ปิดสนามบินสุวรรณภูมิสายการบินป่วน เรียกร้อง ผู้มีอำนาจเร่งแก้ไข เจรจาพันธมิตรฯ คืนอำนาจให้ประชาชนแก้ปัญหา การบินไทยสูญรายได้วันละ 500 ล้านบาท ทอท.เมินทิ้งผู้โดยสารไม่ดูแลโบ้ยบินไทยรับผิดชอบ พร้อมรับหน้าที่ดูแลผู้โดยสารของทุกสายการบิน "สันติ"สั่งทอท. ยื่นคุ้มครองสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะที่ประเมินสุวรรณภูมิสูญรายได้ประมาณ 50 ล้านบาทต่อวัน สายการบินไทยแอร์เอเชีย พีบีแอร์ บางกอกแอร์เวย์ส แจ้งผู้โดยสารยกเลิกเที่ยวบิน
หลังจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ได้ประกาศปิดบริการสนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่เวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 25 พ.ย. โดยเปิดให้เฉพาะเครื่องบินขาเข้าเท่านั้น แต่เที่ยวบินขาออกหยุดให้บริการ และในเวลา 04.00 น.วันที่ 26 พ.ย. หลังจากมีการเจรจากับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) แต่ไม่ได้ข้อยุติ จึงประกาศปิดการขึ้นลงของทุกเที่ยวบินทั้งหมด ซึ่งทำให้มีผู้โดยสารตกค้างรวมประมาณ 3,000 คน และในช่วงเช้าวันที่ 26 พ.ย. ผู้บริหาร ทอท.ได้ประชุมร่วมกัน เพื่อหาทางแก้ปัญหาที่เครื่องบินไม่สามารถใช้บริการที่สนามบินสุรรณภูมิได้ โดยให้ส่วนหนึ่งไปลงที่สนามบินดอนเมือง แต่พบว่า ที่สนามบินดอนเมืองมีปัญหาในเรื่องอุปกรณ์ในการรองรับไม่เพียงพอ รวมทั้ง การตรวจเช็คของศุลกากร ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทำให้ผู้โดยสารบางส่วนต้องเสียเวลารอบนเครื่องบินนานถึง 2 ชั่วโมง
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า โดยปกติช่วงเวลา 05.00 – 10.00 น.จะมีเที่ยวบินที่เดินทางจากประเทศแถบยุโรปมาลงที่สุวรรณภูมิจำนวนมาก แต่จากการเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งมีผู้แทนของจังหวัดสมุทรปราการร่วมเจรจาด้วย ไม่ประสบผลสำเร็จ โดยทางกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันให้ปิดบริการทั้งหมดตั้งแต่ช่วง 04.00 น.เป็นต้นไป และได้แจ้งความประสงค์ว่าต้องการให้นายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียวเป็นผู้เจรจากับ 5 แกนนำพันธมิตรฯ
ทอท.อ้างจัดอาหารดูแลผู้โดยสารตกค้าง
นาย เสรีรัตน์ กล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้มีผู้โดยสารบางส่วน ประมาณ 3,000 คน ที่เดินทางมาถึงสายการบินเมื่อคืนวาน เพื่อจะต่อเครื่องไปยังประเทศอื่น แต่ไม่สามารถเดินทางออกได้ เนื่องจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้งดให้บริการเที่ยวบินนั้น ทสภ. ได้จัดอาหารและน้ำดื่มให้บริการแก่ผู้โดยสารดังกล่าว ขณะเดียวกันได้เจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อที่จะนำผู้โดยสารที่ตกค้างดังกล่าวออกจากอาคารผู้โดยสาร ซึ่งขณะนี้ ทสภ. ได้ร่วมกับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ขนถ่ายผู้โดยสารออกมาแล้วได้ส่วนหนึ่ง ทั้งนี้สายการบินจะได้พิจารณาหาแนวทางในการจัดส่งผู้โดยสารให้ไปสู่จุดหมายปลายทางต่อไป
แหล่งข่าวจากสายการบินกล่าวว่า ในระหว่างที่เกิดปัญหา การท่าฯ อ้างว่ามีการจัดหาอาหารและดูแลผู้โดยสารตกค้าง แต่ผู้โดยสารส่วนใหญ่กลับมาใช้บริการของการบินไทยทั้งหมด จนอาหารที่เตรียมไว้ไม่เพียงพอ ซึ่งการท่าฯไม่มีการดูแลอะไรเลย โยนภาระของผู้โดยสารมาให้การบินไทยทั้งหมด แต่เวลาให้ข่าวกลับบอกว่าได้มีการดูแลซึ่งภาระทั้งหมดตกอยู่ที่การบินไทยเป็นส่วนใหญ่
"การท่าฯ ไม่มีการแสดงความรับผิดชอบหรือชี้แจงให้ผู้โดยสารรับทราบหรือแสดงความช่วยเหลืออะไรเลย โยนให้การบินไทยรับผิดชอบทุกสายการบิน ซึ่งพนักงานการบินไทยต้องรับภาระตั้งแต่เช้าจนค่ำแต่ผู้บริการการท่าฯกลับให้สัมภาษณ์ว่าทอท.ได้เข้าช่วยเหลือซึ่งข้อเท็จจริงไม่ได้ทำอะไรเลย "แหล่งข่าวจากผู้โดยสาร เล่าให้ฟัง
"สันติ"สั่งทอท.ยื่นคุ้มครองสนามบินสุวรรณภูมิ
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ได้สั่งการให้ ทอท. เร่งประเมินความเสียหายพร้อมยื่นคำร้องไปยังศาลแพ่ง จ.สมุทรปราการ เพื่อคุ้มครองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิชั่วคราว ซึ่งเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสาร เจ้าหน้าที่ และประชาชน ที่อยู่ในพื้นที่ทั้งหมด พร้อมทั้งให้การบินไทย จัดหาอาหารและเครื่องดื่มเพื่อให้บริการกับผู้โดยสารที่ตกค้างอย่างเพียงพอ อย่างไรก็ตาม ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่สามารถประเมินเป็นมูลค่าได้ แม้ทอท.จะประเมินความสูญเสียรายได้เบื้องต้นวันละประมาณ 50 ล้านบาท แต่ความเสียหายด้านอื่น ๆ ทั้งในเรื่องของความเชื่อมั่น ธุรกิจการค้า การส่งออก การท่องเที่ยว คงต้องใช้เวลาในการเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาโดยสนามบินสุวรรณภูมิมีเที่ยวบินขึ้น-ลง สนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 700 เที่ยวต่อวัน มีผู้โดยสารประมาณ 1 แสนคนต่อวัน
ดอนเมืองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศบางส่วน
เรืออากาศโทอนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมืองได้ประชุมร่วมผู้เกี่ยวข้องเช่น ตัวแทนฝ่ายการบิน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อวางแผนอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร เมื่อมีการเปลี่ยนจุดจอดเครื่องบินจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมาเป็นท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งในช่วงเช้ามีทั้งเครื่องบินของสายการบินไทยประมาณ 16 เที่ยวบิน จาก 16 ประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส สเปน และเดนมาร์ก
ทีจีแจ้งการปรับเปลี่ยนการทำการบิน
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทีจี แจ้งว่า เที่ยวบินเส้นทางระหว่างประเทศที่เดินทางมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเช้าวันนี้ 26 พ.ย. ได้เปลี่ยนทำการบินมาลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง จำนวน 16 เที่ยวบิน และ อีก 3 เที่ยวบิน ได้แก่ เที่ยวบินที่ ทีจี 508 เส้นทางมัสกัต-การาจี- กรุงเทพ ทีจี 520 เส้นทาง คูเวต-ดูไบ - กรุงเทพ และทีจี941 มิลาน-กรุงเทพ ได้ทำการบินลงที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา
ส่วนเที่ยวบินภายในประเทศและเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ทำการบิน ทั้งขาเข้าและขาออก ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัทฯ มีความจำเป็น ต้องหยุดให้บริการจนกว่าทางทอท. จะเปิดให้บริการที่สุวรรณภูมิตามมปกติ ส่วนเที่ยวบินภายในประเทศที่ทำการบินขึ้นและลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัทฯยังคงทำการบินและให้บริการตามปกติ
การบินไทยสูญรายได้
พลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักเลขานุการบริษัทฯ ปฏิบัติหน้าที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทยฯ กล่าวว่า เบื้องต้นบริษัทฯได้รับผลกระทบจากการที่ทอท.ประกาศปิดสนามบินสุวรรณภูมิโดยสูญเสียรายได้รวมประมาณวันละ 500 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขนส่งสินค้า (คาร์โป้) ประมาณวันละ 438 ล้านบาท ครัวการบินประมาณวันละ 10 ล้านบาท และยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มจากการดูแลผู้โดยสารที่ตกค้างไม่สามารถเดินทางตามกำหนดที่มีการซื้อตั๋วโดยสารไว้แล้วด้วย ซึ่งโดยเฉลี่ยบริษัทมีผู้โดยสารวันละประมาณ 30,000 คน มีเที่ยวบินวันละประมาณ 140 เที่ยวบิน ในขณะที่หากเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยว (Hight Season) จะมีผู้โดยสารเฉลี่ยวันละ 50,000-60,000 คนต่อวัน โดยจากช่วงเช้าของวันที่ 26 พ.ย..-เวลา 14.00 น. การบินไทยมีเที่ยวบินขึ้นลงที่สุวรรณภูมิรวม 28 เที่ยวบิน และในวันนี้( 27 พ.ย.) บริษัทจะประชุมฝ่ายบริหารเพื่อประเมินสถานการณ์และแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอีกครั้งโดยขณะนี้บริษัทยังไม่สามารถประเมินมูลค่าค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้ แต่การให้ความช่วยเหลือ อำนวยความสะกวดแก่ผู้โดยสารถือเป็นเรื่องเร่งด่วนอันดับแรกก่อน เพราะถือว่าเป็นผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศเป็นหลัก
สำหรับการดูแลผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบนั้น พลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม มีนโยบายให้บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบในการดูและให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารทั้งหมดอย่างเต็มที่ ทั้งที่เป็นผู้โดยสารของบริษัทและของสายการบินอื่น ในฐานะสายการบินแห่งชาติ ซึ่งได้แบ่งผู้โดยสารขาออกที่ได้รับผลกระทบเบ่งเป็น 2 ส่วน คือผู้โดยสารที่ผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองหากที่ยวบินใดที่มีผู้โดยสารผ่านเข้าไปเกิน 50 % ก็จะดำเนินการบินออก รวมถึงผู้โดยสารต่อเครื่อง (Transit) ทั้งนี้ หากเที่ยวบินของการบินไทยดำเนินการไม่ได้ ก็จะประสานกับสายการบินอื่น แต่หากไม่สามารถส่งต่อผู้โดยสารได้ บริษัทได้ดำเนินการ จัดอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และจัดหาที่พักโรงแรมใกล้เคียงรวม 8 – 9 แห่งโดยเบื้องต้น ครัวการบินไทยได้จัดอาหารรับรองไปแล้วกว่า 6,000 ชุด ส่วนผู้โดยสารที่ต้องการยกเลิกเที่ยวบินจะมีการคืนเงินค่าโดยสารให้เต็มจำนวน
