราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ จึงมีกระบวนทัศน์มาอย่างต่อเนื่องยาวนานว่า ตนไม่ใช่คนของใคร
ไม่ใช่คนของพรรคการเมือง ไม่ใช่คนของกลุ่มอิทธิพล กลุ่มผลประโยชน์ แต่เป็นข้าของแผ่นดิน
และข้าราชการ ถือเป็นอาชีพที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี มุ่งสร้างคุณความดีให้เกิดขึ้นแก่สังคม ไม่ใช่บริวาร
ของการกระทำผิด หรือความชั่วร้ายแก่ประเทศชาติ และประชาชนชาวไทยต้องร่วมกันเสริมสร้าง
ชาติบ้านเมือง โดยกำหนดกรอบทางแนวคิดของการดำเนินชีวิตให้มีระเบียบ มีคุณค่าของความเป็น
มนุษย์ ตามหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อเป็นเกราะกำบังขวางกั้นการถูกหลอกลวง หรือการชี้นำอย่าง
ปราศจากคุณธรรม ยังผลให้การพัฒนาประชาธิปไตยไม่สามารถดำเนินไปสู่จุดหมาย