xs
xsm
sm
md
lg

‘ชุมนุมหอค้าทั่วประเทศ’ ที่สงขลามีสิทธิ์ ‘แท้ง’ ก่อนคลอด ?!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดร.สุรชัย จิตภักดีบดินทร์
รายงาน
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่

แล้วการชุมนุมใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ของพี่น้องพันธมิตรฯจากทั่วประเทศ เพื่อเผด็จศึกหยุดยั้งอำนาจรัฐบาลทรราชฆาตกรหุ่นเชิดขายชาติ และหยุดสภาทาสระบอบทักษิณ ก็เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว

ส่งผลให้มีการคาดการณ์กันว่างานช้างระดับชาติของภาคใต้ส่งท้ายปีหนูไฟ “การสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 26” ที่กำลังจะมีขึ้นระหว่าง 28-30 พฤศจิกายน ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ (มอ.หาดใหญ่) ที่มีการประเมินว่า จะมีเงินสะพัดในพื้นที่นับร้อยล้านบาท จากการเข้าร่วมของผู้นำรัฐบาล ข้าราชการและองค์กรภาคเอกชน รวมถึงผู้คนจากภาคธุรกิจ การค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว ทั้งในและนอกประเทศกว่า 3 พันคนนั้น มีอันว่าน่าจะเกิดอาการ “แท้ง” ก่อนคลอดเพียงไม่กี่วันนี้แน่นอน

สิ้นเสียงระเบิดจากเครื่องยิง เอ็ม 79 ที่ทำเนียบรัฐบาล กลางกรุงเทพฯ ในเช้าตรู่วันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ส่งผลให้พี่น้องพันธมิตรฯต้องสูญเสียวีรบุรุษกู้ชาติเป็นคนที่ 3 และมีผู้บาดเจ็บอีกระนาว ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีหลายคนเป็นเหยื่อสังเวยความโหดเหี้ยม ทั้งสูญเสียดวงตา แขน ขา แม้กระทั่งชีวิต

ความสูญเสียและความเจ็บปวดที่ถูกผู้ไร้ซึ่งมนุษยธรรมยัดเยียดให้แก่ประชาชนที่มีเพียงมือเปล่า เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เหลืออดต่อรัฐบาลทรราชฆาตกรหุ่นเชิดชายชาติ ประกาศระดมมวลมหาประชาชนร่วมชุมนุมใหญ่ ณ ทำเนียบรัฐบาล เดิมพันภารกิจปกป้องประเทศเป็นครั้งสุดท้ายแบบม้วนเดียวจบในเวลา 14.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน นี้

การเคลื่อนตัวของพลังมวลชนในครั้งนี้สร้างแรงกดดันแก่ ดร.สุรชัย จิตภักดีบดินทร์ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลามิใช่น้อย เพราะในฐานะที่เป็นเจ้าภาพจัดงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 26 ระหว่างวันที่ 28-30 พฤศจิกายน 2551 เพื่อเป็นเกียรติภูมิแก่คนสงขลา กระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ที่นอกจากบรรจงรับหน้าเสื่อเตรียมการเป็นเจ้าภาพกว่า 2 ปี ยังทุ่มงบการจัดงานแล้วนับ 10 ล้านบาท

แถมยังเทียบเชิญคณะรัฐบาลทรราชกระหายเลือด ร่วมงานอันทรงเกียรติครั้งนี้ด้วย ทั้งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.อุตสาหกรรม พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย ยกเว้นนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ที่ตอบปฏิเสธไปแล้ว ให้มาเหยียบย่ำหัวใจอันเปี่ยมสำนึกแห่งจิตสาธารณะของพี่น้องชาวสงขลาที่อุทิศให้แก่ประเทศชาติถึงหัวบันไดบ้าน ซึ่งเป็นพลังสำคัญอันดับหนึ่งของภูมิภาคที่ต่อต้านระบอบทักษิณมาโดยตลอด