“อยากให้รัฐบาลตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเร็วที่สุด จากกรณีที่ถูกเรียกร้อง เพื่อให้เปิดสนามบินได้เร็วที่สุด เพื่อลดความเสียหาย เพราะแค่ 1 วัน บริษัทต้องสูญเสียถึง 500 ล้านบาท หากสถานการณ์ยืดเยื้อเป็นสัปดาห์ ความเสียหายจะมหาศาล และยังเสียโอกาสอีกมากด้วย” พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าว
นายปานฑิต ชนะภัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายการพาณิชย์ การบินไทย กล่าวว่า ต้องเตรียมการเพื่อรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในกรณีที่หากมีความยืดเยื้อ อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของการบินไทย ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินตัวเลขผู้โดยสารที่ยกเลิกเที่ยวบิน เพราะ จะต้องรอดูตัวเลขการเดินทางที่เกิดขึ้นจริงด้วย อย่างไรก็ตามทุกเที่ยวบินของสายการบินไทยจากทั่วโลกไม่สามารถบินเข้ามายังกรุงเทพได้ ซึ่งทางสำนักงานของการบินไทยในทุกสถานีจะต้องดูแลรับผิดชอบผู้โดยสารเหล่านี้อย่างเต็มที่ สำหรับความสูญเสีย ทั้งการสูญรายได้ ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มยังไม่สามารถประเมินได้ชัดเจน แต่จะมีการพิจารณาจัดหาเที่ยวบินสำรองให้ได้ทันที หากมีการเปิดใช้สนามบินได้ และที่สำคัญขณะนี้ต้องประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นายโชคชัย ปัญญายงค์ ผู้อำนวยการใหญ่ โครงการสุวรรณภูมิ ของบริษัทการบินไทย กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เที่ยวบินการขนส่งสินค้าที่ไม่สามารถเข้าออกได้ โดยเฉพาะสินค้าประเภทเน่าเสียง่าย อยู่ระหว่างหาหรือกับผู้ประกอบการที่จะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า อาจต้องพิจารณาเปลี่ยนไปขนส่งสินค้าทางเรือแทน ส่วนการใช้พื้นที่สนามบินดอนเมืองเพื่อรองรับเที่ยวบินการขนส่งสินค้านั้น ไม่เพียงพอ และมีความน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะอุปกรณ์เครื่องมือไม่สามารถที่จะขนย้ายจากสนามบินสุวรรณภูมิได้ นอกจากนี้ ยังมีขั้นตอนต่างๆที่ต้องใช้เวลาในการขนย้ายเครื่องมือ แต่ก็ได้มีการเตรียมพื้นที่สำหรับรองรับสินค้าที่อาจถูกส่งเข้ามาจัดเก็บไว้ชั่วคราวได้
ผู้โดยสารยกเลิกเที่ยวบิน
นอกจากนี้ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ยังได้ประกาศยกเลิกทุกเที่ยวบินที่มีตารางบินเข้า-ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิทั้งหมดในที่ 26 พฤศจิกายน 2551 จำนวนทั้งสิ้น 54 เที่ยวบิน แบ่งเป็นเที่ยวบินในประเทศจำนวน 30 เที่ยวบิน และต่างประเทศจำนวน 24 เที่ยวบิน ทั้งนี้สายการบินบางกอกแอร์เวยส์ยังให้บริการปกติในบางเส้นทาง เช่น เส้นทางในประเทศ สมุย-อู่ตะเภา สมุย-ภูเก็ต สมุย-กระบี่ อู่ตะเภา-ภูเก็ต และเส้นทางระหว่างประเทศ สมุย-ฮ่องกง สมุย-สิงค์โปร์ และ พนมเปญ-เสียมราฐ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1771หรือ 0-2265-8777 หรือเข้าชมเว็บไซต์ www.bangkokair.com
บริษัทไทยแอร์เอเชีย จำกัด ประกาศงดเที่ยวบินวานนี้ (26 พ.ย.) ทั้งหมดรวม106 เที่ยวบิน ตั้งแต่ 06.00-22.00 น. แบ่งออกเป็นเที่ยวบิน ในประเทศ 62 เที่ยวบิน ต่างประเทศ 44 เที่ยวบิน หลังประสบปัญหาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปิดบริการ ขอให้ผู้โดยสารนำตั๋วไปเปลี่ยนเที่ยวบินเดินทางได้ โดยติดต่อได้ที่ คอลล์เซ็นเตอร์ 02-515-9999 หรือ www.airasia.com
โดยผู้โดยสารของไทยแอร์เอเชียที่เดินทางเมื่อคืนวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา ไม่มีการตกค้างที่สนามบินสุวรรณภูมิแต่อย่างใด เพราะเที่ยวบินสุดท้ายของบริษัทที่ลงที่สุวรรณภูมิอยู่ที่เวลา 23.00 น. เมื่อวันที่ 25 พ.ย.51.
รัฐบาลทั่วโลกเตือนประชาชน
สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกได้ออกคำเตือนประชาชนของตนเองมิให้เดินทางมาเมืองไทย หรืออยู่ห่างจากผู้ประท้วงที่เข้าไปยึดสนามบินสุวรรณภูมิเอาไว้ ขณะเดียวกันก็แจ้งว่า การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยได้เริ่มขนย้ายชาวต่างชาติราว 3,000 คน ที่ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว ซึ่งติดค้างอยู่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตั้งแต่พวกผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลจู่โจมเข้ายึดสนามบินในวันอังคาร(25)ที่ผ่านมา
เมื่อวานนี้(26) รัฐบาลของประเทศจำนวนมาก อาทิ จีน ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ อังกฤษ สหรัฐฯ ออสเตรเลียและญี่ปุ่น ได้ออกคำเตือนให้ประชาชนของตนที่กำลังวางแผนจะมายังกรุงเทพฯ ให้เลิกล้มแผนการเสีย หรือถ้าเดินทางมายังประเทศไทยแล้ว ก็ให้อยู่ห่างจากที่ที่มีการประท้วง
