รอยเตอร์ – บารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตัดสินใจเลือก 2 นักวางนโยบายด้านการเงินมือฉมัง ทิโมธี ไกธ์เนอร์ และลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส คุมทีมพลิกฟื้นเศรษฐกิจและพิชิตวิกฤตการเงินครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 70 ปี
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายโอนอำนาจการบริหารผู้หนึ่งเผยเมื่อวันเสาร์(22)ว่า โอบามามีแผนเสนอชื่อไกธ์เนอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขานิวยอร์ก และอดีตเจ้าหน้าที่ในคณะบริหารของบิลล์ คลินตัน เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และเสนอชื่อซัมเมอร์ส อดีตขุนคลังยุคคลินตันเช่นเดียวกัน เป็นผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของทำเนียบขาว
ซัมเมอร์ส วัย 53 ปี ที่ได้รับความไว้วางใจจากโอบามา จากการที่เขาให้คำแนะนำโอบามาในระหว่างการหาเสียงเกี่ยวกับการรับมือการล่มสลายทางการเงิน ทั้งนี้เมื่อดำรงตำแหน่งใหม่นี้แล้ว เขาจะมีบทบาทกว้างขวางในการกำหนดนโยบายและประสานงานกับที่ปรึกษาเศรษฐกิจคนอื่นๆ
ทั้งนี้ ซัมเมอร์ส กับ ไกธ์เนอร์ เคยทำงานร่วมกันใกล้ชิดมายาวนาน และได้รับการนับถือจากตลาดการเงิน มีรายงานว่าโอบามาจะแจ้งเรื่องการแต่งตั้ง 2 ขุนพลสำคัญทางเศรษฐกิจนี้ในแถลงข่าววันจันทร์ (24)
อนึ่ง หลังจากที่ข่าวไกธ์เนอร์จะขึ้นเป็นขุนคลังรั่วออกมาเมื่อวันศุกร์ (21) ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นกว่า 6% หลังจากดิ่งหนักมาเกือบตลอดสัปดาห์ที่แล้ว
การวางตัวครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่โอบามาประกาศแผนเชิงรุกสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสองปีเมื่อเช้าวันเสาร์ พร้อมเตือนว่าหากไม่มีการดำเนินมาตรการแก้ไขเร่งด่วน ก็อาจเกิดการปลดคนระลอกใหญ่และราคาสินค้าตกต่ำทั่วไป
โอบามาจากพรรคเดโมแครตที่จะเข้าสู่ทำเนียบขาวต่อจากจอร์จ ดับเบิลยู. บุชจากพรรครีพับลิกัน ในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า ไม่ได้ระบุมูลค่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยกล่าวว่าจะร่วมหารือรายละเอียดกับผู้ช่วยต่อไป
อย่างไรก็ดี ข้อเสนอตอนหาเสียงของเขาที่จะลดภาษีชนชั้นกลางและอัดฉีดโครงการสาธารณะอาจไม่ได้รับการสนับสนุนแม้แต่ในรัฐสภาที่เดโมแครตครองเสียงข้างมากอยู่ เนื่องจากจะทำให้รัฐบาลต้องกู้ยืมมากขึ้นขณะที่หนี้ภาครัฐสูงลิ่วอยู่แล้ว
การเลือกซัมเมอร์สและไกธ์เนอร์เป็นไปตามสูตรของโอบามาในการวางตัวบุคคลที่มีชื่อเสียงและโดดเด่นเป็นที่ยอมรับในตำแหน่งสำคัญๆ ในคณะรัฐบาล อาทิ ฮิลลารี คลินตัน อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งในตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ และมีแนวโน้มว่าโอบามาจะเลือก พลเอกเจมส์ โจนส์ อดีตผู้บัญชาการนาโต้และหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯ เป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว
ตอนที่โอบามาชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 4 ที่ผ่านมา ไกธ์เนอร์และซัมเมอร์สถูกจับตาว่าเป็นตัวเก็งในตำแหน่งขุนคลัง
ไกธ์เนอร์ วัย 47 ปี ถูกมองว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงจากการดำรงตำแหน่งที่มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศในกระทรวงการคลังระหว่างทศวรรษ 1990 ขณะที่ซัมเมอร์ส นายของไกธ์เนอร์ในช่วงนั้น เป็นผู้สนับสนุนไกธ์เนอร์มาตลอด