จะว่าไปแล้ว ตลอดเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั่งแท่นบริหารประเทศ นอกจากจะไม่ได้เอาความยุติธรรมบริหารชาติบ้านเมืองอย่างเท่าเทียมแล้ว ยังขีดเส้นช่วยเหลือเฉพาะฐานเสียงทางการเมืองของตนเองก่อน โดยภาคใต้แทบไม่เคยได้รับการเหลียวแลด้านการพัฒนา โดยเฉพาะโครงการลงทุนระดับเมกะโปรเจกต์ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกปล่อยให้ฝ่ายความมั่นคงดูแลและแก้ปัญหากันไปฝ่ายเดียว โดยรัฐบาลแทบไม่ทำอะไรทั้งสิ้น

แม้แต่ชาว จ.สงขลา เองก็ต้องเผชิญกับผลกระทบวิกฤตปัญหาไฟใต้ ทำให้เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวซบเซา หนำซ้ำยังประสบภัยน้ำท่วม ข้าราชการในพื้นที่และเอกชนก็ได้แต่เหยียบเก็บความทุกข์อันแสนสาหัสไว้ภายใน กัดฟันช่วยเหลือกันเอง โดยไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ต่างจากพื้นที่ฐานเสียงอื่นๆ ที่ความช่วยเหลือจะระดมทันที

เหตุการณ์กลับหนักข้อถึงขั้นเกิดเหตุระเบิดกลางเมืองหาดใหญ่เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2549 มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิตจำนวนมากทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็ไร้เงานายกรัฐมนตรีมาดูแล คงมีแต่พระบารมีพระบรมวงศานุวงศ์ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจในยามนั้น ฝ่ายทหารจึงตัดตอนความขัดแย้งแบ่งฝ่ายด้วยการก่อรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน ในปีเดียวกัน

2 ปีที่ พ.ต.ท.ทักษิณถูกเด็ดปีกเด็ดหาง ต้องระเหเร่ร่อนไปต่างประเทศ เป็นบทพิสูจน์แล้วว่า เขาไม่เคยที่จะล้างมือทางการเมืองดังที่ลมปากสร้างภาพ แต่กลับเดินหน้าท้าชนทุกรูปแบบที่จะปลดล็อกโซ่ตรวน และต้องการเงินที่โกงกินประเทศมาใช้ในชาตินี้ ด้วยพยายามปล้ำผีลุกปลุกผีนั่งส่งรัฐบาลนอมินีเข้ากุมบังเหียนประเทศ

กรณีรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ก็ได้แต่ซื้อเวลาการต่อสู้แลกกับความเสียหายของประเทศไทย จ้องแต่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะที่ต่อมารัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ประวัติศาสตร์การเมืองไทยก็ไม่อาจลืมวันนองเลือด 7 ตุลาคม2551 ซึ่งรัฐบาลสั่งตำรวจเข่นฆ่าประชาชนตั้งแต่เช้าจดค่ำ เพียงแค่ต้องการเปิดทางให้คณะรัฐบาลโจรได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยใช้อำนาจปู้ยี่ปู้ยำประเทศได้ตามอำเภอใจ

ณ วันนี้ ดร.สุรชัย คงจะรู้ดีว่าความขมขื่นที่จะต้องต้อนรับรัฐบาลทรราชฆาตกรหุ่นเชิดขายชาติทายาทระบอบทักษิณ มีมากน้อยเพียงใด บุคคลเหล่านี้คล้ายชนวนระเบิดที่มีอานุภาพทำร้ายร้ายแรงดีๆ นี่เอง โดยเสียงคำร้องขอของ ดร.สุรชัย ไม่อาจจะทัดทานได้ และจุดจบในครั้งนี้ก็ไม่ใช่พันธมิตรฯเองที่ก่อขึ้น แต่เป็นเพราะความดื้อด้านที่ไม่ฟังเสียงของชาวสงขลานั่นเอง

อีกทั้งบทละครฉากหนึ่งที่ร่างไว้ตอนจบว่า นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย จะยื่นหนังสือสมุดปกขาว ซึ่งสาระสำคัญหนึ่งในนั้นส่วนหนึ่งบรรจุโครงการเมกะโปรเจกต์พัฒนาภาคใต้ รวมทั้งโครงการแลนด์บริดจ์สงขลา-สตูลให้กับนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ใช่สูตรความสำเร็จที่มีภาพจบอันสวยงามของเวทีนี้

