xs
xsm
sm
md
lg

สมชายเหิมออกพรก.ฉุกเฉินตั้งโกวิท-2ตร.แม้วลุยทหารไม่ร่วมแผนชั่ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไม่สนรอยเลือดประชาชน "สมชาย" ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน "ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ" ส่ง 2 เพื่อนแม้ว "สุชาติ-ฉลอง" สลาย แถมขู่ใช้กฎหมายก่อการร้าย-ฟอกเงิน จัดการพันธมิตรฯ และผู้ให้การสนับสนุน แฉทาบทาม ผบ.สส.คุมแต่ถูกเมินจนต้องตั้ง "โกวิท" คุม หมอประเวศจี้นายกฯ ลาออก ภายใน 1-2 วัน ต้องจบ เครือข่ายปัญญาสยามชำแหละ คตร.ไม่แก้ปัญหา ส.ส.ปลุกระดมชาวบ้านพกมีด-ปืนสู้ทหารปฏิวัติ เตรียมลงชื่อเสนอนายกฯ ปลด ผบ.ทบ. กร้าวขึ้นบัญชีดำแบงก์กรุงเทพ กสิกรไทย ดีแทค มิตซูบิชิ เบียร์สิงห์ เป๊ปซี่ สหพัฒน์ฯ ซีพี การบินไทย

การเดินทางกลับจากเปรู ตรงเข้าเชียงใหม่ของ "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" เพื่อปักหลักที่บ้านเมีย ในหมู่บ้านกรีนวัลเลย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ คืนวันที่ 26 พ.ย. 51 ก่อนที่จะเรียกประชุม ครม. วานนี้ (27 พ.ย.) ปฏิเสธไม่ได้ว่า ได้สร้างบันทึกเลือดให้กับประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง เป็นบันทึกการเหยียบย่ำเลือดไทย เพื่อกลับมาเถลิงอำนาจ "นายกรัฐมนตรี" หลังจากที่สร้างประวัติศาสตร์เลือด ด้วยการสั่งใช้กำลังตำรวจสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่ปิดล้อมรัฐสภาฯ เปิดทางให้เหยียบย่ำซากศพพี่น้องคนไทย เพื่อเข้าแถลงนโยบาย เมื่อ 7 ต.ค.51 ที่ผ่านมาแล้วครั้งหนึ่ง
ช่วงเช้าวานนี้ (27 พ.ย.) นายสมชาย ได้ประชุมร่วมนอกรอบกับรัฐมนตรี ที่ทยอยเดินทางเข้าพบที่บ้านพักอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ เวลา 07.40 น. เช่น นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล รมว.วัฒนธรรม พร้อมด้วยนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง เลขาฯ โดยทั้งหมดใช้การเดินทางโดยรถยนต์ตู้จาก กทม. รวมถึง พล.ต.อ.ชัชจ์ กุลดิลก อดีต ผบช.สอบสวนกลาง , พล.ต.ต.เกษม รัตนสุนทร อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ ที่เดินทางเข้าไปที่บ้านพักนายกฯ ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านพักนายกฯ ก่อนประชุม ครม. มีผู้เกี่ยวข้องเข้ารายงานเป็นระยะๆ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ยังไม่มีฝ่ายความมั่นคงยกเว้นทางฝ่ายตำรวจ และปกครอง โดยเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นที่ จ.เชียงใหม่ มีเหตุเสียชีวิตด้วยนั้น ทาง พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว ผบช.ตร.ภ. 5 บอกว่า ได้มอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องดูแลแล้ว แต่ยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ตำรวจทำงานฝ่ายเดียวไม่ได้ ทางทหารก็ต้องเข้ามาช่วยอีกทางหนึ่ง
ต่อมา เวลาประมาณ 14.30 น. นายสมชาย ได้เดินทางออกจากบ้านพัก เพื่อเข้าประชุม ครม.นัดพิเศษ ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอารักขา – กลุ่มคนเสื้อแดง “รักเชียงใหม่ 51” มาให้กำลังใจ พร้อมกับปักหลักกางเต้นท์ ที่หน้าศาลากลาง เพื่อคอยอารักขาการประชุม ครม.และสกัดกลุ่มพันธมิตรฯ
ทั้งนี้ ตั้งแต่ช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ได้เตรียมสถานที่ประชุมด้วยความวุ่นวาย เนื่องจากเป็นการนัดหมายกระทันหัน เพื่อใช้ห้องประชุมใหญ่ชั้น 2 บนอาคารอำนวยการกลาง ศาลากลางเชียงใหม่ เป็นสถานที่ประชุม มีการจัดโต๊ะ – ระบบเครื่องเสียง และระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ และมีทีมรักษาความปลอดภัยส่วนตัวนายกฯ กว่า 10 คน ตรวจตราความเรียบร้อย พร้อมกับสั่งการรักษาความปลอดภัย
พร้อมกันนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ระดมกำลังกว่า 2 กองร้อย – อปพร.-ตชด.-นปพ. พร้อมโล่-กระบอง ตลอดจนสารวัตรทหาร ทภ.3 รักษาความปลอดภัยบริเวณรอบศาลากลางจังหวัด ตรวจตรารถยนต์ – คนเข้า ออกอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ยังห้ามไม่ให้นำรถยนต์ – จักรยานยนต์เข้าไปจอดใกล้อาคารโดยเด็ดขาด ตลอดจนมีการตรวจวัตถุระเบิดอย่างเข้มงวด

เสื้อแดงป่วนทั้งเมืองตามหา พธม.