“สถานเอกอัครทูตจีนขอแนะนำให้ชาวจีนที่วางแผนจะมาเยือนเมืองไทยให้เลื่อนออกไปก่อน” เป็นเนื้อความของคำแนะนำด้านการเดินทางที่ปรากฏในเว็บไซต์ของสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงเทพฯ “ส่วนประชาชนจีนที่เดินทางมาเมืองไทยเรียบร้อยแล้วควรจะระมัดระวังตัว และอยู่ให้ห่างจากที่มีการเดินขบวนและการชุมนุม”
ส่วนเว็บไซต์กระทรวงต่างประเทศของฝรั่งเศส ก็ให้คำแนะนำแก่ประชาชนของตนที่จะนั่งเครื่องบินผ่านกรุงเทพว่า ควรจะเปลี่ยนเส้นทางเสียใหม่หากทำได้
กระทรวงต่างประเทศของนิวซีแลนด์ ออกคำแนะนำสำหรับนักเดินทางที่ติดอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิว่า ควรจะรวมอยู่กับนักท่องเที่ยวอื่น ๆ และไม่ควรไปไกลจากศูนย์ข้อมูลการเดินทาง รวมทั้งปฏิบัติตามคำแนะนำที่ทางการไทยมาด้วย ซึ่งก็คล้ายคลึงกันกับรัฐบาลสิงคโปร์ที่เตือนชาวสิงคโปร์ว่าหากไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางก็ควรจะเลื่อนแผนออกไปก่อน
กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษก็ออกเอกสารแนะนำการเดินทางแก่ประชาชนของตนว่าให้อยู่ห่างสถานการณ์ทางการเมืองอันไม่มั่นคงเอาไว้
ในขณะที่ทางการสหรัฐฯเองก็เตือนให้ประชาชนเช็คกับสายการบินของตนเองว่าจำเป็นจะต้องบินผ่านกรุงเทพบ้างหรือไม่
คำแถลงในเว็บไซต์ของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำกรุงเทพฯบอกว่า พลเมืองของสหรัฐฯควรหลีกเลี่ยงสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจผันแปรได้ง่ายๆ “เราใคร่ขอเตือนพลเมืองชาวอเมริกันว่า แม้กระทั่งการเดินขบวนที่ตั้งใจจะให้เป็นไปโดยสงบ ก็สามารถเปลี่ยนไปเป็นการประจันหน้า และเป็นไปได้ที่จะยกระดับกลายเป็นความรุนแรงได้” คำแถลงนี้ระบุ
สายการบินในเอเชียสั่งงดเที่ยวบิน
ขณะเดียวกัน สายการบินระหว่างประเทศหลายแห่งได้ประกาศงดเที่ยวบินที่เข้าออกกรุงเทพฯ เป็นต้นว่า สายการบินคาเธย์แปซิฟิก ของฮ่องกง, ฟิลิปปินส์แอร์ไลนส์ของฟิลิปปินส์ และไชน่าแอร์ไลนส์ กับ อีวาแอร์เวย์สของไต้หวัน วานนี้(26) ต่างสั่งยกเลิกเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออกจากกรุงเทพฯ หลังกลุ่มพันธมิตรฯ บุกยึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
โฆษกสายการบินคาเธย์แปซิฟิกและฟิลิปปินส์แอร์ไลนส์แถลงด้วยว่า อาจมีการยกเลิกเที่ยวบินในวันต่อไป (27) หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น
เจ้าหน้าที่ลอยแพนักท่องเที่ยว
“สื่อนอก”จำนวนมากเสนอรายงานข่าวเรื่องชาวต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว จำนวนหลายพันคน พากันติดค้างอยู่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
เอเอฟพีอ้างคำพูดของ จีน แมคคาร์แทน สตรีชาวสหราชอาณาจักรที่เกษียณอายุแล้ว ซึ่งบอกว่า “เราทั้งหมดเดินทางมายังประเทศไทยเพราะเรารักประเทศไทย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมานี้ทำให้เรามีความรู้สึกที่แย่เอามากๆ”
นักท่องเที่ยวเฉกเช่นเธอหลายพันคน ซึ่งอยู่ในอาการหิวโหยทั้งน้ำและอาหาร ตลอดจนรู้สึกอ่อนเปลี้ย ต่างแสดงความรู้สึกเสียใจที่เดินทางมายังประเทศไทย ซึ่งได้ชื่อว่า “ดินแดนแห่งรอยยิ้ม”
แมคคาร์แทน ซึ่งมาจากเมืองอาร์กิลล์ ในสกอตแลนด์ บอกว่า ภายในท่าอากาศยาน ร้านอาหารและร้านรวงต่างปิดกันหมด
การเฝ้ารอคอยตั้งแต่คืนวันอังคาร จนกระทั่งช่วงเช้าวานนี้ โดยที่ไม่มีเครื่องบินเข้าออกจากท่าอากาศยาน ทำให้ผู้โดยสารที่อยู่ในอารมณ์โกรธเกรี้ยวบางคนเริ่มระบายอารมณ์กับพวกผู้ประท้วง
“เรากำลังถูกจับเป็นตัวประกันอยู่ที่นี่” โฮลเบิร์ก แมนสัน จากไอซ์แลนด์กล่าวกับผู้สื่อข่าว ก่อนที่จะหันไปยังกลุ่มผู้ประท้วง “อย่าเก็บเราเอาไว้ที่นี่เลย” นักธุรกิจผู้นี้บอก “เราเคารพในเรื่องการแสดงเจตนาทางการเมือง แต่เรากำลังถูกกักเอาไว้ที่นี่โดยที่เราไม่เต็มใจ”
นักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างร้องเรียนว่าพวกเจ้าหน้าที่เช็กอินตลอดจนเจ้าหน้าที่อื่นๆ ต่างพากันวิ่งหนีไปหมดในทันที่ที่กลุ่มผู้ประท้วงเข้ามาถึงประตูทางเข้าท่าอากาศยาน
“ทันทีที่เราติดอยู่ที่นี่ เราก็พยายามติดต่อกับสายการบินของเรา แต่เราก็ไม่สามารถออกไปไหนได้เลย” วิกเตอร์ โรเซนบลีอุม จากนิวยอร์กกล่าว เขาเดินทางมาพร้อมกับภรรยาและบุตรชายวัย 7 ขวบ
เช่นเดียวกับ คริสโตเฟอร์ เพอร์สสัน ชาวสวีเดนซึ่งบอกกับรอยเตอร์ว่า เขาต้องแกร่วอยู่ตรงพื้นที่ข้างล่างเคาน์เตอร์เช็กอินตลอดทั้งคืน “ผมเข้าใจเรื่องผู้คนนะ แต่สายการบินน่ะแย่มากเลย พวกเขาไม่ได้แจ้งข้อมูลข่าวสารอะไรให้เรารู้เลย”
