xs
xsm
sm
md
lg

วันเผด็จศึก หยุดรัฐบาลทรราช

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - พันธมิตรฯเชื่อสถานการณ์สุกงอม ยัน 24 พ.ย.เตรียมบุกล้อมรัฐสภา ไม่เชื่อลมปาก “ชัย” ไม่แก้รัฐธรรมนูญ ย้ำเผด็จศึกม้วนเดียวจบ พร้อมประกาศยึดหลักสงบ สันติ อหิงสา ปฏิเสธข่าวบุกยึดสื่อสิงพิมพ์และเผาสถานที่ราชการ เตือนทหารระวังมือที่ 3 ป่วน ด้าน “สนธิ" นัดเป่านกหวีดหกโมงเช้าส่งสัญญาณเตรียมเคลื่อนพลนับแสน แย้มอาจใช้แผนสงคราม 9 ทัพเผด็จศึกรัฐบาลฆาตกร ขณะที่ “ยุทธพงษ์ เสมอภาค” การ์ดพันธมิตรฯ ผู้กล้าเสียชีวิต พันธมิตรฯ ยืนสงบนิ่งแสดงความอาลัย ยกย่อง เป็นวีรชน

วานนี้ (23 พ.ย.) บรรยากาศการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณทำเนียบรัฐบาลตลอดทั้งวัน ได้มีประชาชนทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด เดินทางเข้าร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่อง จนเต็มพื้นที่ภายในบริเวณทำเนียบรัฐบาลและในช่วงเย็นได้มีการขยายพื้นที่ออกมายังบริเวณ ถ.มัฆวานรังสรรค์และบริเวณโดยรอบ

ทั้งนี้ บรรยากาศในการชุมนุมเป็นไปอย่างคึกคักโดยทางแนวร่วมพันธมิตรฯ ได้สลับกันขึ้นเวทีปราศรัยปลุกใจประชาชนให้ออกมาร่วมต่อสู้กับพันธมิตร และเดินทางไปร่วมชุมนุมที่รัฐสภาในวันนี้(24 พ.ย.) โดยเชื่อมั่นว่าการต่อสู้ในครั้งนี้จะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน ขณะที่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมเองก็ได้ตะโกนโห่ร้องและใช้มือตบเคาะจังหวะขานรับกับการปราศรัยของแนวร่วมบนเวทีตลอดเวลา

สำหรับการรักษาความปลอดภัยนั้น ทางพันธมิตรฯ ยังคงจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินตรวจตราโดยรอบบริเวณและตรวจค้นสัมภาระของผู้ที่เดินทางเข้าร่วมชุมนุมอย่างเข้มงวด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน ที่ลานพระบรมรูป เมื่อเวลา 17.00 น. พล.อ. ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และตัวแทนเหล่าทัพ ได้เดินทางมาร่วมงานซ้อมใหญ่พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาประจำปี 2551 โดยมีพันธมิตรฯ จำนวนหนึ่งให้ความสนใจร่วมชมการซ้อมในครั้งนี้ด้วย

ทั้งนี้ ระหว่างที่มีการซ้อมสวนสนาม ปรากฏว่าระหว่างที่มีกำลังของตำรวจเดินผ่านหน้ากลุ่มพันธมิตรฯที่มายืนดูการซ้อมสวนสนามนั้น ทางกลุ่มพันธมิตรฯได้ใช้มือตบพร้อมกับโห่ไล่ตำรวจที่เดินผ่าน ซึ่งเป็นช่วงที่ พล.อ.อนุพงษ์ กำลังซ้อมคำกล่าวในพิธีพอดี จน พล.อ.อนุพงษ์ เสียสมาธิและพูดติดขัด อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ผู้นำเหล่าทัพไม่สบายใจ เกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวในพิธีจริง ซึ่งจะทำให้เกิดความไม่เรียบร้อยขึ้นมา ซึ่งทางผู้ดูแลจะได้นำเรื่องนี้ไปหารือเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว

**ย้ำบุกสภา-แย้มเคลื่อนไปที่อื่น
วันเดียวกันที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้อ่านแถลงของพันธมิตรฯว่า การที่พันธมิตรฯ ถูกโจมตีด้วยอาวุธสงคราม เอ็ม 79 เมื่อวันที่ 20 พ.ย. นั้น ขณะนี้ นายยุทธพงษ์ เสมอภาค ได้เสียชีวิตแล้ว โดยการที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ระบุว่าเป็นการฆาตกรรมธรรมดานั้น การออกมาพูดเช่นนี้ ก็เพราะนายสมชายเห็นชีวิตประชาชนเหมือนผักเหมือนปลา และพร้อมที่จะยืนอยู่บนซากศพของประชาชน เพียงเพื่อให้ตนเองและเครือญาติ รวมทั้งพี่ภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้สืบทอดอำนาจต่อไปอย่างไร้จริยธรรม และศีลธรรม สะท้อนถึงความอำมหิตที่พร้อมจะเห็นคนตายโดยตัวเองไม่รู้สึก ทั้งๆ ที่คือตัวการสั่งฆ่าประชาชน

ส่วนกระแสข่าวว่าพันธมิตรฯ จะบุกยึดสื่อโทรทัศน์และสื่อหนังสือพิมพ์ว่า แกนนำไม่มีการปรึกษากันในเรื่องนี้ แต่เห็นว่าสื่อหนังสือพิมพ์ และโทรทัศน์ที่เป็นของเอกชนเราคงไปทำอะไรไม่ได้ เช่นเดียวกับสื่อของรัฐก็ยังไม่ได้คิดว่าจะเคลื่อนไหวอย่างไร คงต้องหารือกันในแกนนำเสียก่อน แต่ที่แน่ๆ การเคลื่อนไหวในวันที่ 24 พ.ย.จะเคลื่อนไปยังรัฐสภาฯ และอาจจะเคลื่อนไหวไปที่อื่นๆ ด้วย ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

นอกจากนี้ การที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ระบุว่า จะไม่มีการเปลี่ยนสถานที่การประชุมรัฐสภาฯ แต่อาจจะเลื่อนการประชุมออกไป นั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เป็นคำพูดกลับไปกลับมาเชื่อถือไม่ได้ เพราะถ้ารัฐบาลจริงใจไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญก็ต้องประกาศมาก่อนหน้านี้ โดยไม่บรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ คปพร.(ฉบับ นพ.เหวง โตจิราการเป็นผู้ร่าง) เข้าในวาระการประชุม ฉะนั้น คำพูดของรัฐบาลที่กลับไปกลับมา รัฐบาลจะไม่เชื่ออีกต่อไป

**ม้วนเดียวจบ-ไม่เคลื่อนกลางคืน
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า การที่กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไปยังรัฐสภาฯ นั้น มี 2 เหตุผลคือ 1. เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ให้รัฐสภาฯ ดำเนินการตามมติของกรรมาธิการของ ส.ว. ที่ได้มีการตรวจสอบเหตุการณ์ 7 ตุลา ระบุว่า นายสมชายและตำรวจที่เกี่ยวข้องมีความผิดชัดเจน ซึ่งสอดคล้องกับผลสรุปของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แต่ปรากฏว่าเวลาผ่านไปเดือนกว่าแล้ว ก็ยังไม่มีการนำคนผิดมาลงโทษได้อย่างเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการประชุมรัฐสภาฯ พันธมิตรฯ จะกลับมาปักหลักที่ทำเนียบต่อหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

เมื่อถามว่า รัฐบาลระบุว่าพันธมิตรฯ จะเผาสถานที่ราชการนั้น พล.ต.จำลองกล่าวว่า ไม่ใช่ฝีมือของพันธมิตรฯ แน่นอน แต่เห็นฝีมือของคนที่ออกมาพูดคือรัฐบาล ซึ่งจ้างแก๊งอันธพาลมาเป็นผู้ก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม พันธมิตรฯ ก็ไม่ประมาท มีการป้องกันอย่างเต็มที่ รวมทั้งตำรวจต้องออกมาปกป้องผู้ชุมนุม อย่ามาบอกว่าจับคนร้ายไม่ได้อย่างเดียว ถ้าเป็นตำรวจแล้วจับคนร้ายไม่ได้ก็อย่าเป็นตำรวจเลย เพราะมีก็เหมือนไม่มี

“มั่นใจว่าการชุมนุมวันที่ 24 พ.ย.จะเป็นแบบม้วนเดียวจบ ไม่มีการอยู่เป็นแรมเดือน สาเหตุที่มั่นใจเพราะเชื่อในความเข้มแข็งของประชาชน และสถานการณ์ก็สุกงอมแล้ว ถ้าประชาชนมามากก็ม้วนเดียวจบทันที แต่ถ้าคนมาน้อยก็จบเหมือนกัน แล้วยกบ้านยกเมืองให้คนชั่วไป” พล.ต.จำลอง กล่าว และว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ แม้จะประกาศว่าม้วนเดียวจบ แต่ก็ไม่ได้ขีดเส้นตาย และระบุไม่ได้ว่าจะเคลื่อนกี่โมง แต่จะไม่เคลื่อนในเวลากลางคืนแน่นอน เพราะไม่มีประโยชน์" แกนนำพันธมิตรฯกล่าว