ขณะที่กลุ่มเสื้อแดง-รักเชียงใหม่ 51 ที่ได้ระดมพลผ่านคลื่นวิทยุชุมชน 92.5 เมกะเฮิรตซ์ ที่มีนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล เป็นแกนนำ ตั้งแต่ช่วงเช้า ซึ่งนอกจากจะมีเป้าหมายอารักขา นายสมชาย – ครม.แล้ว ยังกระจายกำลังไปตรวจสอบตามสถานีรถไฟ-สถานีขนส่งอาเขตเชียงใหม่ โดยอ้างว่า ได้รับการยืนยันว่า มีพันธมิตรฯเดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อขับไล่ นายสมชาย 3 โบกี้รถไฟ อันเป็นข้อมูลชุดเดียวกับพล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว ผบช.ภ.5 ที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนตั้งแต่เช้าว่า ได้รับรายงานเรื่องมีกลุ่มพันธมิตรฯ จาก จ.ลำปาง กว่า 200 คน เดินทางโดยรถไฟจำนวน 3 โบกี้ มาลงที่ ลำพูน เพื่อเดินทางต่อมาเคลื่อนไหวที่ จ.เชียงใหม่แล้ว แต่ก็ไม่มีกลุ่มพันธมิตรฯ เดินทางมาตามที่เป็นข่าว
อย่างไรก็ตาม กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ก็ยังคงปลุกระดมผ่านวิทยุชุมชนในเครือข่าย ส่งคนไปตรวจสอบตามสถานที่ต่างๆ ที่มีกระแสข่าวว่า มีกลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวอยู่ ทั้งที่ห้างสรรพสินค้าโลตัสหางดง , มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ฯลฯ ก่อนที่จะกลับไปรวมตัวกันที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับประกาศว่า จะปกป้องนายสมชาย อย่างเต็มที่ หากเกิดการปฏิวัติเกิดขึ้น
ส่วนที่ จ.เชียงราย มีรายงานว่า ในช่วงเย็นวันเดียวกันกลุ่มเสื้อแดง-24 มิถุนาฯ ได้พยายามเรียกระดมกำลังพลให้ไปรวมตัวกันที่ศาลากลางจังหวัดฯ เพื่อต่อต้านการปฏิวัติ หลังจากมีกระแสข่าวแพร่สะพัดว่า ทหารจะออกมาปฏิวัติในคืนวันเดียวกัน แต่จนถึงเวลาประมาณ 18.00 น. ก็สามารถระดมคนได้เพียง 20 กว่าคนเท่านั้น

ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2 สนามบิน
เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. นายสมชายได้ออก NBT แถลงว่า ครม.มีมติประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน บริเวณสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ โดยอ้างว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ได้ทำการปิดสนามบินจนไม่สามารถเปิดใช้การได้ ค่าเสียหายไม่ต่ำกว่าวันละแสนล้านบาท ถือเป็นภัยร้ายแรงต่อบ้านเมือง ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ตนอยากขอร้องให้กลุ่มพันธมิตรฯ ที่ปิดกั้นสนามบินให้ยุติการชุมนุม เนื่องจากประเทศเสียหายมากแล้ว และอยากให้ช่วยกันทำให้เข้าสู่ภาวะปกตินายสมชายยังอ้างอีกว่าในส่วนของการขนส่งสินค้าเกษตรที่ไม่สามารถส่งไปยังต่างประเทศได้ มีมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่วนในด้านการท่องเที่ยวก็เสียหายหนักไม่แพ้กัน ซึ่งส่งผลกระทบให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติยกเลิกการจองที่พัก ซึ่งกว่าจะดึงความเชื่อมั่นกลับคืนก็ใช้เวลาแรมปี ผู้รับกรรมคือคนไทยทั้งประเทศ
