สำนักงานการประปาเขต 1 ชลบุรี เร่งแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่จังหวัดชลบุรี หลัง ครม.มีมติเห็นชอบ 3 โครงการใหญ่ โดยใช้งบกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้ผู้รับเหมาแล้ว และพร้อมดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 1 ปี ครึ่ง คาดว่าในช่วงปี 2552-53 ปัญหาขาดแคลนจะหมดไป
นายวิชัย พุ่มเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานประปาเขต 1 ชลบุรี เผยถึงการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในภาคตะวันออก โดยเฉพาะจังหวัดชลบุรีนั้น ขณะนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่ประปาส่วนภูมิภาคเสนอ ให้ดำเนินการแก้ไขแล้ว ด้วยงบประมาณจำนวน 2.2 พันล้านบาทเศษ ประกอบด้วย 1.โครงการปรับปรุงขยายระบบประปา จ.ชลบุรี งบประมาณ 900 ล้านบาทเศษ 2.โครงการปรับปรุงขยายระบบประปา เมืองพัทยา งบประมาณ 803 ล้านบาทเศษ และ 3.โครงการปรับปรุงขยายระบบประปา ท่าเรือแหลมฉบัง งบประมาณ 100 ล้านบาทเศษ โดยทั้ง 3 โครงการนั้น ทางการประปาส่วนภูมิภาคจะรับภาระหนี้เงินกู้เองทั้งหมด
ขณะนี้โครงการได้รับความเห็นชอบจาก ครม.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้การประปาส่วนภูมิภาคก็พร้อมดำเนินการได้ทันที เนื่องจากได้จัดหาผู้รับเหมาเป็นที่เรียบร้อย โดยใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 1 ปี ครึ่ง โครงการจะแล้วเสร็จตามเป้าหมายที่วางไว้เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย เพราะในช่วงปี 2548 ที่ผ่านมาประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง จึงต้องวางแผนงานดังกล่าวไว้รองรับ
นายวิชัย กล่าวต่อไปว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะเขตพื้นที่อำเภอเมืองชลบุรี เมืองพัทยา และบริเวณนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ซึ่งยังมีปัญหาน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการ เนื่องจากระบบท่อส่งน้ำประปามีขนาดเล็ก ซึ่งต้องการการขยายขนาดท่อให้ใหญ่ขึ้น นอกจากนั้นบางพื้นที่ยังไม่มีท่อประปา ก็จะวางท่อขึ้นใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้น้ำสามารถใช้น้ำได้อย่างทั่วถึง ที่สำคัญจะต้องสร้างโรงกรองน้ำเพื่อเพิ่มแรงดันน้ำให้แรงขึ้น
“ปัญหาระบบประปา เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ในช่วงปี 2552-2553 แต่เป็นห่วงน้ำต้นทุนหรือน้ำดิบ ที่นำมาใช้ในกระบวนการผลิตน้ำประปา เนื่องจากอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ หรือมีแล้วไม่มีน้ำไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำ ทำให้ปริมาณน้ำดิบไม่เพียงพอ แต่อย่างไรก็ตาม การประปาได้วางแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อไม่ให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น” นายวิชัย กล่าว
นายวิชัย กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้การประปาจังหวัดชลบุรีได้วางโครงข่ายระบบท่อประปาเชื่อมต่อให้ครอบคลุมกับโรงกรองทุกๆพื้นที่ เพื่อลดปัญหาขาดแคลนน้ำ ซึ่งหากพื้นที่จุดใดขาดน้ำประปา ก็สามารถดึงน้ำอีกจุดไปช่วยเสริมได้ โดยประชาชนจะไม่ได้รับความเดือดร้อน
นายวิชัย พุ่มเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานประปาเขต 1 ชลบุรี เผยถึงการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในภาคตะวันออก โดยเฉพาะจังหวัดชลบุรีนั้น ขณะนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่ประปาส่วนภูมิภาคเสนอ ให้ดำเนินการแก้ไขแล้ว ด้วยงบประมาณจำนวน 2.2 พันล้านบาทเศษ ประกอบด้วย 1.โครงการปรับปรุงขยายระบบประปา จ.ชลบุรี งบประมาณ 900 ล้านบาทเศษ 2.โครงการปรับปรุงขยายระบบประปา เมืองพัทยา งบประมาณ 803 ล้านบาทเศษ และ 3.โครงการปรับปรุงขยายระบบประปา ท่าเรือแหลมฉบัง งบประมาณ 100 ล้านบาทเศษ โดยทั้ง 3 โครงการนั้น ทางการประปาส่วนภูมิภาคจะรับภาระหนี้เงินกู้เองทั้งหมด
ขณะนี้โครงการได้รับความเห็นชอบจาก ครม.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้การประปาส่วนภูมิภาคก็พร้อมดำเนินการได้ทันที เนื่องจากได้จัดหาผู้รับเหมาเป็นที่เรียบร้อย โดยใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 1 ปี ครึ่ง โครงการจะแล้วเสร็จตามเป้าหมายที่วางไว้เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย เพราะในช่วงปี 2548 ที่ผ่านมาประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง จึงต้องวางแผนงานดังกล่าวไว้รองรับ
นายวิชัย กล่าวต่อไปว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะเขตพื้นที่อำเภอเมืองชลบุรี เมืองพัทยา และบริเวณนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ซึ่งยังมีปัญหาน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการ เนื่องจากระบบท่อส่งน้ำประปามีขนาดเล็ก ซึ่งต้องการการขยายขนาดท่อให้ใหญ่ขึ้น นอกจากนั้นบางพื้นที่ยังไม่มีท่อประปา ก็จะวางท่อขึ้นใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้น้ำสามารถใช้น้ำได้อย่างทั่วถึง ที่สำคัญจะต้องสร้างโรงกรองน้ำเพื่อเพิ่มแรงดันน้ำให้แรงขึ้น
“ปัญหาระบบประปา เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ในช่วงปี 2552-2553 แต่เป็นห่วงน้ำต้นทุนหรือน้ำดิบ ที่นำมาใช้ในกระบวนการผลิตน้ำประปา เนื่องจากอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ หรือมีแล้วไม่มีน้ำไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำ ทำให้ปริมาณน้ำดิบไม่เพียงพอ แต่อย่างไรก็ตาม การประปาได้วางแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อไม่ให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น” นายวิชัย กล่าว
นายวิชัย กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้การประปาจังหวัดชลบุรีได้วางโครงข่ายระบบท่อประปาเชื่อมต่อให้ครอบคลุมกับโรงกรองทุกๆพื้นที่ เพื่อลดปัญหาขาดแคลนน้ำ ซึ่งหากพื้นที่จุดใดขาดน้ำประปา ก็สามารถดึงน้ำอีกจุดไปช่วยเสริมได้ โดยประชาชนจะไม่ได้รับความเดือดร้อน
