xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรฯตจว.เคลื่อนทัพใหญ่ ประกาศชัด”ไม่ชนะไม่กลับบ้าน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูมิภาค-พันธมิตรฯจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศเคลื่อนทัพนับแสนเข้ากรุงเทพฯ ร่วมขับไล่รัฐบาล “สมชาย” และหยุดยั้งสภาทาสไข่แม้ว ลั่นทนไม่ได้กับการใช้ความรุนแรงคุกคามชีวิตผู้บริสุทธิ์ ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจน “ไม่ชนะ ไม่กลับบ้าน” ยันพร้อมเสริมทัพตลอดเวลาถ้ารัฐบาลใช้ความรุนแรง

หลังจากที่มีการประกาศชุมนุมใหญ่วันอาทิตย์ที่ 23 พ.ย.เพื่อต่อขับไล่รัฐบาลทรราช ซึ่งยังคงสืบอำนาจให้ระบอบทักษิณ พันธมิตรฯ จากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศก็ได้พร้อมใจกันเคลื่อนพลมาร่วมตัวกับพันธมิตรฯ ส่วนกลางที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง

**ภาคใต้ตอนล่างเคลื่อนทัพสมทบเพียบ
ที่ จ.สงขลา
ซึ่งมีการถ่ายทอดเวทีคู่ขนานกับส่วนกลางนานร่วม 6 เดือน นอกจากประชาชนส่วนหนึ่งจะปักหลักค้างแรมอยู่ในทำเนียบรัฐบาลเป็นจำนวนมากแล้ว ยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ทนไม่ได้ต่อการใช้ความรุนแรงคุกคามชีวิตผู้บริสุทธิ์และเตรียมตัวเดินทางร่วมไปสมทบหลายพันคน ซึ่งมาจากหลายกลุ่มทั้งที่ อ.หาดใหญ่, อ.เมืองสงขลา, อ.สะเดา และอำเภอรอบนอกรวมทั้งหมด 16 อำเภอ

การเดินทางครั้งนี้ แกนนำพันธมิตรสงขลาได้ดูแลและอำนวยความสะดวกในการเดินทางทั้งทางรถไฟเป็นหลัก หรือที่รู้จักว่า “รถไฟกู้ชาติ” ซึ่งได้รับการประสานงานกับพันธมิตรฯในจังหวัดอื่นๆร่วมขบวนตั้งแต่เริ่มต้นออกจากต้นทาง อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส, ยะลา, ปัตตานี, พัทลุง และนครศรีธรรมราช ทั้งขบวนรถไฟเร็วที่ 172 สุไหงโกลก-กรุงเทพฯ, ขบวนรถเร็วยะลา-กรุงเทพฯ ทุกวัน ซึ่งแต่ละวันจะมีพันธมิตรฯโดยสารขบวนรถไฟมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ หลายโบกี้ต่อเที่ยวในชั้น3 ที่เปิดให้บริการฟรีรวมแล้วนับพันๆ คนต่อวัน ยังไม่รวมพันธมิตรฯบางส่วนที่ใช้ทุนส่วนตัวซื้อที่นั่งโดยสารชั้น1 และชั้น2 เพื่อความสะดวกสบาย ก่อนที่จะรวมตัวกันปลายทาง

บรรยากาศในการเดินทางมีความคึกคักไม่แพ้ทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา ด้วยระยะเวลาเดินทางที่นานกว่าพาหนะอื่นราว 16 ชั่วโมง อีกทั้งมีพันธมิตรจากจังหวัดอื่นๆ ร่วมขบวนเป็นจำนวนมาก ทำให้ส่วนใหญ่จะมีความคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี และมีการติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง

สำหรับผู้ที่เดินทางร่วมชุมนุมในครั้งนี้มีความหลากหลายเช่นหลายครั้ง คือมีทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน ผู้ใหญ่ และวัยชรา ซึ่งจะรวมตัวกันระหว่างคู่สามี-ภรรยา ญาติภายในครอบครัว และเพื่อนฝูง โดยเตรียมความพร้อมทั้งร่างกาย จิตใจ และอุปกรณ์ที่ใช้ในการชุมนุมซึ่งนอกจากสัมภาระส่วนตัวแล้ว ขาดไม่ได้คือสัญลักษณ์พันธมิตรฯ ทั้งหมวก ผู้โพกศีรษะ เสื้อ มือตบ ธง ป้ายบอกภูมิลำเนา และป้ายขับไล่คณะรัฐบาล