"ในฐานะที่ผมเป็นหัวหน้ารัฐบาลต้องทำอะไรสักอย่าง และตอนนี้ทราบข่าวว่า ทางศาลได้มีคำสั่งคุ้มครอง ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางออกจากสนามบินดอนเมือง หวังว่าจะปฏิบัติตาม" นายสมชายกล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าการที่รัฐบาลได้ประกาศให้มีการใช้ พ.ร.บ.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 บริเวณสนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมิ เป็นการชั่วคราวไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อทำร้ายใคร แต่ต้องการให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ และพี่น้องประชาชนได้รับความสะดวกสบาย โดย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย เป็นผู้ดูแลทั้งหมด ซึ่งพื้นที่สนามบินดอนเมืองมอบหมายให้ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้ดูแล และให้กองทัพอากาศเป็นผู้สนับสนุน ขณะที่พื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิมอบหมายให้ พล.ต.ท.ฉลอง สมใจ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เป็นผู้ดูแล ร่วมกับกองทัพเรือ ส่วนกองทัพบกเป็นผู้สนับสนุนในการดูแลสถานการณ์หากได้รับการร้องขอจากตำรวจเมื่อเกิดกรณีจำเป็น
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญกุล รมว.วัฒนธรรมฯ กล่าวว่า “ครม.พร้อมรับผิดชอบทั้งคณะฯ” นายวรวัจน์กล่าวย้ำ พร้อมกับเปิดเผยอีกว่า โดยจะมีการใช้กฎหมายก่อการร้ายสากลเข้ามาจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุม เนื่องจากการยึดสนามบินถือว่า เป็นการก่อการร้าย จากนั้นใช้กฎหมายฟอกเงิน ให้ ปปง. เข้าดำเนินการตรวจสอบกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังสนับสนุน พธม.ทั้งหมดต่อไป
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า การออกพรก.ฉุกเฉิน ครั้งนี้ ไม่เหมือนกับสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี และได้ออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะครั้งนี้มีรายละเอียด มีผู้รับผิดชอบแต่ละพื้นที่ชัดเจน ตนขอให้คุยกันให้รู้เรื่อง เพราะไม่อยากให้ใครได้รับบาดเจ็บ แม้แต่ยุงกัดเลือดออก ส่วนเรื่องปลด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มี พล.อ.อนุพงษ์ มีไว้ให้ช่วยงาน
ก่อนหน้านั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯ ที่เสนอให้นายสมชายลาออก เป็นข้อเสนอที่เป็นไปไม่ได้ หรือแม้แต่การยุบสภาก็ไม่สามารถทำให้ประเทศชาติออกจากความขัดแย้งได้ เพราะหากนายกฯประกาศลาออกก็ต้องหานายกฯ คนใหม่ หรือยุบสภาก็ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 30 วัน พรรคพลังประชาชนก็กลับเข้ามาเป็นรัฐบาลอยู่ดี การลาออกของนายกรัฐมนตรีจึงไม่ใช่ทางแก้ปัญหา และพันธมิตรฯ ก็จะออกมาเรียกร้องต่อไม่มีที่สิ้นสุดเพราะเป้าหมายคือให้พลังประชาชนออกจากเวทีการเมือง
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ฝากถึงนายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ว่า “ไอ้ธิ มึงเยี่ยม มึงแน่ มึงเก่ง ที่เทรนโฆษกสาวๆ ให้มีสุ่มเสียงเหมือนกันหมดได้ เวลาพูดบนเวที หลังจบเหตุการณ์ครั้งนี้คงต้องไปขอศึกษาวิชานี้ด้วย”

แฉ ผบ.สส.ปฏิเสธร่วมฆ่า ปชช.