เนื่องเพราะรัฐบาลทาสระบอบทักษิณ ก็ไม่เคยแม้แต่จะไยดีต่อฐานเสียงของพรรคการเมืองอื่นเช่นกัน หรือหากจะมีโครงการต่างๆ เกิดขึ้นบ้างแล้วก็จะถูกสูบเลือดสูบเนื้อ ดีมิดีทรัพยากรของภาคใต้จะถูกแล่เนื้อเถือหนังให้ต่างชาติรุมทึ้ง ถึงวันนั้นไม่ว่าจะเป็นคนสงขลาหรือคนภาคใต้เองจะเหลือเพียงกระดูกไว้แขวนคอ

กว่าจะถึงวันสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 26 เพียงสัปดาห์เดียว การขับเคี่ยวของคลื่นมวลมหาประชาชนที่เคลื่อนต่อต้านรัฐบาลทรราชในกรุงเทพฯ จะคงมีอย่างเข้มข้นกว่าละครในภูธรเสียอีก อย่างน้อยที่สุดการต่อสู้ของประชาชนในครั้งนี้คงจะไม่มีใครทนนิ่งดูดายให้ผู้บริสุทธิ์กลายเป็นเป้านิ่งถูกทำร้ายและเสียชีวิตเป็นศพต่อๆ ไปได้อย่างแน่นอน แต่หากฝ่ายประชาชนสามารถก้าวข้ามสู่การเมืองใหม่ได้ รัฐบาลที่เสื่อมความชอบธรรมทั้งปวงจะไม่สามารถดื้อด้านหาความชอบธรรมอยู่ต่อได้

ถึงคราวที่ผู้จัดงานประชุมหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 26 โดยเฉพาะ ดร.สุรชัย คงต้องถามใจตัวเองให้ดังๆ แล้วว่า จะคลี่คลายปมนี้อย่างไร และควรจะฟังเสียงชาวสงขลาจริงๆ เสียทีแล้วหรือไม่ หรือจะเดินหน้าผลักดันให้ขับเคลื่อนไปตามบทบาทที่วาดฝันไว้ เพราะการที่คณะรัฐบาลจะเดินทางมาร่วมงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศในภาวะที่ประชาชนถูกทำร้ายและฆ่าทีละคนนั้น เป็นที่ประเมินได้แน่นอนแล้วว่า อะไรจะเกิดขึ้นตามมา

จากการประเมินของหลายฝ่ายมีความเห็นสอดรับกันว่า การจัดงานช้างของหอการค้าจังหวัดสงขลาในครั้งนี้มีอันจะต้องแท้งอย่างแน่นอน ด้วยเหตุผล 3 ประการ กล่าวคือ

ประการแรก หากการต่อสู้ของพี่น้องพันธมิตรฯเป็นฝ่ายกำชัย ก็จะเกิดสุญญากาศทางการเมือง รัฐบาลจะต้องล้มลงไป ไม่มีนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง มาร่วมเป็นเกียรติในงานตามที่ภาคเอกชนวางไว้เป็นเป้าประสงค์หลัก แล้วอย่างนี้งานนี้จะเดินหน้าไปได้อย่างไร

ประการที่สอง แม้รัฐบาลทรราชฆาตกรหุ่นเชิดขายชาติและสภาทาสระบอบทักษิณได้รับชัยชนะ แต่จะเชื่อได้อย่างไรว่า ผู้บริหารในคณะรัฐบาล โดยเฉพาะ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ และ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก คนเหล่านี้จะกล้าเดินทางมาร่วมงาน ณ ฐานที่มั่นใหญ่ในต่างจังหวัดของพี่น้องพันธมิตรฯทั้งประเทศละหรือ ซึ่งเป็นเรื่องที่แทบไม่น่าจะเป็นไปได้

ประการที่สาม สถานการณ์นำไปสู่การเกิดการปฏิวัติรัฐประหารโดยคณะทหาร เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ก็เป็นที่แน่นอนการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศครั้งนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะแค่การชุมนุมเกิน 5 คนก็เป็นความผิดแล้ว

ก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า การสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ณ จ.สงขลา ครั้งนี้จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น