นอกจากนี้แล้ว ยังได้รับการสนับสนุนเงินบริจาคและจัดหารถทัวร์อีกช่องทางหนึ่ง ซึ่งเปิดให้บริการสำหรับผู้ที่ไม่สามารถเดินทางขึ้นขบวนรถไฟได้ทัน ขณะที่กลุ่ม มอ.รักชาติ ประกอบทั้งบุคลากร อาจารย์ นักศึกษา และกลุ่มอื่นๆ ก็ได้รวมตัวครั้งละประมาณ 40-50 คนก็จะจัดหารถบัสโดยสารเฉพาะกลุ่มอีกหลายสิบคัน ยังไม่รวมการใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นพาหนะ และเดินทางโดยสารการบินหาดใหญ่-กรุงเทพฯ อีกด้วย

ส่วนที่ จ.ตรัง ซึ่งถือเป็นแฟนพันธุ์แท้ของพันธมิตรฯใต้ก็ไม่น้อยหน้า หลังจากที่ร่วมชุมนุมกดดัน นายสมพงษ์ อนุยุทธพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ที่มีคำสั่งห้ามประชาชนสวมเสื้อเหลือง หลังจากเพิ่งย้ายเข้ามารับตำแหน่งใหม่ได้เพียงเดือนเดียว ก็ ทำให้เพื่อนพันธมิตรฯในจังหวัดใกล้เคียง ทั้งสงขลา สตูล กระบี่ นครศรีธรรมราช พัทลุง และสตูลเป็นต้น ได้มาร่วมประท้วง เสมือนเป็นการอุ่นเครื่องและเช็คกำลังพลก่อนที่จะมีการประกาศชุมนุมใหญ่ ซึ่งการเช็คกำลังพลก่อนออกเดินทางจริง 1 วันในทุกอำเภอนั้นมีร่วม 3,000 คนที่จะใช้ขบวนม้าเหล็กเดินทางไปกรุงเทพฯ โดยนัดรวมพลที่บริเวณสะพานวังยาว ถนนรัษฎา เขตเทศบาลนครตรัง

จ.นครศรีธรรมราช แม้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ทั้ง 17 อำเภอจะประสบภัยน้ำท่วมในระยะนี้ ทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์ขาดความสะดวกปลอดภัยบ้างในบางพื้นที่ แต่ก็ยังมีเส้นทางรถไฟซึ่งจะสมทบกับพันธมิตรฯใน จ.อื่นๆ และเครื่องบินซึ่งสายการบินแอร์เอเชียเพิ่มเส้นทางบินนครศรีธรรมราช-กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) หมาดๆ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ระหว่างเวลา 20.05 - 21.20 น. ซึ่งเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 737 ในราคาเริ่มต้นที่ 750 บาท

ส่วนที่ จ.สตูล แม้ว่าการเดินทางจะไม่มีตัวเลือกมากนัก เนื่องจากไม่มีเส้นทางรถไฟและเส้นทางการบินผ่าน แต่ที่ผ่านมาก็การร่วมต่อสู้ขับไล่รัฐบาลก็ไม่เคยมีข้อจำกัด และสนับสนุนอาหารการกินให้กับการชุมนุมใน จ.สงขลา อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อมีแกนนำจากกรุงเทพฯ มาปราศรัยใน อ.หาดใหญ่ มักจะนำขนมจีนน้ำยาและอาหารอื่นๆ มาเลี้ยง โดยการเดินทางครั้งนี้ที่นอกจากจะจัดรถยนต์ รถบัสเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยตรงแล้ว ส่วนหนึ่งเดินทางรถยนต์มารวมตัวที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อร่วมขบวนรถไฟไปกับทัพกองทัพคนใต้กู้ชาติ

ทั้งนี้ จากการประมวลกำลังพลกองทัพคนใต้กู้ชาติของภาคใต้ตอนล่างที่ทยอยเดินทางไปกรุงเทพฯ 2 วันก่อนวันชุมนุมใหญ่จริงน่าจะมีกำลังพลไม่น้อยกว่า 50,000 คนอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันก็ยังมีพันธมิตรฯ ภาคใต้ตอนล่างอีกนับล้านคนที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งหากการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเพลี่ยงพล้ำถูกรัฐบาลใช้ความรุนแรงอีกครั้ง กำลังพลเหล่านี้ก็พร้อมที่จะเดินทางสับเปลี่ยนกำลังพลสมทบที่กรุงเทพฯ