**“ศรัณยู-มาลีรัตน์”แกนนำรุ่น 2
เมื่อเวลา 11.30 น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งใน 5 แกนนำพันธมิตรฯ ปราศรัยบนเวทีว่า การชุมนุมครั้งนี้เป็นการชุมนุมครั้งสุดท้ายเพื่อเผด็จศึกรัฐบาล หากนายสมชาย เดินทางกลับจากเปรูถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อไหร่ก็จะยกทัพไปรับถึงสนามบิน และในวันนี้ ก็ได้มีการตั้งแกนนำรุ่น 2 เพิ่มอีก 2 คน คือนายศรัณยู วงศ์กระจ่าง นักแสดงชื่อดัง และนางมาลีรัตน์ แก้วก่า อดีตสมาชิกวุฒิสภา

ต่อมาพล.อ. ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตที่ปรึกษากองทัพไทย ขึ้นกล่าวปราศรัย ว่า ขอให้ผู้ชุมนุมทุกคนที่จะกระจายกันออกไปปฎิบัติการในวันนี้( 24 พ.ย.)ให้เคลื่อนไหวอย่างมีระเบียบวินัยปฏิบัติตามคำสั่งของแกนนำและการ์ดอย่างเคร่งครัด ส่วนฝ่ายตรงข้ามที่ต้องการป่วนมีไม่เกิน 100 คน ถ้าเราอยู่ในระเบียบวินัยสามารถเอาชนะได้แน่นอน

ขณะที่นาย สมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ขอให้ผู้ชุมนุมทุกคนนำอุปกรณ์ป้องกันตัวเองจากแก๊สน้ำตาเอาไว้ให้พร้อมเพื่อเตรียมบุกสภา โดยยืนยันว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะได้รับชัยชนะใน 4-5 วัน ถ้าไม่ชนะไม่กลับบ้าน

** “ยุทธพงษ์”การ์ดพันธมิตรฯ เสียชีวิต
นพ.ธันย์ สุภัทรพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยว่า นายยุทธพงษ์ เสมอภาค การ์ดพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุระเบิด เมื่อเช้ามืดของวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน ได้เสียชีวิตลงเมื่อเวลา 14.00 น. เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว โดยเฉพาะแผลสะเก็ดระเบิดที่โดนบริเวณสมอง จนทำให้มีเลือดออกในสมอง แกนสมองตาย สมองบวม เนื้อสมองถูกทำลาย โดยหลังจากนี้จะมีการนำศพไปชันสูตรตามกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งผลจากการชันสูตรคาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงจากที่แพทย์ผู้รักษาอาการได้แถลงไว้ก่อนหน้านี้

ผอ.รพ.รามาธิบดีกล่าวต่อไปอีกว่า ก่อนหน้านี้นายยุทธพงษ์เคยแสดงความจำนงขออุทิศอวัยวะเช่น ตับ ไต หัวใจ เพื่อเปลี่ยนให้แก่ผู้ป่วยที่รอรับการบริจาค แต่เนื่องจากอาการของนายยุทธพงษ์ในช่วงวิกฤติ แพทย์ไม่สามารถรักษาความดันโลหิตและระดับชีพจรให้อยู่ในภาวะปกติ ส่งผลให้อวัยวะภายในได้รับความเสียหาย จนไม่สามารถบริจาคได้ ดังนั้นแม้ว่าญาติและผู้เสียชีวิตแสดงความจำนงอุทิศก็ไม่สามารถนำไปใช้ได้ โดยทางโรงพยาบาลจะแถลงข่าวสาเหตุการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการในวันนี้(24 พ.ย.) ภายหลังผลการชันสูตรจากนิติเวชจะแจ้งมา

ทั้งนี้ หลังทราบข่าวการเสียชีวิตของนายยุทธพงษ์ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ประกาศข่าวการเสียชีวิตบนเวทีพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมทั้งยืนไว้อาลัยต่อการสูญเสียวีรบุรุษคนกล้าไปอีกหนึ่งชีวิตในครั้งนี้

