วานนี้ถือเป็นวันสิ้นสุดของการจัดงานพระราชพิธีพระศพ พิธีเริ่มในช่วงเย็นเมื่อในหลวง-พระราชินี เสด็จประกอบพระราชพิธีบรรจุพระสรีรางคาร สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ลงถ้ำศิลา ณ สุสานหลวง วัดราชบพิธฯ เพื่อให้ประทับเคียงข้างพระชนก-ชนนีดังที่พระองค์เคยมีพระดำริว่า “ฉันจะอยู่ข้างแม่” พร้อมกันนี้สมเด็จพระบรมฯ-สมเด็จพระเทพฯ ทรงร่วมแห่ริ้วขบวนที่ 6 เพื่อเชิญพระสรีรางคารไปยังวัดราชบพิธฯ ขณะที่ วธ.จัดประกวดภาพพระเมรุฯ ชิงเงินรางวัลกว่า 10,000 บาท
“พระบรมฯ-พระเทพฯ” ทรงเชิญพระสรีรางคาร
วานนี้ (19 พ.ย.51)เวลา 16.19 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในพระราชพิธีเชิญพระสรีรางคารจากพระศรีรัตเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยรถยนต์พระที่นั่งไปบรรจุพระอังคาร ณ อนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาถึงยังพระบรมมหาราชวัง เจ้าพนักงานภูษามาลาได้เชิญพระผอบพระสรีรางคารขึ้นรถยนต์พระที่นั่งที่ประตูเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และตั้งขบวนเตรียมไว้เพื่อเคลื่อนริ้วขบวนที่ 6
จากนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งเข้าริ้วขบวนพระสรีรางคารออกจากพระบรมมหาราชวัง
เวลา 16.31น. เมื่อรถยนต์พระที่นั่งถึงวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามแล้ว เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระผอบพระสรีรางคารเข้าสู่พระอุโบสถไปประดิษฐานที่โต๊ะหมู่ข้างพระพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรสปฏิมากรสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินตามเข้าพระอุโบสถถวายสักการะในพระอุโบสถ
ต่อมาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธอังคีรสซึ่งเป็นพระประธานของพระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 7 พระราชสรีรางคารของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 และพระสรีรางคารสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ และเสด็จฯทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก
จากนั้นทรงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระผอบพระสรีรางคารสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ไปยังอนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินตาม
ในหลวง-ราชินี เสด็จบรรจุพระสรีรางคาร
จนเมื่อเวลา 17.03น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต มายังสุสานหลวงวัดราชบพิธฯ เพื่อประกอบพระราชพิธีเชิญพระสรีรางคาร สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ บรรจุลงในถ้ำศิลา ณ.อนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา
โดยมีสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และร.อ.จิทัศ ศรสงคราม พระนัดดาในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เฝ้ารับเสด็จ