รวมถึงยังมีกำลังอีกเหลือเฟือที่จะรวมตัวชุมนุมใหญ่ในพื้นที่ทำกิจกรรมทางการเมือง ในพื้นที่หนุนการชุมนุมใหญ่ เนื่องจากพี่น้องพันธมิตรฯ อีกจำนวนมากที่ยังไม่สามารถปลีกตัวร่วมชุมนุมได้ด้วยข้อจำกัดในการทำงาน แต่พบว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะมีการรับชมและฟังความเคลื่อนไหวการชุมนุมตลอดทั้งวัน และหากมีการส่งสัญญาณรวมพลคนใต้ ณ จังหวัดใดจังหวัดหนึ่งเพียงจุดเดียว เช่น จ.สงขลา ทัพกู้ชาติภาคใต้ตอนล่างก็จะใช้เวลาเดินทางรถยนต์อย่างมากที่สุด 2 ชั่วโมง จากเหนือสุดคือ จ.นครศรีธรรมราช หรือกว่า 3 ชั่วโมงจาก อ.เบตง จ.ยะลา สุดปลายด้ามขวานไทยเท่านั้น

**พันธมิตรใต้ตอนบนนับหมื่น
บุกกรุงร่วมชุมนุมต้านแก้ รธน.
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวในส่วนของเครือข่ายพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตยในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ตอนบน ว่า ในส่วนของเครือข่ายพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตยภูเก็ต ทั้งในส่วนของกลุ่มพันธมิตรฯ เมืองภูเก็ต กลุ่ม YOUNG PAD Phuket กู้ชาติ กลุ่มพันธมิตรฯสะปำ และกลุ่มอื่น ได้ทยอยเดินทางขึ้นไปรวมตัวกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย. จำนวน 8 คันรถบัส 1 คันรถตู้ ร่วม 500 คน

นอกจากนี้ ตลอดวานนี้ (23 พ.ย.) ยังมีประชาชนชาวภูเก็ต ที่สามารถลาหยุดงานได้ยังคงทยอยเดินทางขึ้นไปร่วมอย่างต่อเนื่อง ทั้งรถยนต์ส่วนตัว รถทัวร์โดยสารประจำทาง และทางสายการบินต่าง ๆ จำนวนมากเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งกำหนดเดินทางกลับ ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ เมืองภูเก็ต น.ส.อาภารัตน์ ชาติชุติกำจร กล่าวว่า ยังไม่ได้กำหนด เนื่องจากการรวมตัวครั้งนี้ เป็นการต่อสู้กอบกู้ชาติบ้านเมือง ครั้งสุดท้าย ถ้าไม่ชนะก็ไม่กลับอย่างเด็ดขาด

ส่วนความเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ พังงา มีการจัดรถเดินทางขึ้นไปร่วมชุมนุมที่ทำเนียบฯตั้งแต่เย็นวันที่ 22 พ.ย.เช่นเดียวกัน และยังคงมีกลุ่มประชาชนทยอยเดินทางขึ้นไปร่วมอย่างต่อเนื่อง ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว และรถทัวร์โดยสาร ทำให้ขณะนี้รถทัวร์โดยสารประจำทางสายต่าง ๆ เต็มเกือบทุกเที่ยว

เช่นเดียวกับกลุ่มพันธมิตรฯกระบี่ กว่า 400 คน นัดรวมตัวกันบริเวณหน้าเทศบาลเมืองกระบี่ เพื่อขึ้นรถบัส จำนวน 6 คัน เพื่อขึ้นไปกู้ชาติ และขับไล่รัฐบาลทรราช ซึ่งปรากฏว่า มีจำนวนผู้ที่ต้องการเดินทางมากกว่าจำนวนรถที่จัดไว้โดยวานนี้ (23 พ.ย.) เดินทางขึ้นไปร่วมสมทบกับพันธมิตรฯ ส่วนกลางอีก 1 คันรถบัส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนวัยสูงอายุ แต่ก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่ชนะไม่กลับบ้าน”