กระทั่งหลังผ่านเที่ยงวันของวานนี้ พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของสนามบินจึงเริ่มทำการอพยพผู้โดยสารที่ติดค้างอยู่ซึ่งมีประมาณ 3,000 คน แต่กระนั้นก็ยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ กว่าที่ข่าวคราวเรื่องนี้จะกระจายไปทั่วถึง
หลังจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ได้ประกาศปิดบริการสนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่เวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 25 พ.ย. โดยเปิดให้เฉพาะเครื่องบินขาเข้าเท่านั้น แต่เที่ยวบินขาออกหยุดให้บริการ และในเวลา 04.00 น.วันที่ 26 พ.ย. หลังจากมีการเจรจากับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) แต่ไม่ได้ข้อยุติ จึงประกาศปิดการขึ้นลงของทุกเที่ยวบินทั้งหมด ซึ่งทำให้มีผู้โดยสารตกค้างรวมประมาณ 3,000 คน และในช่วงเช้าวันที่ 26 พ.ย. ผู้บริหาร ทอท.ได้ประชุมร่วมกัน เพื่อหาทางแก้ปัญหาที่เครื่องบินไม่สามารถใช้บริการที่สนามบินสุรรณภูมิได้ โดยให้ส่วนหนึ่งไปลงที่สนามบินดอนเมือง แต่พบว่า ที่สนามบินดอนเมืองมีปัญหาในเรื่องอุปกรณ์ในการรองรับไม่เพียงพอ รวมทั้ง การตรวจเช็คของศุลกากร ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทำให้ผู้โดยสารบางส่วนต้องเสียเวลารอบนเครื่องบินนานถึง 2 ชั่วโมง
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า โดยปกติช่วงเวลา 05.00 – 10.00 น.จะมีเที่ยวบินที่เดินทางจากประเทศแถบยุโรปมาลงที่สุวรรณภูมิจำนวนมาก แต่จากการเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งมีผู้แทนของจังหวัดสมุทรปราการร่วมเจรจาด้วย ไม่ประสบผลสำเร็จ โดยทางกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันให้ปิดบริการทั้งหมดตั้งแต่ช่วง 04.00 น.เป็นต้นไป และได้แจ้งความประสงค์ว่าต้องการให้นายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียวเป็นผู้เจรจากับ 5 แกนนำพันธมิตรฯ
ทอท.อ้างจัดอาหารดูแลผู้โดยสารตกค้าง
นาย เสรีรัตน์ กล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้มีผู้โดยสารบางส่วน ประมาณ 3,000 คน ที่เดินทางมาถึงสายการบินเมื่อคืนวาน เพื่อจะต่อเครื่องไปยังประเทศอื่น แต่ไม่สามารถเดินทางออกได้ เนื่องจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้งดให้บริการเที่ยวบินนั้น ทสภ. ได้จัดอาหารและน้ำดื่มให้บริการแก่ผู้โดยสารดังกล่าว ขณะเดียวกันได้เจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อที่จะนำผู้โดยสารที่ตกค้างดังกล่าวออกจากอาคารผู้โดยสาร ซึ่งขณะนี้ ทสภ. ได้ร่วมกับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ขนถ่ายผู้โดยสารออกมาแล้วได้ส่วนหนึ่ง ทั้งนี้สายการบินจะได้พิจารณาหาแนวทางในการจัดส่งผู้โดยสารให้ไปสู่จุดหมายปลายทางต่อไป
แหล่งข่าวจากสายการบินกล่าวว่า ในระหว่างที่เกิดปัญหา การท่าฯ อ้างว่ามีการจัดหาอาหารและดูแลผู้โดยสารตกค้าง แต่ผู้โดยสารส่วนใหญ่กลับมาใช้บริการของการบินไทยทั้งหมด จนอาหารที่เตรียมไว้ไม่เพียงพอ ซึ่งการท่าฯไม่มีการดูแลอะไรเลย โยนภาระของผู้โดยสารมาให้การบินไทยทั้งหมด แต่เวลาให้ข่าวกลับบอกว่าได้มีการดูแลซึ่งภาระทั้งหมดตกอยู่ที่การบินไทยเป็นส่วนใหญ่
"การท่าฯ ไม่มีการแสดงความรับผิดชอบหรือชี้แจงให้ผู้โดยสารรับทราบหรือแสดงความช่วยเหลืออะไรเลย โยนให้การบินไทยรับผิดชอบทุกสายการบิน ซึ่งพนักงานการบินไทยต้องรับภาระตั้งแต่เช้าจนค่ำแต่ผู้บริการการท่าฯกลับให้สัมภาษณ์ว่าทอท.ได้เข้าช่วยเหลือซึ่งข้อเท็จจริงไม่ได้ทำอะไรเลย "แหล่งข่าวจากผู้โดยสาร เล่าให้ฟัง
"สันติ"สั่งทอท.ยื่นคุ้มครองสนามบินสุวรรณภูมิ
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ได้สั่งการให้ ทอท. เร่งประเมินความเสียหายพร้อมยื่นคำร้องไปยังศาลแพ่ง จ.สมุทรปราการ เพื่อคุ้มครองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิชั่วคราว ซึ่งเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสาร เจ้าหน้าที่ และประชาชน ที่อยู่ในพื้นที่ทั้งหมด พร้อมทั้งให้การบินไทย จัดหาอาหารและเครื่องดื่มเพื่อให้บริการกับผู้โดยสารที่ตกค้างอย่างเพียงพอ อย่างไรก็ตาม ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่สามารถประเมินเป็นมูลค่าได้ แม้ทอท.จะประเมินความสูญเสียรายได้เบื้องต้นวันละประมาณ 50 ล้านบาท แต่ความเสียหายด้านอื่น ๆ ทั้งในเรื่องของความเชื่อมั่น ธุรกิจการค้า การส่งออก การท่องเที่ยว คงต้องใช้เวลาในการเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาโดยสนามบินสุวรรณภูมิมีเที่ยวบินขึ้น-ลง สนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 700 เที่ยวต่อวัน มีผู้โดยสารประมาณ 1 แสนคนต่อวัน
ดอนเมืองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศบางส่วน
เรืออากาศโทอนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมืองได้ประชุมร่วมผู้เกี่ยวข้องเช่น ตัวแทนฝ่ายการบิน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อวางแผนอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร เมื่อมีการเปลี่ยนจุดจอดเครื่องบินจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมาเป็นท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งในช่วงเช้ามีทั้งเครื่องบินของสายการบินไทยประมาณ 16 เที่ยวบิน จาก 16 ประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส สเปน และเดนมาร์ก
ทีจีแจ้งการปรับเปลี่ยนการทำการบิน
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทีจี แจ้งว่า เที่ยวบินเส้นทางระหว่างประเทศที่เดินทางมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเช้าวันนี้ 26 พ.ย. ได้เปลี่ยนทำการบินมาลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง จำนวน 16 เที่ยวบิน และ อีก 3 เที่ยวบิน ได้แก่ เที่ยวบินที่ ทีจี 508 เส้นทางมัสกัต-การาจี- กรุงเทพ ทีจี 520 เส้นทาง คูเวต-ดูไบ - กรุงเทพ และทีจี941 มิลาน-กรุงเทพ ได้ทำการบินลงที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา
ส่วนเที่ยวบินภายในประเทศและเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ทำการบิน ทั้งขาเข้าและขาออก ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัทฯ มีความจำเป็น ต้องหยุดให้บริการจนกว่าทางทอท. จะเปิดให้บริการที่สุวรรณภูมิตามมปกติ ส่วนเที่ยวบินภายในประเทศที่ทำการบินขึ้นและลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัทฯยังคงทำการบินและให้บริการตามปกติ
การบินไทยสูญรายได้
พลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักเลขานุการบริษัทฯ ปฏิบัติหน้าที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทยฯ กล่าวว่า เบื้องต้นบริษัทฯได้รับผลกระทบจากการที่ทอท.ประกาศปิดสนามบินสุวรรณภูมิโดยสูญเสียรายได้รวมประมาณวันละ 500 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขนส่งสินค้า (คาร์โป้) ประมาณวันละ 438 ล้านบาท ครัวการบินประมาณวันละ 10 ล้านบาท และยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มจากการดูแลผู้โดยสารที่ตกค้างไม่สามารถเดินทางตามกำหนดที่มีการซื้อตั๋วโดยสารไว้แล้วด้วย ซึ่งโดยเฉลี่ยบริษัทมีผู้โดยสารวันละประมาณ 30,000 คน มีเที่ยวบินวันละประมาณ 140 เที่ยวบิน ในขณะที่หากเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยว (Hight Season) จะมีผู้โดยสารเฉลี่ยวันละ 50,000-60,000 คนต่อวัน โดยจากช่วงเช้าของวันที่ 26 พ.ย..-เวลา 14.00 น. การบินไทยมีเที่ยวบินขึ้นลงที่สุวรรณภูมิรวม 28 เที่ยวบิน และในวันนี้( 27 พ.ย.) บริษัทจะประชุมฝ่ายบริหารเพื่อประเมินสถานการณ์และแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอีกครั้งโดยขณะนี้บริษัทยังไม่สามารถประเมินมูลค่าค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้ แต่การให้ความช่วยเหลือ อำนวยความสะกวดแก่ผู้โดยสารถือเป็นเรื่องเร่งด่วนอันดับแรกก่อน เพราะถือว่าเป็นผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศเป็นหลัก
สำหรับการดูแลผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบนั้น พลอากาศเอกณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม มีนโยบายให้บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบในการดูและให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารทั้งหมดอย่างเต็มที่ ทั้งที่เป็นผู้โดยสารของบริษัทและของสายการบินอื่น ในฐานะสายการบินแห่งชาติ ซึ่งได้แบ่งผู้โดยสารขาออกที่ได้รับผลกระทบเบ่งเป็น 2 ส่วน คือผู้โดยสารที่ผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองหากที่ยวบินใดที่มีผู้โดยสารผ่านเข้าไปเกิน 50 % ก็จะดำเนินการบินออก รวมถึงผู้โดยสารต่อเครื่อง (Transit) ทั้งนี้ หากเที่ยวบินของการบินไทยดำเนินการไม่ได้ ก็จะประสานกับสายการบินอื่น แต่หากไม่สามารถส่งต่อผู้โดยสารได้ บริษัทได้ดำเนินการ จัดอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และจัดหาที่พักโรงแรมใกล้เคียงรวม 8 – 9 แห่งโดยเบื้องต้น ครัวการบินไทยได้จัดอาหารรับรองไปแล้วกว่า 6,000 ชุด ส่วนผู้โดยสารที่ต้องการยกเลิกเที่ยวบินจะมีการคืนเงินค่าโดยสารให้เต็มจำนวน
“อยากให้รัฐบาลตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเร็วที่สุด จากกรณีที่ถูกเรียกร้อง เพื่อให้เปิดสนามบินได้เร็วที่สุด เพื่อลดความเสียหาย เพราะแค่ 1 วัน บริษัทต้องสูญเสียถึง 500 ล้านบาท หากสถานการณ์ยืดเยื้อเป็นสัปดาห์ ความเสียหายจะมหาศาล และยังเสียโอกาสอีกมากด้วย” พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าว
