00 ในที่สุดการรวมพลังซึ่งน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแบบม้วนเดียวจบของพี่น้องประชาชนผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซึ่งเริ่มระดมพลมาตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย.ได้ดำเนินมาจึงจุดสำคัญ และถือว่าจะเป็นการวัดใจสังคมไทยอีกกลุ่ม อีกครั้งว่าจะนิ่งดูดาย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ปล่อยให้โจรชั่วครองเมืองแบบสยบยอมอีกต่อไปหรือไม่
00 กว่า 180 วัน ที่พี่น้องประชาชนปักหลักต่อต้านรัฐบาลทรราช ได้หล่อหลอมรวมใจเป็นอันหนึ่งเดียวจากทั่วประเทศ และที่น่าชื่นใจอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนก็คือ เป็นความตื่นตัวของพี่น้องในต่างจังหวัดทั่วประเทศ ต่างหลั่งไหลมาเข้าร่วมไม่ขาดสาย รวมเป็น “พลังเสื้อเหลือง” สว่างไสว กระจายไปทั่วอาณาเขตแล้ว
00 แม้ว่าการต่อสู้กับรัฐบาลสัตว์นรก จะเต็มไปด้วยความยากลำบากแสนเข็ญ ซึ่งไม่ต้องมาพูดกันถึงเรื่องจริยธรรม สปิริต หรือมาตรฐานอะไรทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถนำมาวัดกับคนพวกนี้ได้เลย และนี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญทำให้การต่อสู้ต้องยืดเยื้อยาวนานที่สุดในโลก ขณะเดียวกันหากมองอีกมุมหนึ่งปรากฎการณ์ดังกล่าวนอกจากทำให้ความตื่นตัวทางการเมืองของคนไทยเริ่มแผ่วงกว้างออกไปเรื่อยๆแล้ว ยังได้เห็นธาตุแท้ตัวตนของ “ระบอบทักษิณ” ได้อย่างล่อนจ้อน ไล่เรียงกันไปตั้งแต่หัวแถว ยันท้ายแถว
00 การระดมพลครั้งนี้ซึ่งมีคนหลั่งไหลออกมาหลายแสนคน และไม่ว่าผลจะลงเอยอย่างไรก็ตาม ไม่ว่ารัฐบาลสัตว์นรกกลุ่มนี้จะพ้นไปหรือไม่ก็ตาม หรือพี่น้องจะพ่ายแพ้ถูกล้อมปราบอีกรอบหรือไม่ก็ตาม แต่รับรองว่า กระแสความตื่นตัว ลุกลามเหมือนไฟลามทุ่ง “การเมืองใหม่” ถูกจุดประกายต่อๆ กันไป ประวัติศาสตร์ทางการเมืองหน้าใหม่ก็จะต้องถูกบันทึกเอาไว้ในใจตลอดไปตราบจนชั่วลูกชั่วหลาน
00 อย่างที่บอกเอาไว้ว่า นาทีนี้ไม่ต้องมาสาธยายอะไรให้เปลืองน้ำลายกันแล้ว ว่ามีเหตุผลต้องตะเพิดรัฐบาลหุ่นเชิด ลิ่วล้อ “ระบอบทักษิณ” อย่างไร เนื่องจากการต่อสู้ในนาม "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ที่ดำเนินติดต่อมานานตั้งแต่ปลายปี 2548 เรื่อยมาจนถึงการปักหลักพักค้าง ผ่านการสูญเสีย ถูกกระทำย่ำยีมานับครั้งไม่ถ้วน ย่อมรู้กันอยู่แล้ว “ใส้มีกี่ขด”
00 ดังนั้น เมื่อถึงเวลาแตกหักก็ไม่ต้องมาอรัมภบทให้เสียเวลา เพราะนี่คือ “ภารกิจศักดิ์สิทธิ์” ที่จะต้องรวมพลังกันครั้งสุดท้าย มีเท่าไหร่ขนกันมาไม่ต้องยั้ง แต่ที่สำคัญต้องวัดใจคนกรุงเทพฯว่า จะนิ่งดูดายปล่อยให้พี่น้องจากต่างจังหวัดเดินทางเข้ามาเป็นส่วนใหญ่ได้อย่างไร แต่ถึงอย่างไร ก็ขอลุ้นวัดใจกันอีกที !!