แหล่งข่าววงการทหารกล่าวถึงการแต่งตั้ง พล.ต.โกวิท พล.ต.ท.สุชาติและ พล.ต.ท.ฉลอง สลายกลุ่มพันธมิตรฯ ครั้งนี้หมายถึงรัฐบาลนายสมชายการถูกปฏิเสธจากกองทัพ เพราะช่วงเย็นวานนี้ (27 พ.ย.) มีกระแสข่าวแต่งตั้ง พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. นายทหารรุ่น 10 เพื่อนร่วมรุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่สุดท้ายกลับเป็น พล.ต.อ.โกวิทและ 2 นายตำรวจเพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.ทักษิณแทน ดังนั้นสถานการณ์หลังจากนี้มีความเป็นไปได้สูงที่ตำรวจกับทหารจะมีการปะทะกัน เพราะก่อนหน้านี้ 1 วัน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ประกาศชัดเจนว่า ไม่ต้องการเห็นความรุนแรง
"พล.อ.ทรงกิตติไม่ต้องการร่วมมือกับรัฐบาลในการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะไม่ต้องการตกเป็นเครื่องมือเข่นฆ่าประชาชน เพราะถ้ารับงานนี้ คงไม่อาจหลีกเลี่ยงความรุนแรง จากนี้ไปต้องจับตาให้ดีว่าความขัดแย้งครั้งนี้จะจบอย่างไร" แหล่งข่าวกล่าว

หมอประเวศแนะสมชายลาออก
นพ.ประเวศ วะสี ราษฏรอาวุโส กล่าวถึงวิกฤติการเมืองในขณะนี้ว่า ขอเสนอแนะให้ทุกฝ่ายเสียสละเพื่อบ้านเมือง อย่าคิดเรื่องแพ้ หรือชนะ และขอให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีทันที และขอให้พันธมิตรฯ หยุดการยึดสนามบิน ยุติการเคลื่อนไหวทันที ขอให้ทุกฝ่ายเสียสละเพื่อบ้านเมือง เพราะบ้านเมืองเสียหายมาก ทางพันธมิตรฯที่ทำมาก็มากแล้ว การเคลื่อนไหว ถือเป็นประโยชน์สูงสุดแล้ว สามารถทำจนมีผลให้นายกฯ ถึง 2 คนติดคุกได้ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน แต่พันธมิตรฯ อย่าคิดว่าต้องทำทุกเรื่องคนเดียวโดยลำพังเท่านั้น เพราะหลังจากนี้ให้เป็นเรื่องของสังคมและประชาชน เป็นผู้ดำเนินการต่อไป พันธมิตรฯ ทำมาถูกแล้วและถึงที่สุดแล้ว
"อย่าคิดว่าขบวนรถไฟประเทศไทย จะจอดทีสถานี "ทักษิณ" สถานีเดียว ตอนนี้จอดที่สถานี "ทักษิณ" นานเกินไปแล้ว ยังมีสถานีอื่น มีเรื่องอื่น ที่พันธมิตรฯ สามารถทำได้อีกเยอะ เรื่องใหญ่ๆ ทั้งนั้น ที่เป็นวิกฤติของบ้านเมือง เช่น เรื่องคอร์รัปชั่น การสร้างการเมืองใหม่ เรื่องทักษิณให้พอแล้ว ถึงเวลาทักษิณจะหมดสภาพไปเองไม่ต้องไปพูดถึงอีก หากพูดมากๆ จะเหมือนผีหลอกอยู่ทุกวันๆ"นพ.ประเวศกล่าว
น.พ.ประเวศ กล่าวด้วยว่า พันธมิตรฯ จากการที่เคยเป็นฝ่ายรุก ถ้ารุกมากเกินไป มันไม่ดี จะกลายเป็นฝ่ายรับและตกในวงล้อมได้ ทั้งนี้ ต้องให้เสร็จสิ้นภายใน 1-2 วันนี้ ต้องให้จบโดยเร็ว เพื่อไม่ให้บ้านเมืองต้องเสียหายไปมากกว่านี้ และเป็นปกติโดยเร็ว นายสมชาย ต้องลาออก

ปัญญาสยามชง 4 ข้อแก้วิกฤต
เครือข่ายปัญญาสยามออกแถลงการณ์วานนี้ ( 27 พ.ย.) ว่า ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ได้สรุปข้อเสนอแนะ 4 ข้อ เพื่อแก้ไขวิกฤติชาติ เมื่อวานนี้ (26 พ.