** คณะจิตแพทย์รักชาติบี้รบ.ลาออก
นพ.เกษม ตันติผลาชีวะ ในฐานะผู้ประสานงานคณะจิตแพทย์ซึ่งมีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศ เปิดเผยว่า จิตแพทย์ทั่วประเทศได้ปรึกษา ประชุมหารือ และมีมติร่วมขับไล่รัฐบาลที่ขาดความชอบธรรมอย่างเต็มที่ พร้อมกับขอออกแถลงการณ์ในนามของ "คณะจิตแพทย์ผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์" ประณามรัฐบาลกระหายเลือดภายใต้การนำของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ความว่า ตามที่รัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้ดำเนินการบริหารประเทศโดยมิได้แสดงเจตนาที่จะแก้ปัญหาของประเทศชาติและประชาชนเป็นส่วนรวม แต่กลับใช้อำนาจไปในการแก้ไขปัญหาและลบล้างความผิดของเครือญาติและพวกพ้องของตนเอง อีกทั้งมีการเพิกเฉยหรือรู้เห็นเป็นใจกับกลุ่มคนที่ต้องการล้มล้างสถาบันสูงสุดของชาวไทย

เมื่อมีการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลอย่างสันติและปราศจากอาวุธโดยประชาชนผู้รักความยุติธรรมและมุ่งหมายจะให้เกิดระบบการบริหารที่โปร่งใสและสร้างสังคมที่ดีกว่า กลับถูกรัฐบาลปราบปรามด้วยความรุนแรงถึงขั้นใช้อาวุธสงคราม จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตไปหลายราย มีความพิการและบาดเจ็บหลายร้อยคน รัฐบาลมิได้แสดงความรับผิดชอบใดๆ เพราะรู้ดีว่าตนเป็นผู้ที่ต้องรับผิดต่อเหตุการณ์ทั้งหมด

คณะจิตแพทย์ผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ทั่วประเทศจึงเห็นว่า รัฐบาลนี้หมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศอีกต่อไป และขอเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกโดยไม่มีเงื่อนไข เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกระบวนการบริหารประเทศ และนำประเทศไทยสู่สังคมที่มีความเป็นธรรมและมีสันติสุขต่อไป

**เตือนทหารระวังมือที่สาม
เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. วานนี้ (23พ.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงว่า คืนวานนี้พันธมิตรฯ จะไม่เคลื่อนการชุมนุมไปที่ไหน เพราะจากประวัติการเคลื่อนขบวนตอนกลางคืนจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้ทราบว่าผ่ายตรงข้ามมีการเคลื่อนไหวผิดปกติหลายจุด โดยหวังที่จะสร้างสถานการณ์เพื่อโยนความผิดให้กับพันธมิตรฯ และที่เราเคลื่อนในเวลากลางวันเพื่อให้ ประชาชนและสื่อมวลชนเห็นว่าเราทำอะไร เพราะหากเราเคลื่อนกลางคืน หากไม่มีใครเห็นตรงนี้ไม่มีใครอยากออกไปฆ่าตัวตาย หากเคลื่อนกลางวัน เราจะสามารถอธิบายให้ประชาชนและสังคมโลกได้รับรู้

อย่างไรก็ตาม นายสุริยะใส ยอมรับว่า คืนวานนี้จะต้องตรึงพื้นที่บริเวณทำเนียบฯ ทั้งคืน รวมไปถึงบริเวณถนนราชดำเนินนอก และปิดพื้นที่ตั้งแต่แยก จปร. ถึงลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อรองรับประชาชนที่มาร่วมชุมนุมจำนวนมาก

ส่วนกรณีที่มีการปล่อยข่าวว่าจะมีการวางเพลิงทำเนียบฯ และรัฐสภา และกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายสุริยะใส กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เพราะแกนนำพันธมิตรฯ ให้ความสำคัญกับการต่อสู้แบบอหิงสา ไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งจะนำมาสู่ความสูญเสีย ดังนั้นในคืนนี้จะมีการตรวจตราอาวุธทุกชนิด รวมทั้งมีการตระเวนรถ เพื่อขจัดจุดที่จะมีการยิงอาวุธสงครามเข้ามาในทำเนียบฯ อีก โดยเราได้รับเครื่องตรวจอาวุธมากว่า 100 ชุด ดังนั้นตามที่เรายึดแนวทางอหิงสา ยืนยันกับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมชุมนุมได้ว่า ความรุนแรงจะไม่มีทางเกิดจากฝ่ายพันธมิตรฯ ก่อน หากเกิดความรุนแรง ก็เกิดจากความรุนแรงที่เกิดจากอำนาจรัฐ