เมื่อรถยนต์พระที่นั่งเทียบที่ประตูสุสานหลวงด้านถนนอัษฎางค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเชิญพระสรีรางคารลงในถ้ำแล้วทรงปิดฝาถ้ำศิลา และเลื่อนเชิญเข้าสู่ที่บรรจุ ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร ปี่ กลองชนะ ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงมหาชัย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงวางพวงมาลาหน้าที่บรรจุพระสรีรางคาร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะทรงกราบ
จากนั้นในเวลา 17.16น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จไปประทับยังรถยนต์พระที่นั่งที่ประตูสุสานหลวง (ด้านถนนอัษฎางค์) วัดราชบพิธฯ เพื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับ
“ฉันจะอยู่ข้างแม่”
ท่านเจ้าคุณพระครูธรรมวรเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ซึ่งดูแลสุสานหลวงได้เปิดเผยว่าทุกปีสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ครั้งที่ทรงมีพระชนชีพอยู่นั้นพระองค์จะเสด็จมาที่วัดแห่งนี้ปีละ 2 ครั้ง คือ วันคล้ายวันพระราชสมภพของรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 8 และจะเสด็จมาอีกครั้งในวันที่ 21 ตุลาคม ของทุกปีเพื่อมาบำเพ็ญพระกุศลถวายเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
แต่เดิมนั้นสุสสานหลวงแห่งนี้อยู่ในสภาพทรุดโทรมมาก และก่อนหน้าที่สมเด็จย่าจะสิ้นพระชนม์ 3 ปีสมเด็จพระพี่นางฯ เสด็จมาที่สุสานหลวงแห่งนี้ พระองค์ทรงมีรับสั่งให้บูรณะสุสานให้สะอาดขึ้น โดยพระองค์ทรงรับเป็นองค์ประธานในการดูแล และทรงทำกองทุน “จุฬาลงกรณ์สันตติวงศ์” เพื่อหาเงินรายได้มาบูรณะสุสานให้เป็นระเบียบขึ้น
ท่านเจ้าคุณเล่าต่อว่า หลังจากที่มีพระราชพิธีบรรจุพระสรีรางคารของสมเด็จย่าฯ ไว้ที่พระสุสานเรียบร้อยแล้ว สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ได้เสด็จมาที่สุสานแห่งนี้อีกครั้งและทรงมีพระดำริกับท่านเจ้าคุณว่า “ฉันจะอยู่ข้างแม่”
สุสานหลวงที่ประทับตลอดกาล
สำหรับที่มาของสุสานหลวงวัดราชบพิธนั้นรัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง “สุสานหลวง” ด้วยมีพระราชประสงค์จะให้ผู้ที่มีความรักใคร่ห่วงใยอย่างใกล้ชิด คือ พระมเหสี เจ้าจอมมารดา และพระราชโอรส พระราชธิดา ได้อยู่ร่วมกัน หลังจากที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ในทั่วไปจะเป็นการสร้างอนุสาวรีย์ของพระมเหสี หรือเจ้าจอมมารดา เพื่อให้ลูกได้อยู่กับแม่ หรืออย่างน้อยในบ้านของแม่ เว้นแต่ในกรณีพระราชโอรสหรือพระราชธิดาสิ้นพระชนม์ก่อนพระมารดา ก็สร้างอนุสาวรีย์ของพระเจ้าลูกเธอพระองค์นั้นไปก่อน
โดยสุสานหลวงแห่งนี้ตั้งอยู่ทิศตะวันตกของวัดติดกับถนนอัษฎางค์ ริมคลองคูเมืองเดิม แต่เดิมมีอาณาบริเวณกว้าง 4 ไร่กว่า ต่อมาในสมัยการเปลี่ยนแปลงการปกครองทางผู้สำเร็จราชการและทางกทม.ได้ตัดถนนอัษฎางค์ซึ่งกินพื้นที่สุสานหลวงไปบางส่วน จนปัจจุบันสุสานหลวงเหลือพื้นที่เพียง 2 ไร่ครึ่งเท่านั้น
และจากนี้ไปดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางฯ จะได้ทรงพักผ่อนและประทับอยู่เคียงข้างสมเด็จย่าอย่างอบอุ่นตามพระราชประสงค์ของพระองค์ และยามใดที่ประชาชนคนไทยคิดถึงพระองค์ก็สามารถไปสักการะได้ที่ “สุสานหลวง” วัดราชบพิธฯ ทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00 – 18.00 น.
