คาแรคเตอร์ตัวการ์ตูนตบเท้า ก้มหน้ารับพิษเศรษฐกิจเป็นรายต่อมา "ฟัน คาแรคเตอร์ส" น้ำตาซึม ปรับเป้ารายได้ปี 52 ลดเหลือ 20% จาก 26% ชูกลยุทธ์ยึดหัวหาดไฮเปอร์มาร์เก็ตจับตลาดแมส พร้อมพึ่ง 5 หนังการ์ตูนดังปีหน้าเข็นรายได้
นางสาวอนิษฐ์ทิตา บัวทรัพย์ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย บริษัท ฟัน คาแรคเตอร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากแนวโน้มเศรษฐกิจและสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ มีการปรับแผนการเติบโตของปี 2552 ใหม่ จากเดิมที่เคยวางไว้ 26% เหลือเพียง 19-20% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 6,000ล้านบาท
ส่วนการทำตลาดวางงบ 5-6 ล้านบาท จากเดิม 4 ล้านบาทในปีก่อน เน้นใน 3 ส่วนหลัก คือ 1.จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายมากขึ้น ร่วมกับพาร์ทเนอร์ เช่น บีอีซี เทโร, ในงานดีสนีย์ ออนไอซ์ รวมถึงจัดโปรโมชันร่วมกับทางห้างสรรพสินค้าต่างๆ 2.ปีหน้าดีสนีย์จะมีภาพยนตร์เข้าฉายกว่า 5 เรื่อง เช่น Bolt, G-Force, Toy Story และ Cars 2 จะมีการนำคาแรคเตอร์สเหล่านี้มาทำตลาดมากขึ้น
และ3.ปรับเปลี่ยนการตกแต่งบูทการขายภายในห้างสรรพสินค้าและไฮเปอร์มาร์เก็ต มุ่งเพิ่มความหลากหลายในตัวสินค้ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มไฮเปอร์มาเก็ต พบว่ามีการเติบโตดีมาก จากเดิมที่มีสินค้าจำหน่ายกับทางบิ๊กซี และคาร์ฟู กำลังมีการเจรจากับทางเทสโก้โลตัสเพื่อจำหน่ายสินค้าในปี 2552 นี้ด้วย โดยในแง่ของสินค้าจะมีการเพิ่มรายการสินค้ามากขึ้น ทั้งในหมวดเสื้อผ้า เครื่องเขียน เครื่องใช้ มากกว่า 1,000 รายการ เชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะเพิ่มยอดขายได้ เนื่องจากราคาจำหน่ายถูกกว่า 50% เทียบกับสินค้าที่วางขายในห้างสรรพสินค้า
"สาเหตุที่เน้นไฮเปอร์มาร์เก็ต เพราะพบว่ากลุ่มผู้บริโภคระดับแมส ยังมีกำลังซื้ออยู่ และให้การตอบรับที่ดี ขณะเดียวกับมองว่าปีหน้าธุรกิจค้าปลีกมีการขยายสาขามากขึ้น การจับตลาดนี้ถือเป็นการสร้างตลาดเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มแมสได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่จะใช้สู้กับสินค้าละเมิดลิขสิทธ์ได้อีกด้วย เพราะเมื่อเทียบราคากันแล้วถือว่าใกล้เคียงกัน"
นอกจากนี้บริษัทฯ จะมีการพัฒนาสินค้าร่วมกับคู่ค้าควบคู่ไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มที่จะเห็นมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงให้ความสำคัญกับช่องทางขายใหม่ๆ อย่าง ไดเรกเซลล์ ที่ร่วมกับทางเบลเมซอง ขณะนี้มีการเจรจากับทางร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ที่มีการจำหน่ายสินค้าผ่านทางแคตตาล็อกด้วย
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการปีนี้ ถือว่าเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 900 ล้านบาท เติบโต 18% แบ่งออกเป็น รายได้ที่มาจากห้างสรรพสินค้า 30% ไฮเปอร์มาเก็ต 30% และเทรดิชันนัลเทรด 40% ขณะที่มูลค่าตลาดลิขสิทธ์คาแรคเตอร์ต่อปีเติบโตประมาณ 10-15% ปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯมีส่วนแบ่งอยู่กว่า 60%