ขณะที่นายสุนทร รักรงค์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.ชุมพร เปิดเผยว่า ในส่วนของ จ.ชุมพร ขณะนี้มีพันธมิตรฯ ได้ทยอยเดินทางด้วยรถบัส รถตู้ รถไฟ และรถยนต์ส่วนตัว ไปสมทบกับกลุ่มพันธมิตรฯ ส่วนกลางที่ กทม. หลาย 1,000 คน แล้วและยังมีกลุ่มพันธมิตรฯ ในพื้นที่อีกจำนวนมาก ยังทยอยเดินทางไปสบทบอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีรถบัสรอรับผู้โดยสารกลุ่มพันธมิตรฯ อยู่ที่บริเวณสนามลานข้างสถานีรถไฟชุมพร มีรถออกทั้งกลางวัน และกลางคืน ไม่ต่ำกว่า 4–10 คัน

การเดินทางไปครั้งนี้ทุกคนต่างรู้ดีว่า เป็นการเดินทางเป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ เพื่อเผด็จศึกรัฐบาลนอมินีทรราช ทักษิณ เพื่อเอาประเทศไทยของเราคืนมาสู่การเมืองใหม่ ซึ่งรวมจำนวนเครือข่ายพันธมิตรฯ ภาคใต้ ที่เดินทางขึ้นไปครั้งนี้ร่วม 10,000 คน

**พธม.ย่าโม-ลูกอีสานเข้ากรุงไล่ทรราช
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พันธมิตรฯในพื้นที่ภาคอีสาน โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นเมืองหลัก เช่น ขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี ฯลฯมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯซึ่งต้องการเดินทางเข้าร่วมชุมนุมที่ทำเนียบฯคึกคักตลอดตั้งแต่วันศุกร์ที่ 21 พ.ย. จนกระทั่งถึงช่วงเช้าวานนี้ ( 23 พ.ย.) เช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆทั่วประเทศ โดยขณะนี้ ลูกอีสานนับหมื่นๆคน ได้ร่วมชุมนุมอยู่ที่ทำเนียบฯแล้ว

ที่ จังหวัดนครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า วานนี้(23 พ.ย.)ตลอดทั้งวัน ประชาชนเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.นครราชสีมา อำเภอต่างๆ ได้รวมตัวกันเดินทางด้วย รถโดยสารประจำทาง รถไฟ รถตู้ รถกระบะ และรถยนต์ส่วนตัว เข้าไปร่วมชุมนุมใหญ่กับพันธมิตรฯ ทั่วประเทศที่ทำเนียบฯ อย่างต่อเนื่อง หลังจากได้ทยอยเดินทางล่วงหน้าเข้ากรุงเทพฯ ไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.

โดยเฉพาะที่บริเวณหน้าร้านข้าวต้มนายตี๋ ใต้โรงแรมเมืองทอง ถ.ชุมพล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งองค์กรเครือข่ายพันธมิตรฯ ในจ.นครราชสีมา เช่น ภาคีมวลชนคนโคราชรักประชาธิปไตย และ สมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด ได้ร่วมกันจัดรถตู้ให้บริการรับส่งประชาชนเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ตลอด 24 ชั่วโมง ติดต่อกันเป็นวันที่ 2 แล้ว บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก ประชาชนเดินทางมารวมตัวขึ้นรถตู้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ อยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่เวลา 05.00 น. เป็นต้นมา

นายสุพจน์ พิริยะเกียรติสกุล ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรฯ จังหวัดนครราชสีมา และเจ้าของร้านข้าวต้มนายตี๋ เปิดเผยว่า ชาวนครราชสีมาได้ทยอยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อขับไล่รัฐบาลทรราชยกสุดท้ายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย. และวานนี้ (23 พ.ย.) มีประชาชนเดินทางไปร่วมชุมนุมหนาแน่นมากที่สุด ซึ่งได้เริ่มเดินทางตั้งแต่เวลา 05.00 น.เป็นต้นมา จนถึงขณะนี้รวมกว่า 2,000 คน แล้ว