ย.) เครือข่ายปัญญาสยาม เห็นว่า ข้อเสนอข้างต้นยังไม่ครอบคลุมกับการแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1. หากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรียุบสภาเพียงอย่างเดียว นายสมชาย และรัฐบาลชุดปัจจุบัน ก็จะยังเป็นรัฐบาลรักษาการต่อไป ทั้งที่นายสมชาย และรัฐมนตรีหลายคน ขาดความชอบธรรมที่จะดำรงตำแหน่งผู้บริหารประเทศ เพราะนายสมชาย ในฐานะที่เป็นผู้หนึ่งในคณะรัฐมนตรีชุดรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช มีความผิดฐานกระทำการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เป็นเหตุให้ประเทศไทยต้องเสียอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน ในพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร ตามคำ ตัดสินชี้ขาดแล้ว
แถลงการณ์ ระบุอีกว่า ยิ่งกว่านั้น นายสมชาย ยังเป็นผู้นำรัฐบาลที่ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมหน้ารัฐสภาในวันที่ 7 ต.ค. 51 เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ตามผลการสอบสวนของคณะอนุกรรมาธิการของวุฒิสภา และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติอีกด้วย นายสมชาย และคณะรัฐมนตรี จึงขาดความเหมาะสมที่จะเป็นรัฐบาลรักษาการ และควบคุมการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพราะปัญหาการทุจริตเลือกตั้งก็หวนกลับมาได้อีก อีกทั้งพรรคร่วมรัฐบาลถึง 3 พรรค ยังอยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดียุบพรรค เนื่องด้วยคดีทุจริตเลือกตั้งอีกด้วย
2. หากนายสมชาย เลือกที่จะลาออกเพียงอย่างเดียว ปัญหาก็ยังไม่อาจคลี่คลาย เพราะพรรคร่วมรัฐบาล ก็จะสรรหาบุคคลในกลุ่มของตนขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีตัวแทนอีก วิกฤติการเมืองเนื่องด้วยความไม่บริสุทธิ์ของนักการเมือง และผู้บริหารประเทศก็จะไม่จบสิ้น เครือข่ายปัญญาสยามจึงมีข้อเสนอ เพื่อแก้ไขวิกฤติชาติ 4 ประการ คือ
1.นายกรัฐมนตรีต้องยุบสภา และนายกรัฐมนตรีต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่หลังยุบสภาแล้ว 2.ภายหลังยุบสภา ทั้งฝ่ายพันธมิตรฯ และฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลต้องยุติการเคลื่อนไหว 3.ดำเนินการจัดการเลือกตั้งให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม เป็นที่ยอมรับได้ในสังคมโลก 4.ทุกฝ่ายต้องยอมรับกระบวนการทางยุติธรรมอย่างไม่มีข้อแม้ และไม่ใช้ความรุนแรงในทุกกรณี ทั้งนี้ เครือข่ายปัญญาสยามขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และผู้ที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในส่วนต่างๆ คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวมเป็นหลัก ดำเนินการตามข้อเสนอข้างต้น เพื่อให้บ้านเมืองรอดพ้นจากวิกฤติ เกิดสันติสุขและความปรองดองโดยเร็ว

ส.ส.พกปืนพร้อมยุชาวบ้านทำตาม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า เมื่อเวลา 12.30 น. หลังจากที่ปิดสภา ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลประมาณ 100 คน นำโดยนาย วิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคพลังประชาชน ในฐานะประธานวิปรัฐบาล นายสุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม พรรคพลังประชาชน นายเอกพจน์ ปานแย้ม ส.ส.ปทุมธานี พรรคชาติไทย นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.มัชฌิมาธิปไตย วิปรัฐบาล ได้หารือที่ห้องงบประมาณ อาคารรัฐสภา 3 เพื่อประเมินสถานการณ์การเมืองที่มีกระแสข่าวกองทัพเตรียมปฏิวัติ และเสนอทางออก ภายหลังการหารือประมาณ 1 ชั่วโมง ส.ส.ได้ร่วมกันแถลงข่าวที่ห้องโถง อาคารรัฐสภา 1 โดยนายวิทยา กล่าวว่า พวกเราส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดได้ร่วมกันหารือกำหนดทิศทางการเมือง และกำหนดมาตราการให้รัฐบาลดำเนินการ