"ขณะนี้ฝ่ายตรงข้ามพยายามที่เข้ามาวางเพลิงในทำเนียบรัฐบาล มีการพยายามปล่อยข่าวเพื่อโยนผิดให้กับพันธมิตรฯ เรามั่นใจจะไม่มีความรุนแรงจากฝ่ายเราทั้งสิ้น เพราะถ้าหากเราต้องการความรุนแรง คืนวันนี้เราก็คงจะเคลื่อนขบวนกันแล้ว แต่การพยายามปล่อยข่าวว่าเราจะไปที่นั่นที่นี่ เป็นเพราะต้องการทำลายความชอบธรรมของพันธมิตรฯ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ยังพยายามที่จะสร้างความชอบธรรมให้กับตำรวจ ที่เป็นผู้สร้างความรุนแรงให้กับประชาชนเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งรัฐบาลกำลังพยายามชิงความชอบธรรมกลับมา ดังนั้นพันธมิตรฯ จึงเรียกร้องให้กองทัพระวังมือที่สาม ที่จะมาสร้างความวุ่นวายรวมทั้งดูแลประชาชนที่มาชุมนุมโดยใช้สิทธิเสรีภาพ"

นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ในเช้าวันนี้แกนนำพันธมิตรฯ จะประกาศแนวทางการเคลื่อนไหวจะเป็นเวลาเท่าไร ก็ขอให้รอฟังประกาศจะเป็นตี 5 หรือ 7 โมงเช้าก็ขอให้ผู้ร่วมชุมนุมรอฟัง ขณะเดียวกันตนได้เจรากับทางตำรวจ บชน. ว่าเราไม่ต้องการปะทะกับตำรวจ หากตำรวจถอยได้ก็อยากให้ถอย เนื่องจากขณะนี้ตำรวจได้ตั้งด่านสกัดที่ลานพระบรมรูปทรงม้าไว้แล้ว

นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า แนวทางที่เชื่อว่าเราจะชนะในวันนี้ หากเราหยุดฝ่ายนิติบัญญัติได้ รัฐบาลก็จะล่มสลาย ขณะเดียวนายสุริยะใส ไม่เชื่อว่า ในวันจันทร์นี้ ประธานรัฐสภาจะยุติการยื่นญัตติการแก้ไขร่าง รธน. ออกไป เพราะเมื่อบรรจุแล้ว สมาชิกจะขอให้หยิบมาพิจารณาเมื่อไรก็ได้ ขณะเดียวกันความพยายามกรณีที่อ้างถึงกฎบัตรอาเซียน ว่ามีมาตรา 190 ในรัฐธรรมนูญ มาขัดขวางไม่ให้รัฐบาลดำเนินการได้ในขณะนี้นั้น เชื่อว่าเป็นข้ออ้างและพยายามที่จะลวงสังคมว่าเป็นข้อตกลงของคนส่วนใหญ่ ตรงนี้รัฐบาล และรัฐสภา ควรจะฟังข้อเสนอของกองทัพ และ กอ.รมน.

***สนธิเปรียบสงคราม9ทัพ
วานนี้ ( 23 พ.ย.) เวลา 20.10 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวย้ำถึงการต่อสู้ในวันนี้ เป็นการแสดงพลังเพื่อต่อสู้กับพลังอันชั่วร้ายที่กำลังดิ้นรนเฮือกสุดท้าย โดยแนะนำให้ทุกคนพักผ่อนกันให้มากๆ และนัดให้ทุกคนมารวมตัวกันก่อนเวลา 6.00 น.วันนี้ โดยพร้อมเพรียง หลังจากนั้นจะออกปฏิบัติการตามแผน ซึ่งอาจจะแบ่งทัพออกเป็นหลายทัพเหมือนกับสงคราม 9 ทัพที่เคยใช้มาก่อน

นายสนธิ ยังกล่าวปลุกกำลังใจให้พ่อแม่พี่น้องที่เข้าร่วมชุมนุม และที่ฟังสัญญาณอยู่ทางบ้าน โดยระบุว่า การขับเคลื่อนในครั้งนี้ เราต้องมีความเชื่อมั่นในสิ่งที่จะทำกัน แต่ขอให้ระวังตัว อย่างไรก็ตามทุกอย่างขึ้นอยู่กับกรรม ถ้ากรรมยังไม่ถึง จะอยู่ที่ไหนก็ไม่เป็นอะไร ซึ่งคงไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะปกป้องคุ้มครองเรา ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ก็มีเป้าหมายเดียวกันทั้งหมด คือ เพื่อปกป้องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