นายปานฑิต ชนะภัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายการพาณิชย์ การบินไทย กล่าวว่า ต้องเตรียมการเพื่อรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในกรณีที่หากมีความยืดเยื้อ อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของการบินไทย ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินตัวเลขผู้โดยสารที่ยกเลิกเที่ยวบิน เพราะ จะต้องรอดูตัวเลขการเดินทางที่เกิดขึ้นจริงด้วย อย่างไรก็ตามทุกเที่ยวบินของสายการบินไทยจากทั่วโลกไม่สามารถบินเข้ามายังกรุงเทพได้ ซึ่งทางสำนักงานของการบินไทยในทุกสถานีจะต้องดูแลรับผิดชอบผู้โดยสารเหล่านี้อย่างเต็มที่ สำหรับความสูญเสีย ทั้งการสูญรายได้ ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มยังไม่สามารถประเมินได้ชัดเจน แต่จะมีการพิจารณาจัดหาเที่ยวบินสำรองให้ได้ทันที หากมีการเปิดใช้สนามบินได้ และที่สำคัญขณะนี้ต้องประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นายโชคชัย ปัญญายงค์ ผู้อำนวยการใหญ่ โครงการสุวรรณภูมิ ของบริษัทการบินไทย กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เที่ยวบินการขนส่งสินค้าที่ไม่สามารถเข้าออกได้ โดยเฉพาะสินค้าประเภทเน่าเสียง่าย อยู่ระหว่างหาหรือกับผู้ประกอบการที่จะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า อาจต้องพิจารณาเปลี่ยนไปขนส่งสินค้าทางเรือแทน ส่วนการใช้พื้นที่สนามบินดอนเมืองเพื่อรองรับเที่ยวบินการขนส่งสินค้านั้น ไม่เพียงพอ และมีความน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะอุปกรณ์เครื่องมือไม่สามารถที่จะขนย้ายจากสนามบินสุวรรณภูมิได้ นอกจากนี้ ยังมีขั้นตอนต่างๆที่ต้องใช้เวลาในการขนย้ายเครื่องมือ แต่ก็ได้มีการเตรียมพื้นที่สำหรับรองรับสินค้าที่อาจถูกส่งเข้ามาจัดเก็บไว้ชั่วคราวได้
ผู้โดยสารยกเลิกเที่ยวบิน
นอกจากนี้ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ยังได้ประกาศยกเลิกทุกเที่ยวบินที่มีตารางบินเข้า-ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิทั้งหมดในที่ 26 พฤศจิกายน 2551 จำนวนทั้งสิ้น 54 เที่ยวบิน แบ่งเป็นเที่ยวบินในประเทศจำนวน 30 เที่ยวบิน และต่างประเทศจำนวน 24 เที่ยวบิน ทั้งนี้สายการบินบางกอกแอร์เวยส์ยังให้บริการปกติในบางเส้นทาง เช่น เส้นทางในประเทศ สมุย-อู่ตะเภา สมุย-ภูเก็ต สมุย-กระบี่ อู่ตะเภา-ภูเก็ต และเส้นทางระหว่างประเทศ สมุย-ฮ่องกง สมุย-สิงค์โปร์ และ พนมเปญ-เสียมราฐ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1771หรือ 0-2265-8777 หรือเข้าชมเว็บไซต์ www.bangkokair.com
บริษัทไทยแอร์เอเชีย จำกัด ประกาศงดเที่ยวบินวานนี้ (26 พ.ย.) ทั้งหมดรวม106 เที่ยวบิน ตั้งแต่ 06.00-22.00 น. แบ่งออกเป็นเที่ยวบิน ในประเทศ 62 เที่ยวบิน ต่างประเทศ 44 เที่ยวบิน หลังประสบปัญหาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปิดบริการ ขอให้ผู้โดยสารนำตั๋วไปเปลี่ยนเที่ยวบินเดินทางได้ โดยติดต่อได้ที่ คอลล์เซ็นเตอร์ 02-515-9999 หรือ www.airasia.com
โดยผู้โดยสารของไทยแอร์เอเชียที่เดินทางเมื่อคืนวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา ไม่มีการตกค้างที่สนามบินสุวรรณภูมิแต่อย่างใด เพราะเที่ยวบินสุดท้ายของบริษัทที่ลงที่สุวรรณภูมิอยู่ที่เวลา 23.00 น. เมื่อวันที่ 25 พ.ย.51.
รัฐบาลทั่วโลกเตือนประชาชน
สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกได้ออกคำเตือนประชาชนของตนเองมิให้เดินทางมาเมืองไทย หรืออยู่ห่างจากผู้ประท้วงที่เข้าไปยึดสนามบินสุวรรณภูมิเอาไว้ ขณะเดียวกันก็แจ้งว่า การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยได้เริ่มขนย้ายชาวต่างชาติราว 3,000 คน ที่ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว ซึ่งติดค้างอยู่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตั้งแต่พวกผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลจู่โจมเข้ายึดสนามบินในวันอังคาร(25)ที่ผ่านมา
เมื่อวานนี้(26) รัฐบาลของประเทศจำนวนมาก อาทิ จีน ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ อังกฤษ สหรัฐฯ ออสเตรเลียและญี่ปุ่น ได้ออกคำเตือนให้ประชาชนของตนที่กำลังวางแผนจะมายังกรุงเทพฯ ให้เลิกล้มแผนการเสีย หรือถ้าเดินทางมายังประเทศไทยแล้ว ก็ให้อยู่ห่างจากที่ที่มีการประท้วง