นางสาวอนิษฐ์ทิตา บัวทรัพย์ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย บริษัท ฟัน คาแรคเตอร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากแนวโน้มเศรษฐกิจและสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ มีการปรับแผนการเติบโตของปี 2552 ใหม่ จากเดิมที่เคยวางไว้ 26% เหลือเพียง 19-20% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 6,000ล้านบาท
ส่วนการทำตลาดวางงบ 5-6 ล้านบาท จากเดิม 4 ล้านบาทในปีก่อน เน้นใน 3 ส่วนหลัก คือ 1.จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายมากขึ้น ร่วมกับพาร์ทเนอร์ เช่น บีอีซี เทโร, ในงานดีสนีย์ ออนไอซ์ รวมถึงจัดโปรโมชันร่วมกับทางห้างสรรพสินค้าต่างๆ 2.ปีหน้าดีสนีย์จะมีภาพยนตร์เข้าฉายกว่า 5 เรื่อง เช่น Bolt, G-Force, Toy Story และ Cars 2 จะมีการนำคาแรคเตอร์สเหล่านี้มาทำตลาดมากขึ้น
และ3.ปรับเปลี่ยนการตกแต่งบูทการขายภายในห้างสรรพสินค้าและไฮเปอร์มาร์เก็ต มุ่งเพิ่มความหลากหลายในตัวสินค้ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มไฮเปอร์มาเก็ต พบว่ามีการเติบโตดีมาก จากเดิมที่มีสินค้าจำหน่ายกับทางบิ๊กซี และคาร์ฟู กำลังมีการเจรจากับทางเทสโก้โลตัสเพื่อจำหน่ายสินค้าในปี 2552 นี้ด้วย โดยในแง่ของสินค้าจะมีการเพิ่มรายการสินค้ามากขึ้น ทั้งในหมวดเสื้อผ้า เครื่องเขียน เครื่องใช้ มากกว่า 1,000 รายการ เชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะเพิ่มยอดขายได้ เนื่องจากราคาจำหน่ายถูกกว่า 50% เทียบกับสินค้าที่วางขายในห้างสรรพสินค้า
"สาเหตุที่เน้นไฮเปอร์มาร์เก็ต เพราะพบว่ากลุ่มผู้บริโภคระดับแมส ยังมีกำลังซื้ออยู่ และให้การตอบรับที่ดี ขณะเดียวกับมองว่าปีหน้าธุรกิจค้าปลีกมีการขยายสาขามากขึ้น การจับตลาดนี้ถือเป็นการสร้างตลาดเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มแมสได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่จะใช้สู้กับสินค้าละเมิดลิขสิทธ์ได้อีกด้วย เพราะเมื่อเทียบราคากันแล้วถือว่าใกล้เคียงกัน"
นอกจากนี้บริษัทฯ จะมีการพัฒนาสินค้าร่วมกับคู่ค้าควบคู่ไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มที่จะเห็นมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงให้ความสำคัญกับช่องทางขายใหม่ๆ อย่าง ไดเรกเซลล์ ที่ร่วมกับทางเบลเมซอง ขณะนี้มีการเจรจากับทางร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ที่มีการจำหน่ายสินค้าผ่านทางแคตตาล็อกด้วย
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการปีนี้ ถือว่าเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 900 ล้านบาท เติบโต 18% แบ่งออกเป็น รายได้ที่มาจากห้างสรรพสินค้า 30% ไฮเปอร์มาเก็ต 30% และเทรดิชันนัลเทรด 40% ขณะที่มูลค่าตลาดลิขสิทธ์คาแรคเตอร์ต่อปีเติบโตประมาณ 10-15% ปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯมีส่วนแบ่งอยู่กว่า 60%