นายสนธิ ยังกล่าวอวยพรให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมที่ตั้งมั่นจะทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองในวันพรุ่งนี้ โดยขอให้ผลบุญได้ส่งต่อไปยังพ่อแม่พี่น้องทุกคน และทำการปกป้องชาติบ้านเมือง และสถาบันได้ประสบความสำเร็จ

นอกจากนี้ นายสนธิ ยังกล่าวถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังความรุนแรงในการใช้อาวุธเข่นฆ่าประชาชน ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคนที่เกี่ยวพันกับรัฐบาล โดยตอนนี้ พวกเราได้สืบทราบว่ามีจำนวน 4-5 คน และกำลังหาข้อมูลว่าบ้านของพวกมันอยู่ที่ไหน ซึ่งอาจจะต้องจัดอาสาสมัครประมาณ 1 แสนคน เพื่อไปเยี่ยมถึงที่บ้าน และจะดูว่ามันจะต้อนรับพวกเราหรือเปล่า

**ชู “ยุทธพงษ์”เป็นวีรชน
พลตรีจำลอง ศรีเมือง แกนนำ พันธมิตรฯ กล่าวเมื่อตอนค่ำว่า ตามที่พันธมิตรฯ ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 25/2551 วันที่ 20 พ.ย.2551 เพื่อระดมมวลชนครั้งใหญ่ วันอาทิตย์ที่ 23 พ.ย. เพื่อเผด็จศึก หยุดอำนาจรัฐบาลฆาตกรหุ่นเชิด โดย เมื่อเวลา 02.00 น. ของวันเสาร์ที่ 22 พ.ย. มีคนยิงระเบิด เอ็ม 79 จากบริเวณริมรั้วกองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผลทำให้นายยุทธพงษ์ เสมอภาค การ์ดพันธมิตรฯ เสียชีวิตลง

พันธมิตรฯขอแสดงความไว้อาลัยต่อนายยุทธพงษ์ เสมอภาค และครอบครัว และมิตรสหาย และขอประกาศอย่างเป็นทางการ ยกย่องเชิดชูให้ นายยุทธพงษ์ เป็นวีรชนของพันธมิตรฯที่จะจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ต่อไป พธม. ขอประณามการกระทำครั้งนี้ว่าเป็นความเลวทรามต่ำช้า แสดงความเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ที่เราต้องต่อสู้และหยุดอำนาจรัฐบาลฆาตกรหุ่นเชิด เราไม่ยอมให้การเสียชีวิตและบาดเจ็บของพี่น้องประชาชน ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาสูญเปล่าอย่างแน่นอน

เมื่อพี่น้องประชาชนได้เข้าร่วมชุมนุมวันนี้หลายแสนคน ขอฉันทามติ เริ่มแผนเผด็จศึกหยุดรัฐบาลฆาตกรหุ่นเชิด สภาทาสระบบทักษิณ ทุกวิถีทางตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าสังคมไทยจะได้รับชัยชนะ ด้วยจิตคารวะ

พลตรีจำลองกล่าวว่า คืนนี้ (23 พ.ย.) ปิดเวที 2 ยาม ขอให้พีน้องรีบหลับนอนเพื่อตุนแรงเอาไว้ ก่อนหลับนอน พล.เอกปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ปธ.คกก. รักษาความปลอดภัยผู้ชุมนุม ฝากให้ประกาศว่า ก่อนนอนนั้นขอให้ดูรอบตัวให้ถ่องแท้ก่อนว่ามีใครเอาอะไรมาซุกหรือไม่ บริเวณที่จะนอนและรอบเต้นท์ เพราะเราไว้ใจไม่ได้ ถ้ามีอะไรผิดปรกติ อย่าไปแตะต้องรีบส่งข่าวให้การ์ดของเราทราบ จะได้จัดการ พ่อแม่พี่น้องมามากอย่างนี้ เราต้องพยายยามเต็มที่ในการรักษาความปลอดภัย