นายเอกพจน์ ปานแย้ม กล่าวว่า ที่ประชุมมีข้อสรุปเสนอให้รัฐบาลดำเนินการต่อไปนี้ 1.นายกฯ ต้องแสดงความเด็ดขาดชัดเจนกับผู้กระทำความผิดอย่างเร่งด่วน พร้อมมอบให้ผู้รับผิดชอบไปดำเนินการภายใน 24 ชั่วโมง 2. ขอให้ใช้ พ.ร.บ.ฉุกเฉิน หากผู้ปฏิบัติตามไม่ดำเนินการ ขอให้ปลดออกจากตำแหน่ง 3. ขณะนี้มีกระแสข่าวกองทัพจะยึดอำนาจ ที่ประชุมจึงให้ ส.ส.ทุกคนระดมประชาชนเตรียมพร้อมอย่างน้อย ส.ส. 1 คนไม่น้อยกว่า 2 หมื่นคน
นายสุทิน คลังแสง กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การปฏิวัติไว้ใจไม่ได้ ที่ประชุมมีมาตรการต่อต้านรัฐประหาร โดยขอให้ประชาชนที่รักประชาธิปไตยลุกขึ้นมาประกาศเจตนาประกาศต่อต้านการยึดอำนาจทุกรูปแบบ โดยขึ้นป้ายทุกหมู่บ้าน ใส่เสื้อสีแดง ถ้าเป็นคน กทม.ใครมีรถยนต์หรือรถแท็กซี่ ให้นำมาปิดถนน เพื่อไม่ให้รถถังเคลื่อนผ่านไปยึดสถานที่สำคัญ และให้ประชาชนออกมาชุมนุมโดยสงบ ซึ่งส.ส.ทุกคนจะถือธงนำหน้าประชาชนจะไปยื่นข้างหลังอย่างที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ขอเตือนกลุ่มทุนต่างๆ ที่สนุบสุนกลุ่มพันธมิตรฯ หากไม่หยุดสนับสุนนใช้มาตราการลงโทษทางสังคม โดยงดใช้สินค้า ซึ่งตอนนี้เราทราบว่า มีธุรกิจหลายตัวให้การสนุบสนุนเช่น ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และห้างสรรพสินค้าบางประเภท ซึ่งหากไม่จริงของให้ปฏิเสธออกมา หากไม่หยุดการ สนุบสนุนเราจะเปิดเผยชื่อ เพื่อให้ประชาชนพิจารณาว่า จะสนับสนุนสินค้าเหล่านี้ต่อไปหรือไม่
ทั้งนี้ การประกาศเชิญชวนต่อต้านรัฐปรหาร ประชาชนจะเข้าร่วมโดยสมัครใจ อย่างไรก็ตาม ถ้ามีการปฏิวัติ ส.ส.จะมาประชุมสภา ตามปกติ จะถือเป็นประวัติศาสตร์ทุกคนจะไม่หนีไปไหน
ร.ท.กุเทพ ใส่กระจ่าง รักษาการโฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงว่า พรรคพลังประชาชนเห็นด้วยกับมติพรรคร่วมรัฐบาล ที่เชิญชวนประชาชนแสดงออกต่อต้านรัฐประหาร ดังนั้นขอให้นายทหารที่คิดก่อการรัฐประหาร จะนำพาบ้านเมืองไปสู่วิกฤต ส่วนภาคธุรกิจที่สนับสนุนให้รัฐประหาร จะทำให้ประเทศถอยหลังไปสู่วิกฤต เพราะประชาชนที่รักประชาธิปไตยที่จะลุกฮือมากเป็นประวัติศาสตร์ และพวกเราจะหนุนให้คนออกมาต่อต้านทั้งระยะแรก และยาว ส่วนวิธีแก้ปัญหาไม่ต้องปฏิวัติ แต่ทหารและตำรวจต้องปฏิบัติตามหน้าที่ไม่ใช่ลอยตัว โยนฝ่ายการเมืองเป็นแพะรับบาป ทั้งทหาร และตำรวจ อย่าทำตัวอาระยะขัดขืน ทำตัวเหมือนพันธมิตรฯ ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ส่วนการรับผิดชอบทางการเมืองโดยยุบสภาลาออกเป็นเรื่องของรัฐบาลที่ตัดสินใจง่ายมาก เชื่อว่าฝ่ายทหาร ตำรวจปฏิบัติตามกฎหมาย ฝ่ายรัฐบาลก็จะไม่ดื้อดึง
นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า วิปรัฐบาลมีความเห็นว่า ให้ ส.ส.แต่ละคนระดมประชาชนคนละ 2 หมื่นคน แยกเป็นตำบลละ 200 คน โดยให้คัดผู้ชายร่างกายกำยำ ใครมีปืน หรือ มีด ด้ามพร้า ให้เอามาเพื่อแสดงพลัง หากจะรอทหาร หรือ ตำรวจ คงรอไม่ไหวแล้ว โดยให้มารอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ สนามหลวง
เมื่อถามว่าเป็นการส่งสัญญาณให้ฆ่ากันหรือไม่ นายสุชาติ ตอบว่า ไม่เกี่ยว แต่เป็นการแสดงพลัง เพื่อปกป้องประชาธิปไตย และไม่ใช่เป็นการปกป้องนายกฯ แต่จะให้นายกฯ ลาออกคงไม่ได้ เพราะไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย วันนี้จะปล่อยกลุ่มพันธมิตรฯ คงไม่ได้แล้ว เพราะรัฐบาลใช้อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ หรือ ตุลาการไม่ได้แล้ว ต้องมาใช้อำนาจประชาชน เราต้องยอมแลกทุกอย่างเพื่อปกป้องประชาธิปไตย เหตุการณ์ครั้งนี้ จะเหมือนพฤษภาทมิฬ โดยจะใช้ประชาชน แต่เราจะเป็นฝ่ายอยู่ข้างหลัง เพื่อดันประชาชนให้ร่วมสู้ อย่างไรก็ตาม ทราบว่า ทหารบางส่วนเริ่มขยับบริเวณ จ.ลพบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี เตรียมตัวปฏิวัติแล้ว วันนี้ประเทศวุ่นวายจากอำนาจที่มองไม่เห็น
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า วันนี้ได้กลิ่นปฎิวัติ เพราะทหารกำลังเคลื่อนเข้ามา แต่ในฐานะส.ส.ต้องเตรียมสู้ในสภาผู้แทนราษฎร ถ้าถูกปฎิวัติจริง รับรองเสื้อแดงมาเต็มเมือง สังคมไทยยอมรับไม่ได้ ผบ.ทบ. อย่าพูดเพื่อตัวเองดี และจะขึ้นเป็นนายกฯ อย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ ถ้าอยากเป็นต้องปฎิวัติเอาเอง
"เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารไม่ยอมทำอะไร ทำให้ประชาชนไม่มีความปลอดภัยในชีวิต ทุกวันนี้ขนาดตนเป็น ส.ส.ยังต้องหาทางป้องกันตัวเอง ด้วยการนำพาปืนติดรถไว้ โดยมีกระสุนที่เป็นหัวกระสุนระเบิด แต่ยังไม่บรรจุ นอกจากนี้ ยังทราบว่ามี ส.ส.คนอื่นพากันนำพาปืนเพื่อป้องกันตัวกันหลายคน รวมถึงกรณีที่ผบ.ทบ. เสนอให้นายกฯยุบสภา พฤติกรรมเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จึงได้รวมรวมรายชื่อ ส.ส. 33 คน เรียบร้อยแล้ว เตรียมเสนอให้นายกฯ พิจารณาปลด ผบ.ทบ. ออกจากตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการถามตอบเป็นไปด้วยความตึงเครียด โดยส.ส. ไม่ได้เปิดช่องให้มีการสอบถาม พยายามพูดแทรกโดยตลอด โดยช่วงหนึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การได้มาของประชาธิปไตย บนซากศพของประชาชนแล้วจะมีประโยชน์อะไร พอสิ้นเสียงคำถาม ส.ส.ที่ร่วมกันแถงพาลูกฮือ ตะโกนใส่ผู้สื่อข่าวว่า นักข่าวไม่รู้จักคำว่าประชาธิปไตยหรือ พร้อมทั้งแย่งกันตอบว่า การเรียกให้ประชาชนออกมาต่อต้านกรปฏิวัติ เป็นการปกป้องระบอบประชาธิปไตย ที่ทุกคนทำได้

ประกาศแบนสินค้าเครือยักษ์ใหญ่
ช่วงสุดท้ายของการแถลงข่าว นายสุทิน ได้นำบัญชีรายชื่อสินค้าที่ไม่ควรอุดหนุด มาเปิดเผย ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ปูนทีพีไอ ธนาคารกสิกรไทย โทรศัพท์มือถือดีเทค บ.มิตซูบิชิทุกชนิด ดีวีดีลีโอน่า ผลิตภัณฑ์พอนส์ มันฝรั่งเลย์ ยาดมท่านเจ้าคุณ เซงเพียงอิ๊ว น้ำยาเบเบี้ดอล เบียร์สิงห์ ลีโอ ปั๊มน้ำมันปิโตนัส ของมาเลเซีย ปลากระป๋องอายัม ร้านหนังสือซีเอ็ดบุกส์ บ.แป๊ปซี่ เครื่องปรับอากาศไซโจเดนกิ บ.