นายสุพจน์ กล่าวอีกว่า จากการระดมมวลชนเข้าร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ ทุกครั้งที่ผ่านมาถือว่าครั้งนี้ ชาวโคราชตื่นตัวเข้าร่วมมากที่สุด และคาดว่าโดยรวมแล้วจะมีชาวโคราชทั้ง 32 อำเภอ ซึ่งกระจายกันเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว รถตู้ รถโดยสารประจำทางและรถไฟ เข้าไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ ที่กรุงเทพฯในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 10,000 คนอย่างแน่นอน เพราะถือว่าเป็นการต่อสู้ใหญ่ครั้งสุดท้ายที่ต้องขับไล่รัฐบาลทรราชและหยุดสภาฯทาสให้ได้ และชัยชนะต้องเป็นของประชาชน

ส่วนที่ จ.ขอนแก่น ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย. แม่ยกพ่อยกพันธมิตรฯขอนแก่นซึ่งมีทั้งพ่อค้าแม่ค้า นักธุรกิจ เจ้าของกิจการในอำเภอเมืองขอนแก่น และที่อำเภอพล อำเภอชุมแพ ได้ลงขันซื้อตั๋วรถทัวร์ ขอนแก่น-กทม. ผ่านศูนย์ข่าว ASTV รวม 5 – 6 คันรถบัส เพื่อบริการพันธมิตรฯที่จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ

โดยชาวขอนแก่นที่มีใจรักชาติ ต่างร่วมใจเป็นนักรบประชาชนขอนแก่นกู้ชาติ บอกเป็นสงครามครั้งสุดท้ายที่คนไทยจะออกมารักษาชาติของตนเองให้พ้นภัยความเลวทรามของระบบทุนสามานย์ และปกป้องรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของคนไทย จากการทำร้ายทำลายโดยระบอบทักษิณ โดยบอกว่าแม้จะต้องตายก็ไม่หวั่น เพราะตายเพื่อชาติก็ยอม

ด้านนายอภิชิต พันธ์ชัย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จังหวัดเลยกล่าวว่า การเดินทางไปครั้งนี้ พันธมิตรฯเลยได้มีการประชาสัมพันธ์ ออกตระเวนเปิดรับเงินบริจาคในเขตเทศบาลเมืองเลย และอำเภอรอบนอก เพื่อระดมพลคนเข้าทำเนียบ ต้านรัฐบาลฉ้อฉลที่รังแกประชาชน คนเลยถึงจะเป็นที่รักสงบ แต่งานนี้พันธมิตรรับไม่ได้จริงๆ มีการรังแกประชาชนทุกวัน แต่ไม่เคยจับใครได้ พันธมิตรเลยต้องเดินทางไปก่อนเนื่องจากระยะทางนั้นไกลมาก ถึงจะไกลแค่ไหนเราก็จะเดินทางไปร่วมในการสู้ครั้งนี้ให้ได้ ม้วนเดียวจบ

นายประวี มะลิวงศ์ แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า พันธมิตรฯกลุ่มแรกของจังหวัด กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เริ่มทยอยเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลเป็นระยะๆตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย. โดยกลุ่ม พธม.ชุดแรกเดินทางด้วยรถทัวร์ปรับอากาศวีไอพีแบบ 2 ชั้น จำนวน 2 คัน

การระดมกำลังครั้งนี้ พธม.อุบลราชธานี ทยอยเดินทางเข้ากรุงเทพฯเป็นระยะ และชุดสุดท้ายเดินทางเช้าวานนี้( 23 พ.ย.) นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกอีกบางส่วนใช้วิธีขับรถยนต์ส่วนตัว และนั่งเครื่องบินเข้าสู่กรุงเทพฯด้วย โดยมีพันธมิตรฯอุบลฯเข้าไปร่วมสมทบชุมนุมกับพันธมิตรฯ ที่เดินทางมาจากทุกภาคทั่วประเทศราว 500 คน

ด้านนายคราศรี ลอยทอง แกนนำพันธมิตรฯ จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ประชาชนชาวสุรินทร์ได้ทยอยเดินทางเข้าชุมนุมสมทบกับพันธมิตรฯ จากทั่วประเทศที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อขับไล่รัฐบาลทรราช และสภาฯทาสรับใช้ระบอบทักษิณ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันศุกร์ที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้รวมจำนวนแล้วมากกว่า 400 คน ซึ่งเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวและรถโดยสารประจำทาง และเย็นวานนี้ (23 พ.ย.) มีมวลชนพันธมิตรฯ กลุ่มใหญ่เดินทางเข้าไปสมทบเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 300 คน