**ไล่ให้หมดภายใน3วัน
นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯกล่าวว่า วันนี้ตอนเช้ามืดเราจะไปที่รัฐสภาเพื่อไม่ให้มีการประชุมแก้รธน. เพื่อช่วยเหลือทักษิณและพวกพ้อง และทวงถามที่พวกมันทำลายพี่น้องเราหลายคน ว่าจะรับผิดชอบอย่างไร้ นี่คือภารกิจอันยิ่งใหญ่ของเราที่ต้องทำหน้าที่พลเมืองดีของชาติไทยครับ ย้ำอีกครั้งว่า ใครก็ตามที่เป็นปวงชนชาวไทย รัฐธรรมนูญเขียนว่ามีหน้าที่รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุข รัฐบาลนี้ชัดเจนแล้วว่าขายชาติ ไม่จงรักภักดีต่อสถาบันมีการกล่าวจาบจ้วงมากมายไม่มีการฟ้องร้อง 1-2 ปี คิดทำร้ายชีวิตพี่น้องที่ออกมาปกป้อง เราจึงไม่อาจจะที่จะปล่อยให้รัฐบาลแบบนี้บริหารประเทศต่อไป ทรัพย์สินที่โกงไปจากประชาชนยังไม่ได้กลับคืนมา แต่มันพยายามแก้ไขกฎหมายนิรโทษกรรมให้พี่เมียของมันกลับมา ประเทศไทยไม่ใช่ของพวกชินวัตร และตระกูลพวกสมชาย

“ผมอยากบอกว่า พวกเราเกิดมาชาตินี้ไม่เสียชาติเกิดทุกคนมาที่นี่มาทำบุญมาใช้หนี้แผ่นดิน เราต้องเตรียมเอาไว้ให้ดี นักการเมืองชั่วบ้านมันอยู่ที่ไหน ไล่ล่ามันให้หมด มันทำลายลูกเมียคนอื่นได้ ให้มันรู้สึกว่าเวลาประชาชนจะไปไล่ มันจะรู้สึกอย่างไร นักการเมืองชั่วที่ไม่ซื่อสัตย์ไม่ปฎิบัติตามคำสัตย์ปฎิญาณ มันไม่ควรมีอยู่ในประเทศนี้อีกต่อไป พลังเสื้อเหลือง ที่ออกมากู้ชาติต้องไล่มันให้หมดสิ้นโดยเร็วภายใน 3 วัน”

ประเทศนี้จะต้องมีรัฐบาลที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีเท่านั้นที่จะอยู่ได้ เราผู้เป็นคนดี อย่าก้มหัวให้คนชั่วและทรราชเพราะจะทำให้เกียรติยศและความเป็นมนุษย์ของเราเสื่อม เราไม่จำเป็นต้องกินเงินเดือนที่นั่งเสพสุขทำไมรู้เรื่องส่วนใหญ่เป็นระดับผู้นำระบบราชการ เสียภาษีให้พวกนี้เสพสุขเราทนไม่ได้ จึงต้องออกมาจัดการด้วยมือของเราเอง ไอ้พวกข้าราชการผู้ใหญ่มันทรยศที่ยังไม่ออกมา และจะขัดขวางอีกด้วย

“เลือดทุกหยดที่เสียไปต้องไม่ฟรี เราต้องเดินตามรอยผู้เสียสละรักษาบ้านเมืองเอาไว้ ขอให้มั่นใจในพลังของพวกเรา พลังที่บริสุทธิ์ ได้มีความสุขกับการทำดี อิ่มเอิบและเบิกบาน เพราะเราไม่ได้เป็นคนชั่ว”

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า พลังเงินแห่งความชั่วร้าย มันกำลังสู้กับพลังศีลธรรม ใครเลือกอยู่ข้างเงิน เงินซื้อได้ ไม่ว่าจะเป็นสื่อ ข้าราชการ นักการเมือง นักวิชาการ ดูซิว่ามันพูดยังไง ใครที่เป็นพลังศีลธรรม ดูซิ พูดอย่างไร แสดงอย่างไร เราต้องออกมา ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ แสดงออกที่บ้านไม่พอแล้วต้องมาแสดงที่นี่

**อารยะขัดขืนทั่วกรุงฯ
นายพิภพ ธงไชย แกนนำฯ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ ถ้ารัฐบาลนายสมชายเอารธน. 2540 มาทับได้ จะทำให้มาตรการต่างๆนั้นหลุดออกไป อะไรจะเกิดขึ้น การยุบพรรคจะทำไม่ได้ ในกรณีที่ผู้บริหารพรรค ทุจริต ซื้อเสียงเสียเองครับ เรื่องซื้อเสียงนี้ เราแก้กันมามาก ใช้กกต.ก็แล้ว ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