โอบามาชั่งใจระหว่างตัวเลือกทั้งสองที่ทำงานใกล้ชิดกันแต่มีสไตล์การทำงานต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซัมเมอร์สนั้นโผงผาง ขณะที่ไกธ์เนอร์ควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าซึ่งคล้ายกับโอบามา และในที่สุดว่าที่ประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ ก็เลือกบุคคลทั้งคู่มาทำงาน
ผู้ช่วยของโอบามาพูดถึงไกธ์เนอร์ว่าเป็นคนที่เข้าใจความซับซ้อนของวิกฤตการเงินเป็นอย่างดี โดยไกธ์เนอร์จะทำหน้าที่เป็นโฆษกหลักของสหรัฐฯ ในเรื่องดอลลาร์ และเป็นทูตเศรษฐกิจที่ต้องทำงานใกล้ชิดกับจีนและมหาอำนาจเศรษฐกิจอื่นๆ
ภาระหน้าที่ของไกธ์เนอร์ยังรวมถึงการเข้าร่วมการหารือระดับโลกที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเพื่อหาวิธีฟื้นสถาบันการเงินและโครงสร้างกฎระเบียบของระบบเบรตตันวูดส์
ขณะเดียวกัน ผู้ช่วยของโอบามายกย่องว่าซัมเมอร์สเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลทางเศรษฐกิจที่สุดของสหรัฐฯ และมีความสำคัญต่อการประสานงานเพื่อตอบโต้วิกฤต
กระนั้น บทบาทของไกธ์เนอร์ในการช่วยจัดการวิกฤตการเงินในเฟดสาขานิวยอร์ก ก็มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย บางคนวิจารณ์การตัดสินใจอัดฉีดเงินเพื่อช่วยการเข้าซื้อ แบร์ สเติร์นส์ แอนด์ โค ขณะที่คนอื่นโจมตีเฟดและกระทรวงคลังที่ปล่อยให้เลห์แมน บราเธอร์สล้มละลายเมื่อกลางเดือนกันยายน
นักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่าวิกฤตการเงินจะไม่ลุกลามใหญ่โตเท่านี้หากเลห์แมนไม่ล้ม
ส่วนซัมเมอร์สที่เข้ารับตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดหลังออกจากกระทรวงคลัง เผชิญสถานการณ์ไม่ต่างกันนัก บางคนมองว่าสไตล์การบริหารของเขาหุนหันพลันแล่นเกินไป ซัมเมอร์สยังสร้างความไม่พอใจให้เจ้าหน้าที่หญิงของมหาวิทยาลัยจากการบอกว่า ผู้ชายอาจมีความสามารถโดยกำเนิดด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมมากกว่าผู้หญิง
กระนั้น หลายคนที่เคยทำงานกับเขาที่กระทรวงคลัง มองว่าซัมเมอร์สเป็นผู้นำที่มีความคิดริเริ่มและแนวทางสร้างสรรค์
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายโอนอำนาจการบริหารผู้หนึ่งเผยเมื่อวันเสาร์(22)ว่า โอบามามีแผนเสนอชื่อไกธ์เนอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขานิวยอร์ก และอดีตเจ้าหน้าที่ในคณะบริหารของบิลล์ คลินตัน เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และเสนอชื่อซัมเมอร์ส อดีตขุนคลังยุคคลินตันเช่นเดียวกัน เป็นผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของทำเนียบขาว
ซัมเมอร์ส วัย 53 ปี ที่ได้รับความไว้วางใจจากโอบามา จากการที่เขาให้คำแนะนำโอบามาในระหว่างการหาเสียงเกี่ยวกับการรับมือการล่มสลายทางการเงิน ทั้งนี้เมื่อดำรงตำแหน่งใหม่นี้แล้ว เขาจะมีบทบาทกว้างขวางในการกำหนดนโยบายและประสานงานกับที่ปรึกษาเศรษฐกิจคนอื่นๆ
ทั้งนี้ ซัมเมอร์ส กับ ไกธ์เนอร์ เคยทำงานร่วมกันใกล้ชิดมายาวนาน และได้รับการนับถือจากตลาดการเงิน มีรายงานว่าโอบามาจะแจ้งเรื่องการแต่งตั้ง 2 ขุนพลสำคัญทางเศรษฐกิจนี้ในแถลงข่าววันจันทร์ (24)
อนึ่ง หลังจากที่ข่าวไกธ์เนอร์จะขึ้นเป็นขุนคลังรั่วออกมาเมื่อวันศุกร์ (21) ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นกว่า 6% หลังจากดิ่งหนักมาเกือบตลอดสัปดาห์ที่แล้ว
การวางตัวครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่โอบามาประกาศแผนเชิงรุกสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสองปีเมื่อเช้าวันเสาร์ พร้อมเตือนว่าหากไม่มีการดำเนินมาตรการแก้ไขเร่งด่วน ก็อาจเกิดการปลดคนระลอกใหญ่และราคาสินค้าตกต่ำทั่วไป