วธ.ชวน ปชช.ประกวดภาพพระเมรุฯ
ที่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวานนี้มีงานแถลงข่าวการจัดประกวดภาพถ่ายพระเมรุ งานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมและกรมประชาสัมพันธ์ได้ร่วมกันจัดประกวดภาพถ่ายในงานพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ในหัวข้อ “แสงแห่งรุ้ง สถิตในดวงใจนิรันดร์” เพื่อทำการรวบรวมภาพถ่ายของประชาชน นักท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในระหว่างวันที่ 14-19 พ.ย.ที่มีพระราชพิธีสำคัญทั่วประเทศ ทั้งในบริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง และในต่างจังหวัดที่มีการจัดงาน
ทั้งนี้ การประกวดภาพแห่งความทรงจำและบันทึกประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ มีกรอบเนื้อหาเกี่ยวกับงานพระราชพิธี ซึ่งประกอบด้วย พระเมรุและอาคารประกอบ ราชรถ ราชยาน และพระยานมาศ ริ้วขบวนต่างๆ ที่สะท้อนถึงพระกรุณาธิคุณในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ โดยจัดแบ่งการประกวดเป็น 4 กลุ่มคือ สื่อมวลชน ประชาชนทั่วไป เยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี และชาวต่างชาติที่เป็นนักท่องเที่ยวหรือที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย หนึ่งคนสามารถส่งได้ไม่เกิน 6 ภาพ ขนาด 8x10 นิ้ว โดยส่งผลงานภายในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ที่กระทรวงวัฒนธรรม กลุ่มประชาสัมพันธ์ หรือ www.m-culture.go.th
ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมกล่าวต่อว่า เมื่อหมดเขตส่งผลงานจะมีการคัดภาพถ่ายทั้งสิ้น 84 ภาพ เพื่อจัดทำนิทรรศการทั้งทั่วประเทศ โดยคาดว่าจะจัดในต่างประเทศด้วย อาทิ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯเคยพำนัก หรือประเทศฝรั่งเศสที่พระองค์มีความสัมพันธ์อันดีด้วย อย่างไรก็ตามยังไม่ได้กำหนดประเทศที่แน่นอน
อย่างไรก็ตาม นอกจากได้รับคัดเลือกให้จัดนิทรรศการแล้วการประกวดภาพถ่ายในทุกประเภทจะมีรางวัลพร้อมของรางวัล ใบประกาศเกียรติคุณ และโล่รางวัลกระทรวงวัฒนธรรม ประกอบด้วย รางวัลที่หนึ่ง 10,000 บาท รางวัลที่สอง 7,000 บาท รางวัลที่สาม 5,000 บาท และรางวัลเกียรติยศประเภทละ 18 รางวัล
นายวีระ กล่าวต่อว่า ในนิทรรศการการประกวดภาพถ่าย นอกจากจะมีผลงานของประชาชนและสื่อมวลชน กระทรวงวัฒนธรรม หน่วยราชการต่างๆ ได้ร่วมมือกับสมาคมถ่ายภาพซึ่งทำหน้าที่บันทึกภาพที่ใช้ในจดหมายเหตุแห่งชาติของมืออาชีพจำนวน 84 ภาพจะร่วมจัดในงานนี้ด้วย โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะจัดทำหนังสือรวบรวมภาพทั้งหมดในเดือนมกราคม 2552 นี้ ซึ่งจะจัดพิมพ์เล่มใหญ่ 10,000 เล่มเพื่อแจกจ่ายให้หอสมุดทั่วประเทศ และ 1 แสนเล่มเล็กสำหรับประชาชนทั่วไป
“พระบรมฯ-พระเทพฯ” ทรงเชิญพระสรีรางคาร
วานนี้ (19 พ.ย.51)เวลา 16.19 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในพระราชพิธีเชิญพระสรีรางคารจากพระศรีรัตเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยรถยนต์พระที่นั่งไปบรรจุพระอังคาร ณ อนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาถึงยังพระบรมมหาราชวัง เจ้าพนักงานภูษามาลาได้เชิญพระผอบพระสรีรางคารขึ้นรถยนต์พระที่นั่งที่ประตูเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และตั้งขบวนเตรียมไว้เพื่อเคลื่อนริ้วขบวนที่ 6
จากนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งเข้าริ้วขบวนพระสรีรางคารออกจากพระบรมมหาราชวัง
เวลา 16.31น. เมื่อรถยนต์พระที่นั่งถึงวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามแล้ว เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระผอบพระสรีรางคารเข้าสู่พระอุโบสถไปประดิษฐานที่โต๊ะหมู่ข้างพระพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรสปฏิมากรสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินตามเข้าพระอุโบสถถวายสักการะในพระอุโบสถ
ต่อมาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธอังคีรสซึ่งเป็นพระประธานของพระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 7 พระราชสรีรางคารของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 และพระสรีรางคารสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ และเสด็จฯทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก
จากนั้นทรงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระผอบพระสรีรางคารสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ไปยังอนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินตาม
ในหลวง-ราชินี เสด็จบรรจุพระสรีรางคาร
จนเมื่อเวลา 17.03น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต มายังสุสานหลวงวัดราชบพิธฯ เพื่อประกอบพระราชพิธีเชิญพระสรีรางคาร สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ บรรจุลงในถ้ำศิลา ณ.อนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา
โดยมีสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และร.อ.จิทัศ ศรสงคราม พระนัดดาในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เฝ้ารับเสด็จ
เมื่อรถยนต์พระที่นั่งเทียบที่ประตูสุสานหลวงด้านถนนอัษฎางค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเชิญพระสรีรางคารลงในถ้ำแล้วทรงปิดฝาถ้ำศิลา และเลื่อนเชิญเข้าสู่ที่บรรจุ ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร ปี่ กลองชนะ ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงมหาชัย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงวางพวงมาลาหน้าที่บรรจุพระสรีรางคาร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะทรงกราบ
จากนั้นในเวลา 17.16น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จไปประทับยังรถยนต์พระที่นั่งที่ประตูสุสานหลวง (ด้านถนนอัษฎางค์) วัดราชบพิธฯ เพื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับ
“ฉันจะอยู่ข้างแม่”
ท่านเจ้าคุณพระครูธรรมวรเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ซึ่งดูแลสุสานหลวงได้เปิดเผยว่าทุกปีสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ครั้งที่ทรงมีพระชนชีพอยู่นั้นพระองค์จะเสด็จมาที่วัดแห่งนี้ปีละ 2 ครั้ง คือ วันคล้ายวันพระราชสมภพของรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 8 และจะเสด็จมาอีกครั้งในวันที่ 21 ตุลาคม ของทุกปีเพื่อมาบำเพ็ญพระกุศลถวายเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
แต่เดิมนั้นสุสสานหลวงแห่งนี้อยู่ในสภาพทรุดโทรมมาก และก่อนหน้าที่สมเด็จย่าจะสิ้นพระชนม์ 3 ปีสมเด็จพระพี่นางฯ เสด็จมาที่สุสานหลวงแห่งนี้ พระองค์ทรงมีรับสั่งให้บูรณะสุสานให้สะอาดขึ้น โดยพระองค์ทรงรับเป็นองค์ประธานในการดูแล และทรงทำกองทุน “จุฬาลงกรณ์สันตติวงศ์” เพื่อหาเงินรายได้มาบูรณะสุสานให้เป็นระเบียบขึ้น
ท่านเจ้าคุณเล่าต่อว่า หลังจากที่มีพระราชพิธีบรรจุพระสรีรางคารของสมเด็จย่าฯ ไว้ที่พระสุสานเรียบร้อยแล้ว สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ได้เสด็จมาที่สุสานแห่งนี้อีกครั้งและทรงมีพระดำริกับท่านเจ้าคุณว่า “ฉันจะอยู่ข้างแม่”
สุสานหลวงที่ประทับตลอดกาล
สำหรับที่มาของสุสานหลวงวัดราชบพิธนั้นรัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง “สุสานหลวง” ด้วยมีพระราชประสงค์จะให้ผู้ที่มีความรักใคร่ห่วงใยอย่างใกล้ชิด คือ พระมเหสี เจ้าจอมมารดา และพระราชโอรส พระราชธิดา ได้อยู่ร่วมกัน หลังจากที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ในทั่วไปจะเป็นการสร้างอนุสาวรีย์ของพระมเหสี หรือเจ้าจอมมารดา เพื่อให้ลูกได้อยู่กับแม่ หรืออย่างน้อยในบ้านของแม่ เว้นแต่ในกรณีพระราชโอรสหรือพระราชธิดาสิ้นพระชนม์ก่อนพระมารดา ก็สร้างอนุสาวรีย์ของพระเจ้าลูกเธอพระองค์นั้นไปก่อน
โดยสุสานหลวงแห่งนี้ตั้งอยู่ทิศตะวันตกของวัดติดกับถนนอัษฎางค์ ริมคลองคูเมืองเดิม แต่เดิมมีอาณาบริเวณกว้าง 4 ไร่กว่า ต่อมาในสมัยการเปลี่ยนแปลงการปกครองทางผู้สำเร็จราชการและทางกทม.ได้ตัดถนนอัษฎางค์ซึ่งกินพื้นที่สุสานหลวงไปบางส่วน จนปัจจุบันสุสานหลวงเหลือพื้นที่เพียง 2 ไร่ครึ่งเท่านั้น
และจากนี้ไปดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางฯ จะได้ทรงพักผ่อนและประทับอยู่เคียงข้างสมเด็จย่าอย่างอบอุ่นตามพระราชประสงค์ของพระองค์ และยามใดที่ประชาชนคนไทยคิดถึงพระองค์ก็สามารถไปสักการะได้ที่ “สุสานหลวง” วัดราชบพิธฯ ทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00 – 18.00 น.