นายพิภพ กล่าว่า นายสมัครไปเซ็นสัญญาประกาศกับเขมร ทำให้เรามีปัญหาเรื่องประสาทพระวิหาร ดินแดนที่เป็นข้อขัดแย้งกันอยู่ โดยไม่ผ่านสภา ปปช.มีมติแล้วว่าผิด เขาอยากยกเลิกมาตรา 190 ชัดเจนไหมครับ แยบยลมาก จะเอารธน.2540 มาทับ มาตรา 309 ก็จะหายไป โดยอัตโนมัติ เขาอาจจะยกเลิกการฟ้องของคตส.ไม่ได้ แต่อาจจะมีการโต้แย้งกันว่า อำนาจ คตส.จะหมดไปหรือไม่ แต่นั่นไม่สำคัญ ถ้าเอา 309 ออกได้ สามารถออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม 111 คน และคดีความของทักษิณด้วย

นายพิภพกล่าวว่า รัฐบาลจะเล่นหลายเกม ถ้าแกนนำ รุ่น 1-2 พูดอะไรที่ผิดกฎมายเขาก็จะเอานักกฎหมายมาหาความผิดและจับทันที เราต้องขยายแกนนำรุ่นที่ 2 ไว้ เพื่อให้นำการต่อสู้ไปสู่ชัยชนะให้ได้ พรุ่งนี้ แผนปฎิบัติการจะประกาศตอนเช้าว่าจะไปที่ไหนบ้าง ทำไมต้องประกาศตอนเช้า เพราะเราอยากจะให้ฝ่ายรัฐบาลตั้งรับไม่ทัน แผนของแกนนำจะเริ่มจากทำเนียบรัฐบาลและถนนราชดำเนิน

“เรายอมไม่ได้ที่จะให้รัฐบาลชุดนี้ทำงานต่อไป วันนี้จะมีอารยะขัดขืนในหมู่ประชาชนและพันธมิตรทุกจุดทำได้เลยครับ ไม่ว่าจะปิดการจราจร ก็ถือว่าเป็นอารยะขัดขืน คำว่าอารยะขัดขืนจะต้องทำให้การหยุดการทำธุรกิจ การค้าต่างๆ หยุดชั่วคราว วันสองวัน เพื่อบอกว่า รัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศไม่ได้ ร่วมมือกันทำได้ทุกจุดเลยครับ
แผนหลัก จะกำหนดจากที่นี่ ส่วนอารยะขัดขืนซึ่งเป็นแผนของประชาชนต่างๆ สามารถทำได้เลย โดยไม่ใช้ความรุนแรงและสันติวิธี ทำให้กรุงเทพฯเป็นอัมพาต แต่ต้องไม่ทำลายข้าวของ ต้องเป็นอารยะขัดขืน ใช้สันติวิธีจริงๆ”นายพิภพกล่าว

** “ศรัณยู-มาลีรัตน์”เปิดใจ
นายศรัณยู วงศ์กระจ่าง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่น 2 กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯที่ทำเนียบเมื่อคืนนี้ว่า ผมคงทำหน้าที่นี้ คงทำอะไรก็ได้ สุดแท้แต่แกนนำรุ่น 1 มอบหมาย ยินดีเป็นมือเป็นแรง ให้ได้ทุกเรื่อง และเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน เพื่อสื่อสารไปยังแกนนำทุกคน ให้ภารกิจกู้ชาติของเรา สำเร็จเป็นรูปธรรม ม้วนนี้ม้วนเดียวจบ

นางมาลีรัตน์ แก้วก่า อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า ตอนแรกได้ข่าวก็ตกใจ ถามกลับไปว่า แกนนำรุ่น 2 มีอยู่แล้วใช่หรือไม่ พี่เขาบอกตั้งเพิ่ม ดิฉันอยากจะขอฉันทามติ ซึ่งหลังจากเวทีประกาศไปเมื่อเช้านี้ ดิฉันได้รับสายจากพี่น้องพันธมิตรฯผู้หญิงเกือบ 100 สาย แสดงความยินดีว่ามีผู้หญิงเป็นแกนนำร่วมอยู่ด้วย ความรู้สึกของดิฉัน อยากจะบอกว่า คนที่เหมาะสมมากกว่าดิฉันยังมีจำนวนมาก รวมทั้งทุกคนที่อยู่หน้าเวที สามารถทำได้เลย แต่เมื่อเป็นมติมอบหมายให้ดิฉันทำ ก็พยายามทำให้ดีที่สุด ไม่เสียชื่อเป็นหญิงไทย เราจะอยู่เคียงคู่กันจนกว่าจะได้ชัยชนะ
กำลังโหลดความคิดเห็น