“สถานเอกอัครทูตจีนขอแนะนำให้ชาวจีนที่วางแผนจะมาเยือนเมืองไทยให้เลื่อนออกไปก่อน” เป็นเนื้อความของคำแนะนำด้านการเดินทางที่ปรากฏในเว็บไซต์ของสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงเทพฯ “ส่วนประชาชนจีนที่เดินทางมาเมืองไทยเรียบร้อยแล้วควรจะระมัดระวังตัว และอยู่ให้ห่างจากที่มีการเดินขบวนและการชุมนุม”
ส่วนเว็บไซต์กระทรวงต่างประเทศของฝรั่งเศส ก็ให้คำแนะนำแก่ประชาชนของตนที่จะนั่งเครื่องบินผ่านกรุงเทพว่า ควรจะเปลี่ยนเส้นทางเสียใหม่หากทำได้
กระทรวงต่างประเทศของนิวซีแลนด์ ออกคำแนะนำสำหรับนักเดินทางที่ติดอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิว่า ควรจะรวมอยู่กับนักท่องเที่ยวอื่น ๆ และไม่ควรไปไกลจากศูนย์ข้อมูลการเดินทาง รวมทั้งปฏิบัติตามคำแนะนำที่ทางการไทยมาด้วย ซึ่งก็คล้ายคลึงกันกับรัฐบาลสิงคโปร์ที่เตือนชาวสิงคโปร์ว่าหากไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางก็ควรจะเลื่อนแผนออกไปก่อน
กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษก็ออกเอกสารแนะนำการเดินทางแก่ประชาชนของตนว่าให้อยู่ห่างสถานการณ์ทางการเมืองอันไม่มั่นคงเอาไว้
ในขณะที่ทางการสหรัฐฯเองก็เตือนให้ประชาชนเช็คกับสายการบินของตนเองว่าจำเป็นจะต้องบินผ่านกรุงเทพบ้างหรือไม่
คำแถลงในเว็บไซต์ของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำกรุงเทพฯบอกว่า พลเมืองของสหรัฐฯควรหลีกเลี่ยงสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจผันแปรได้ง่ายๆ “เราใคร่ขอเตือนพลเมืองชาวอเมริกันว่า แม้กระทั่งการเดินขบวนที่ตั้งใจจะให้เป็นไปโดยสงบ ก็สามารถเปลี่ยนไปเป็นการประจันหน้า และเป็นไปได้ที่จะยกระดับกลายเป็นความรุนแรงได้” คำแถลงนี้ระบุ
สายการบินในเอเชียสั่งงดเที่ยวบิน
ขณะเดียวกัน สายการบินระหว่างประเทศหลายแห่งได้ประกาศงดเที่ยวบินที่เข้าออกกรุงเทพฯ เป็นต้นว่า สายการบินคาเธย์แปซิฟิก ของฮ่องกง, ฟิลิปปินส์แอร์ไลนส์ของฟิลิปปินส์ และไชน่าแอร์ไลนส์ กับ อีวาแอร์เวย์สของไต้หวัน วานนี้(26) ต่างสั่งยกเลิกเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออกจากกรุงเทพฯ หลังกลุ่มพันธมิตรฯ บุกยึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
โฆษกสายการบินคาเธย์แปซิฟิกและฟิลิปปินส์แอร์ไลนส์แถลงด้วยว่า อาจมีการยกเลิกเที่ยวบินในวันต่อไป (27) หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น
เจ้าหน้าที่ลอยแพนักท่องเที่ยว
“สื่อนอก”จำนวนมากเสนอรายงานข่าวเรื่องชาวต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว จำนวนหลายพันคน พากันติดค้างอยู่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
เอเอฟพีอ้างคำพูดของ จีน แมคคาร์แทน สตรีชาวสหราชอาณาจักรที่เกษียณอายุแล้ว ซึ่งบอกว่า “เราทั้งหมดเดินทางมายังประเทศไทยเพราะเรารักประเทศไทย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมานี้ทำให้เรามีความรู้สึกที่แย่เอามากๆ”
นักท่องเที่ยวเฉกเช่นเธอหลายพันคน ซึ่งอยู่ในอาการหิวโหยทั้งน้ำและอาหาร ตลอดจนรู้สึกอ่อนเปลี้ย ต่างแสดงความรู้สึกเสียใจที่เดินทางมายังประเทศไทย ซึ่งได้ชื่อว่า “ดินแดนแห่งรอยยิ้ม”
แมคคาร์แทน ซึ่งมาจากเมืองอาร์กิลล์ ในสกอตแลนด์ บอกว่า ภายในท่าอากาศยาน ร้านอาหารและร้านรวงต่างปิดกันหมด
การเฝ้ารอคอยตั้งแต่คืนวันอังคาร จนกระทั่งช่วงเช้าวานนี้ โดยที่ไม่มีเครื่องบินเข้าออกจากท่าอากาศยาน ทำให้ผู้โดยสารที่อยู่ในอารมณ์โกรธเกรี้ยวบางคนเริ่มระบายอารมณ์กับพวกผู้ประท้วง
“เรากำลังถูกจับเป็นตัวประกันอยู่ที่นี่” โฮลเบิร์ก แมนสัน จากไอซ์แลนด์กล่าวกับผู้สื่อข่าว ก่อนที่จะหันไปยังกลุ่มผู้ประท้วง “อย่าเก็บเราเอาไว้ที่นี่เลย” นักธุรกิจผู้นี้บอก “เราเคารพในเรื่องการแสดงเจตนาทางการเมือง แต่เรากำลังถูกกักเอาไว้ที่นี่โดยที่เราไม่เต็มใจ”
นักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างร้องเรียนว่าพวกเจ้าหน้าที่เช็กอินตลอดจนเจ้าหน้าที่อื่นๆ ต่างพากันวิ่งหนีไปหมดในทันที่ที่กลุ่มผู้ประท้วงเข้ามาถึงประตูทางเข้าท่าอากาศยาน
“ทันทีที่เราติดอยู่ที่นี่ เราก็พยายามติดต่อกับสายการบินของเรา แต่เราก็ไม่สามารถออกไปไหนได้เลย” วิกเตอร์ โรเซนบลีอุม จากนิวยอร์กกล่าว เขาเดินทางมาพร้อมกับภรรยาและบุตรชายวัย 7 ขวบ
เช่นเดียวกับ คริสโตเฟอร์ เพอร์สสัน ชาวสวีเดนซึ่งบอกกับรอยเตอร์ว่า เขาต้องแกร่วอยู่ตรงพื้นที่ข้างล่างเคาน์เตอร์เช็กอินตลอดทั้งคืน “ผมเข้าใจเรื่องผู้คนนะ แต่สายการบินน่ะแย่มากเลย พวกเขาไม่ได้แจ้งข้อมูลข่าวสารอะไรให้เรารู้เลย”
กระทั่งหลังผ่านเที่ยงวันของวานนี้ พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของสนามบินจึงเริ่มทำการอพยพผู้โดยสารที่ติดค้างอยู่ซึ่งมีประมาณ 3,000 คน แต่กระนั้นก็ยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ กว่าที่ข่าวคราวเรื่องนี้จะกระจายไปทั่วถึง