โอบามาจากพรรคเดโมแครตที่จะเข้าสู่ทำเนียบขาวต่อจากจอร์จ ดับเบิลยู. บุชจากพรรครีพับลิกัน ในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า ไม่ได้ระบุมูลค่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยกล่าวว่าจะร่วมหารือรายละเอียดกับผู้ช่วยต่อไป
อย่างไรก็ดี ข้อเสนอตอนหาเสียงของเขาที่จะลดภาษีชนชั้นกลางและอัดฉีดโครงการสาธารณะอาจไม่ได้รับการสนับสนุนแม้แต่ในรัฐสภาที่เดโมแครตครองเสียงข้างมากอยู่ เนื่องจากจะทำให้รัฐบาลต้องกู้ยืมมากขึ้นขณะที่หนี้ภาครัฐสูงลิ่วอยู่แล้ว
การเลือกซัมเมอร์สและไกธ์เนอร์เป็นไปตามสูตรของโอบามาในการวางตัวบุคคลที่มีชื่อเสียงและโดดเด่นเป็นที่ยอมรับในตำแหน่งสำคัญๆ ในคณะรัฐบาล อาทิ ฮิลลารี คลินตัน อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งในตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ และมีแนวโน้มว่าโอบามาจะเลือก พลเอกเจมส์ โจนส์ อดีตผู้บัญชาการนาโต้และหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯ เป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว
ตอนที่โอบามาชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 4 ที่ผ่านมา ไกธ์เนอร์และซัมเมอร์สถูกจับตาว่าเป็นตัวเก็งในตำแหน่งขุนคลัง
ไกธ์เนอร์ วัย 47 ปี ถูกมองว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงจากการดำรงตำแหน่งที่มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศในกระทรวงการคลังระหว่างทศวรรษ 1990 ขณะที่ซัมเมอร์ส นายของไกธ์เนอร์ในช่วงนั้น เป็นผู้สนับสนุนไกธ์เนอร์มาตลอด
โอบามาชั่งใจระหว่างตัวเลือกทั้งสองที่ทำงานใกล้ชิดกันแต่มีสไตล์การทำงานต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซัมเมอร์สนั้นโผงผาง ขณะที่ไกธ์เนอร์ควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าซึ่งคล้ายกับโอบามา และในที่สุดว่าที่ประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ ก็เลือกบุคคลทั้งคู่มาทำงาน
ผู้ช่วยของโอบามาพูดถึงไกธ์เนอร์ว่าเป็นคนที่เข้าใจความซับซ้อนของวิกฤตการเงินเป็นอย่างดี โดยไกธ์เนอร์จะทำหน้าที่เป็นโฆษกหลักของสหรัฐฯ ในเรื่องดอลลาร์ และเป็นทูตเศรษฐกิจที่ต้องทำงานใกล้ชิดกับจีนและมหาอำนาจเศรษฐกิจอื่นๆ
ภาระหน้าที่ของไกธ์เนอร์ยังรวมถึงการเข้าร่วมการหารือระดับโลกที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเพื่อหาวิธีฟื้นสถาบันการเงินและโครงสร้างกฎระเบียบของระบบเบรตตันวูดส์
ขณะเดียวกัน ผู้ช่วยของโอบามายกย่องว่าซัมเมอร์สเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลทางเศรษฐกิจที่สุดของสหรัฐฯ และมีความสำคัญต่อการประสานงานเพื่อตอบโต้วิกฤต
กระนั้น บทบาทของไกธ์เนอร์ในการช่วยจัดการวิกฤตการเงินในเฟดสาขานิวยอร์ก ก็มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย บางคนวิจารณ์การตัดสินใจอัดฉีดเงินเพื่อช่วยการเข้าซื้อ แบร์ สเติร์นส์ แอนด์ โค ขณะที่คนอื่นโจมตีเฟดและกระทรวงคลังที่ปล่อยให้เลห์แมน บราเธอร์สล้มละลายเมื่อกลางเดือนกันยายน
นักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่าวิกฤตการเงินจะไม่ลุกลามใหญ่โตเท่านี้หากเลห์แมนไม่ล้ม
ส่วนซัมเมอร์สที่เข้ารับตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดหลังออกจากกระทรวงคลัง เผชิญสถานการณ์ไม่ต่างกันนัก บางคนมองว่าสไตล์การบริหารของเขาหุนหันพลันแล่นเกินไป ซัมเมอร์สยังสร้างความไม่พอใจให้เจ้าหน้าที่หญิงของมหาวิทยาลัยจากการบอกว่า ผู้ชายอาจมีความสามารถโดยกำเนิดด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมมากกว่าผู้หญิง
กระนั้น หลายคนที่เคยทำงานกับเขาที่กระทรวงคลัง มองว่าซัมเมอร์สเป็นผู้นำที่มีความคิดริเริ่มและแนวทางสร้างสรรค์