**พันธมิตรฯเหนือเข้ากรุงไม่หยุด ร่วมไล่"รัฐบาลทาสนช.แม้ว"
ด้านกลุ่มพันธมิตรฯในพื้นที่ภาคเหนือ ปรากฏว่า ตั้งแต่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศ ชุมนุมครั้งสุดท้าย วันที่ 23 พ.ย. กลุ่มพันธมิตรฯในแต่ละจังหวัด ได้ประชุมและทยอยเดินทางเข้ามาสมทบการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อร่วมขับไล่รัฐบาลสมชาย ต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา จนกระทั่งถึงเช้าวันนี้( 24 พ.ย.)

การเดินทางของพันธมิตรฯภาคเหนือ ทั้งภาคเหนือตอนบนและตอนล่าง มีทั้งกลุ่มข้าราชการ นักธุรกิจและประชาชนทั่วไป ที่ต้องการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเห็นว่าการกระทำของระบอบทักษิณคุกคามต่อสถาบันโดยบางกลุ่มได้นัดหมายการเดินทางด้วยการเหมารถบัส บางกลุ่มได้เหมาะขบวนรถไฟมากถึง 3 โบกี้ เพื่อให้พี่น้องพันธมิตรฯได้ร่วมเดินทางไปแสดงพลังให้ได้มากที่สุด และบางคนก็เลือกเดินทางไปเอง

จากการสำรวจอย่างไม่เป็นทางการ พบว่า กลุ่มพันธมิตรฯภาคเหนือ เดินทางเข้าร่วมการชุมนุมครั้งนี้ ไม่น้อยกว่า 50,000 คน

นายสุวัฒน์ วัฒนศิริ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.กำแพงเพชร เปิดเผยว่า ตั้งแต่ 9 โมงของวันที่ 22 พ.ย. เครือข่ายพันธมิตรฯกำแพง เริ่มทยอยเดินทางเข้ากรุงเทพ เพื่อร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯส่วนกลางที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยแยกการเดินทางออกเป็น 4 สายหลัก1.การรวมตัวกันเดินทางด้วยรถบัส ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มพันธมิตรฯพ่อค้า แม่ค้า ที่มีอาชีพอิสระ ซึ่งลงขันกันเหมารถบัสแล้วไม่น้อยกว่า 10 คัน

2.พันธมิตรฯกลุ่มย่อย ที่จะรวมตัวกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ซึ่งกลุ่มนักธุรกิจในพื้นที่สนับสนุนค่าน้ำมันรถตู้แบบไม่จำกัดจำนวน หากมีคนเต็มก็จะออกเดินทางทันที 3.พันธมิตรฯในอำเภอต่าง ๆ ทั่วจังหวัด ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก กำลังเคลื่อนตัวเข้าไป ทุกช่องทาง และ 4.กลุ่มที่สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ก็จะกระจายกันเดินทางเข้าไปอย่างต่อเนื่อง

นายสุวัฒน์ ย้ำว่า เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นกับการชุมนุมของพี่น้องพันธมิตรฯ ส่วนกลาง หลายต่อหลายครั้ง ก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิต ทรัพย์สิน พี่น้อง พธม.จำนวนมาก รวมทั้งเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมานั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเข้าร่วมการชุมนุมของพี่น้องพันธมิตรฯกำแพงเพชร แต่กลับจะทำให้คนตัดสินใจเข้าร่วมการชุมนุมกันมากขึ้น เพราะรับไม่ได้ ทุนไม่ไหวกับการที่รัฐบาลใช้ความรุนแรงกับพี่น้องประชาชน ซึ่งการเดินทางเข้าร่วมชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ ทุกคนรับรู้หมดแล้วว่า ไม่จบไม่กลับ และต้องจบให้ได้ โดยพร้อมจะเคลื่อนไหวตามมติของ 5 แกนนำทุกอย่าง

นายยงยุทธ สายสูงเนิน แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จังหวัดพะเยาเปิดเผยว่า พธม.พะเยา ได้ทยอยเดินทางเข้ากรุงเทพฯโดยรถยนต์โดยสาร และรถยนต์ส่วนตัวตั้งแต่เมื่อเย็นวันที่ 22 พ.ย. เชื่อว่ามีไม่น้อยกว่า 200 คนแล้ว ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังคงมี พธม.หลายอำเภอของพะเยา ยังคงทยอยเดินทางเข้าร่วมชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง

นายทวี ทองถัน แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพิษณุโลก เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังคงมีการระดมพลเพื่อเข้าร่วมการชุมนุมใหญ่ อย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีความหวั่นเกรงใดๆ ทั้งสิ้น แม้จะมาความพยายามข่มขู่การชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่กรุงเทพฯ อยู่ตลอดเวลา โดยมีการจัดเตรียมรถบัสไว้รองรับจำนวนมาก

**พันธมิตรฯตะวันออกรวมพลังนับแสนหนุนชุมนุมใหญ่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เช้าวานนี้ (23 พ.ย. ) พันธมิตรฯทุกพื้นที่ในภาคตะวันออก ต่างทยอยเดินทางเข้าร่วมชุมนุมใหญ่ ที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อขับไล่รัฐบาล

นายสุทธิ อัฌชาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าวถึง การชุมนุมใหญ่วันที่ 23 พ.ย.ว่า คาดว่าจะมีประชาชนจากทุกพื้นที่ภาคตะวันออก เดินทางไปร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน เพราะถือว่าการชุมนุมในครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งสุดท้าย ที่ 5 แกนนำพันธมิตรฯส่วนกลางประกาศไว้ เนื่องจากที่ผ่านมาการชุมนุมเรียกร้องตลอดระยะเวลานานกว่า 6 เดือน ซึ่งก็ไม่ได้รับความสนใจจากรัฐบาลเลย ที่สำคัญยังมีเหตุการณ์รุนแรงจนทำให้กลุ่มพันธมิตรฯที่ไม่ร่วมชุมนุม ถูกรอบทำร้ายจนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ดังนั้นทาง 5 แกนนำจึงมีมติจะชุมนุมครั้งยิ่งใหญ่ดังกล่าว ทั้งนี้ ในทุกพื้นที่ของภาคตะวันออก ได้จัดเตรียมรถไว้คอยบริการพันธมิตรฯในทุกจังหวัดและประชาชนทั่วไป ที่จะเดินทางเข้าร่วมชุมนุมที่ทำเนียบฯ

สำหรับพื้นที่จังหวัดระยอง ได้ทยอยเดินทางเข้ากรุงเทพฯตั้งแต่เช้า ที่บริเวณหอนาฬิกา ส่วนอำเภอแกลงและใกล้เคียง สามารถขึ้นรถได้ที่บริเวณตลาดสามย่าน โดยมีรถไว้ให้บริการอย่างต่อเนื่อง

นายสุวิชาญ สุวรรณนาคะ ประธานแกนนำพันธมิตรจันทบุรีและตราด กล่าวว่า สำหรับจังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ได้มีการจัดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่อำเภอขลุง โดยมีแกนนำขึ้นเวทีปราศรัยหลายคน หลังจากปิดเวทีก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อขับไล่รัฐบาล ด้วยการจัดรถบัสจำนวน 20 คัน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่พี่น้อง โดยรถออกตั้ง ที่หน้าหอนาฬิกา ทุ่งนาเชย

ด้านนางรัตนา อ่องสมบัติ แกนนำพันธมิตรฯพัทยา-นาเกลือ กล่าวถึงกลุ่มพันธมิตร ฯพัทยา-นาเกลือ ส่วนใหญ่เดินทางเข้ามาที่ทำเนียบแล้ว และบางส่วนยังทยอยสมทบเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มพันธมิตรฯพัทยา-นาเกลือ ได้ออกรณรงค์ประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนพี่น้องทุกหมู่เหล่า ให้ไปร่วมชุมนุมให้มาก ๆ และอาจจะต้องยืดเยื้อไปถึงวันจันทร์ ก็เป็นไปได้ ดังนั้นขอให้ประชาชนที่จะเดินทางไปร่วมชุมนุมครั้งนี้ ให้เตรียมความพร้อม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและอุปสรรคในระหว่างร่วมชุมนุม

ทั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรฯภาคตะวันออก ที่เข้าร่วมขับไล่รัฐบาลสมชาย ขณะนี้คาดว่ามีมากนับแสนคน เพราะมีประชาชนและพันธมิตรฯเดินทางเข้ากรุงเทพฯไม่ขาดสาย
กำลังโหลดความคิดเห็น