วธ.ชวน ปชช.ประกวดภาพพระเมรุฯ
ที่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวานนี้มีงานแถลงข่าวการจัดประกวดภาพถ่ายพระเมรุ งานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมและกรมประชาสัมพันธ์ได้ร่วมกันจัดประกวดภาพถ่ายในงานพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ในหัวข้อ “แสงแห่งรุ้ง สถิตในดวงใจนิรันดร์” เพื่อทำการรวบรวมภาพถ่ายของประชาชน นักท่องเที่ยวและสื่อมวลชนในระหว่างวันที่ 14-19 พ.ย.ที่มีพระราชพิธีสำคัญทั่วประเทศ ทั้งในบริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง และในต่างจังหวัดที่มีการจัดงาน
ทั้งนี้ การประกวดภาพแห่งความทรงจำและบันทึกประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ มีกรอบเนื้อหาเกี่ยวกับงานพระราชพิธี ซึ่งประกอบด้วย พระเมรุและอาคารประกอบ ราชรถ ราชยาน และพระยานมาศ ริ้วขบวนต่างๆ ที่สะท้อนถึงพระกรุณาธิคุณในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ โดยจัดแบ่งการประกวดเป็น 4 กลุ่มคือ สื่อมวลชน ประชาชนทั่วไป เยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี และชาวต่างชาติที่เป็นนักท่องเที่ยวหรือที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย หนึ่งคนสามารถส่งได้ไม่เกิน 6 ภาพ ขนาด 8x10 นิ้ว โดยส่งผลงานภายในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ที่กระทรวงวัฒนธรรม กลุ่มประชาสัมพันธ์ หรือ www.m-culture.go.th
ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมกล่าวต่อว่า เมื่อหมดเขตส่งผลงานจะมีการคัดภาพถ่ายทั้งสิ้น 84 ภาพ เพื่อจัดทำนิทรรศการทั้งทั่วประเทศ โดยคาดว่าจะจัดในต่างประเทศด้วย อาทิ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯเคยพำนัก หรือประเทศฝรั่งเศสที่พระองค์มีความสัมพันธ์อันดีด้วย อย่างไรก็ตามยังไม่ได้กำหนดประเทศที่แน่นอน
อย่างไรก็ตาม นอกจากได้รับคัดเลือกให้จัดนิทรรศการแล้วการประกวดภาพถ่ายในทุกประเภทจะมีรางวัลพร้อมของรางวัล ใบประกาศเกียรติคุณ และโล่รางวัลกระทรวงวัฒนธรรม ประกอบด้วย รางวัลที่หนึ่ง 10,000 บาท รางวัลที่สอง 7,000 บาท รางวัลที่สาม 5,000 บาท และรางวัลเกียรติยศประเภทละ 18 รางวัล
นายวีระ กล่าวต่อว่า ในนิทรรศการการประกวดภาพถ่าย นอกจากจะมีผลงานของประชาชนและสื่อมวลชน กระทรวงวัฒนธรรม หน่วยราชการต่างๆ ได้ร่วมมือกับสมาคมถ่ายภาพซึ่งทำหน้าที่บันทึกภาพที่ใช้ในจดหมายเหตุแห่งชาติของมืออาชีพจำนวน 84 ภาพจะร่วมจัดในงานนี้ด้วย โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะจัดทำหนังสือรวบรวมภาพทั้งหมดในเดือนมกราคม 2552 นี้ ซึ่งจะจัดพิมพ์เล่มใหญ่ 10,000 เล่มเพื่อแจกจ่ายให้หอสมุดทั่วประเทศ และ 1 แสนเล่มเล็กสำหรับประชาชนทั่วไป