สหพัฒนพิบูลย์ จำกัด อาทิ มาม่า เปาปุ้นจิ้น บ.ไลออน ประเทศไทย จำกัด ผลิตภัณฑ์โคโดโมะ คาราบาวแดง กระทิงแดง น้ำปลาตราคนแบกกุ้ง น้ำยาล้างจานไลปอนเอฟ น้ำตาลทรายมิตรผล อาหารเสริมคิว - 10 นมไวตามิลค์ น้ำส้มกรีนสปอต รองเท้าแพน น้ำแร่มองเฟอร์ สบู่โชโกบูซึโมโนกาตาริ ผลิตภัณฑ์ยากันยุงคินโช เครื่องดูดฝุ่นนิวแฮนด์ ศาลเจ้าจีนธนูทอง บ.ซีพี หรือเซเว่นอีเลฟเว่น กระดาษเช็ดหน้า และเครื่องสำอางบีเอสซี ทิฟฟ่านี่โชว์ ที่พัทยา ยาสีฟันตราดอกบัวคู่ และซอสหอยนางรม ตราช๊อยส์ สายการบินไทย
ส่วนสินค้าที่ควรให้การสนับสนุนประกอบด้วย ปลากระป๋องปุ้มปุ้ย นมตราหมี และบ. สินค้าในเครือเนสท์เล่ หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์

ปธ.กกต.ลั่นพร้อมทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อเวลา 16.00 น. วานนี้ (27 พ.ย.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงข้อเสนอของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามสถานร่วม (คตร.) ที่ให้รัฐบาลยุบสภาว่า ในส่วนของ กกต.นั้นจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ตนขออนุญาตไม่พูด เพราะเห็นว่าเป็นวิธีทางออกที่หลายฝ่ายรวมตัวกันให้ความเห็นถือเป็นทางหนึ่ง แต่จะเป็นทางที่ทำได้และดีที่สุดหรือไม่ต้องพิจารณากันไป และกกต. ก็ออกความเห็นลำบากไม่เช่นนั้นจะถูกกล่าวหาว่าเป็นอีกฝ่าย อีกทั้ง กกต.เป็นองค์กรเป็นกลางในส่วนของกกต.จะต้องเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด หากมีการยุบสภาให้มีการเลือกตั้งก็ต้องให้เจ้าหน้าที่กกต.ทำงานให้ถูกต้องเป็นธรรมมากที่สุด และกกต. คงไม่ไปยุ่งต่อการตัดสินใจของบ้านเมือง และคิดว่าดีแล้วที่รวมตัวพูดกัน และไม่อยากให้เกิดความรุนแรงฆ่าฟันกันเกิดขึ้น
เมื่อถามว่า กกต.เกรงว่าจะเกิดการปฏิวัติจากทหารหรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า “เกรงปฏิวัติเราก็เกรงกันทุกคน เพราะไม่มีใครอยากให้เกิดปฏิวัติ เพราะมีแล้วไม่เป็นผลดีแก่บ้านเมือง โดยเฉพาะการฆ่าฟันกัน ทุกคนก็เห็นอยู่ จะทำอย่างไรให้มันสงบเรียบร้อย”
นายอภิชาต กล่าวว่า กกต.ไม่มีอำนาจอะไรไปสกัดกั้นคนที่เข้ามาสมัครรับเลือกตั้ง หากมีคุณสมบัติครบ ซึ่งต้องขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยเพราะมี 1 เสียงเท่ากันอยู่แล้ว โดยใช้สิทธิให้ได้คนดีมาปกครองบ้านเมือง และเราอย่าไปเป็นทาสของการซื้อเสียง และคนที่มีสิทธิเลือกตั้งก็อายุ 18 ปีมีสติปัญญาพอที่คิดว่าใครดีและสามารถมาบริหารบ้านเมืองได้
"ที่บอกว่า กกต.จะลาออกนั้น ตนยังคิดว่าทำไมถึงต้องให้กกต.ลาออก เพราะกกต.เข้ารับหน้าที่นี้เพราะต้องการทำให้ดีที่สุด และกกต.ก็จะอยู่ให้ครบวาระ 7 ปี หรือเว้นแต่ล้มหายตายจากไป ในส่วนของตนก็จะตั้งใจทำให้เต็มที่และทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และกกต.แต่ละคนก็ไม่มีใครบอกว่า จะลาออก ยืนยันไม่ต้องกลัว กกต.ไม่มีใครลาออก และ กกต.เข้าใจว่าไม่ใช่อยากจะอยู่ตำแหน่ง แต่เราจะทำอย่างไรให้ปฏิบัติตรงไปตรงมา และกกต.ไม่หวั่นไหวใดๆทั้งสิ้นว่ากกต.จะอยู่ครบวาระ ซึ่งกกต.มีหน้าที่จะต้องช่วยชาติบ้านเมืองให้อยู่ เราเข้ามามีความตั้งใจไม่ใช่เข้ามาหาอำนาจ"
กำลังโหลดความคิดเห็น