00 กว่า 180 วัน ที่พี่น้องประชาชนปักหลักต่อต้านรัฐบาลทรราช ได้หล่อหลอมรวมใจเป็นอันหนึ่งเดียวจากทั่วประเทศ และที่น่าชื่นใจอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนก็คือ เป็นความตื่นตัวของพี่น้องในต่างจังหวัดทั่วประเทศ ต่างหลั่งไหลมาเข้าร่วมไม่ขาดสาย รวมเป็น “พลังเสื้อเหลือง” สว่างไสว กระจายไปทั่วอาณาเขตแล้ว
00 แม้ว่าการต่อสู้กับรัฐบาลสัตว์นรก จะเต็มไปด้วยความยากลำบากแสนเข็ญ ซึ่งไม่ต้องมาพูดกันถึงเรื่องจริยธรรม สปิริต หรือมาตรฐานอะไรทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถนำมาวัดกับคนพวกนี้ได้เลย และนี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญทำให้การต่อสู้ต้องยืดเยื้อยาวนานที่สุดในโลก ขณะเดียวกันหากมองอีกมุมหนึ่งปรากฎการณ์ดังกล่าวนอกจากทำให้ความตื่นตัวทางการเมืองของคนไทยเริ่มแผ่วงกว้างออกไปเรื่อยๆแล้ว ยังได้เห็นธาตุแท้ตัวตนของ “ระบอบทักษิณ” ได้อย่างล่อนจ้อน ไล่เรียงกันไปตั้งแต่หัวแถว ยันท้ายแถว
00 การระดมพลครั้งนี้ซึ่งมีคนหลั่งไหลออกมาหลายแสนคน และไม่ว่าผลจะลงเอยอย่างไรก็ตาม ไม่ว่ารัฐบาลสัตว์นรกกลุ่มนี้จะพ้นไปหรือไม่ก็ตาม หรือพี่น้องจะพ่ายแพ้ถูกล้อมปราบอีกรอบหรือไม่ก็ตาม แต่รับรองว่า กระแสความตื่นตัว ลุกลามเหมือนไฟลามทุ่ง “การเมืองใหม่” ถูกจุดประกายต่อๆ กันไป ประวัติศาสตร์ทางการเมืองหน้าใหม่ก็จะต้องถูกบันทึกเอาไว้ในใจตลอดไปตราบจนชั่วลูกชั่วหลาน
00 อย่างที่บอกเอาไว้ว่า นาทีนี้ไม่ต้องมาสาธยายอะไรให้เปลืองน้ำลายกันแล้ว ว่ามีเหตุผลต้องตะเพิดรัฐบาลหุ่นเชิด ลิ่วล้อ “ระบอบทักษิณ” อย่างไร เนื่องจากการต่อสู้ในนาม "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ที่ดำเนินติดต่อมานานตั้งแต่ปลายปี 2548 เรื่อยมาจนถึงการปักหลักพักค้าง ผ่านการสูญเสีย ถูกกระทำย่ำยีมานับครั้งไม่ถ้วน ย่อมรู้กันอยู่แล้ว “ใส้มีกี่ขด”
00 ดังนั้น เมื่อถึงเวลาแตกหักก็ไม่ต้องมาอรัมภบทให้เสียเวลา เพราะนี่คือ “ภารกิจศักดิ์สิทธิ์” ที่จะต้องรวมพลังกันครั้งสุดท้าย มีเท่าไหร่ขนกันมาไม่ต้องยั้ง แต่ที่สำคัญต้องวัดใจคนกรุงเทพฯว่า จะนิ่งดูดายปล่อยให้พี่น้องจากต่างจังหวัดเดินทางเข้ามาเป็นส่วนใหญ่ได้อย่างไร แต่ถึงอย่างไร ก็ขอลุ้นวัดใจกันอีกที !!
