นายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมพรรคชาติไทย ซึ่งมีนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคเป็นประธานการประชุมถึงกรณีที่นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปรัฐบาลยืนยันจะมีการยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ในสมัยการประชุมว่า ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะยื่นแก้ไขในสมัยประชุมนี้หรืไม่ หรือจะยื่นญัตติค้างไว้ ซึ่งต้องหารือกันในระดับวิปรัฐบาลและระดับแกนนำพรรคต่อไป เพราะข้อมูลยังคลุมเครือไม่ชัดเจน
ส่วนที่ ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดินและพรรคมัชฌิมาธิปไตยออกมาระบุว่า ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงนี้นั้น ตนเห็นว่าไม่ใช่มติพรรคอาจจะเป็นความเห็นส่วนตัวของส.ส. อย่างไรก็ตามคงต้องรอดูว่าพรรคพลังประชาชนจะมีความเห็นอย่างไร เพราะเท่าที่ดูตอนนี้รัฐบาลก็ไม่ได้เร่งรัดในเรื่องนี้
ด้าน นายเอกพจน์ ปานแย้ม ส.ส.ปทุมธานี พรรคชาติไทย ในฐานะวิปรัฐบาล กล่าวว่าได้นำเรื่องนี้หารือในที่ประชุมพรรคชาติแล้ว เห็นว่าเดิมท่าทีของพรรคชาติไทย เห็นด้วนตลอดว่าควรแก้ไขมาตรา 291 เพื่อให้มีการตั้งส.ส.ร. 3 ซึ่งยึดแบบพิมพ์ เดียวกับ ส.ส.ร. 1 อีกทั้งทุกฝ่ายในสังคมเห็นว่ามีปัญหาในข้อปฎิบัติรัฐธรรมนูญปี 50 ในบางมาตรา แต่เมื่อมีเสียงคัดค้านเพราะเห็นว่าสถานการณ์การเมืองไม่นิ่ง อาจเป็นการเพิ่มปมความขัดแย้งเพิ่มขึ้นพรรคชาติไทยก็รับฟัง และสุดท้ายที่ประชุมพรรคเห็นว่าให้ยึดตามที่ประธานวิปรัฐบาลระบุว่าเสียงส่วนใหญ่ในพรรคพลังประชาชนเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ดังนั้นหลังจากนี้จึงขึ้นอยู่กับพรรคพลังประชาชนจะเอาอย่างไร ถ้าทางพรรคพลังประชาชนยืนยันจะยื่นเข้ามาในสมัยการประชุมนี้ทางพรรคชาติไทยก็พร้อม ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมรายชื่อส.ส.ไว้หมดแล้ว แต่หากพรรคพลังประชาชนต้องการชะลอ ให้การเมืองนิ่งก่อนเราก็พร้อมทำตาม เพราะในที่สุดแล้วก็ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ดีเพราะมีหลายมาตราที่มีปัญหาในข้อปฎิบัติ
ด้านนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรรคชาติไทย ปฎิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยกล่าวเพียงสั้นว่า ตนมีธุระด่วนต้องไปทำ ให้รอตนพูดในวันพรุ่งนี้ เพราะมีหลายเรื่องที่ยังเปิดๆ ปิดๆ อยู่
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้ทุกคนต้องช่วยกันดูแลเพื่อให้บ้านเมืองเรียบร้อย แม้รัฐบาลเป็นหลัก เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบ เป็นตัวแทนประชาชน ขณะเดียวกันประชาชนทุกท่านก็มีส่วนที่จะช่วยดูแล เพราะทุกคนคงอยากให้บ้านเมืองเดินไป ในทางที่สงบสุข
ผู้สื่อข่าวถามว่าความวุ่นวายส่วนหนึ่งเกิดจากการเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลหรือวิปรัฐบาลจะชะลอเอาไว้ก่อนหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า อันนี้ไม่เป็นไร รัฐบาลไม่เคยคิดจะทำอะไรให้เกิดความวุ่นวาย อย่างที่บอกอะไรที่เดินทางไปสู่ ความสงบสุขตนก็จะทำ ต่อข้อถามว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตั้งท่าคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลเตรียมการอย่างไร นายสมชายตอบว่า บอกแล้วว่า บ้านเมืองเป็นของทุกคน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งอยากจะได้อย่างนั้นอย่างนี้ ต้องฟังประชาชนทุกคน
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวภายหลังการประชุมว่า วิปฝ่ายค้านวิตกกังวลถึงกรณีที่นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปรัฐบาลออกมาระบุว่าจะนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เข้าสู่ ที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งวิปฝ่ายค้านเชื่อว่าจะเป็นชนวนความขัดแย้งให้บ้านเมือง จึงควรยุติ เรื่องนี้ไว้ก่อน และไม่ควรให้ฝ่ายใดหยิบมาเป็นประเด็นให้เป็นชนวนให้เกิด ความรุนแรงมากขึ้น เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สามารถแก้วิกฤตบ้านเมืองได้ ซึ่งหากมีการบรรจุระเบียบวาระเข้าสู่การประชุมจริง ฝ่ายค้านพร้อมจะทำหน้าที่ เข้าร่วมประชุม หากไม่มีการยิงคนเพื่อเปิดทาง โดยฝ่ายค้านจะอภิปรายให้เห็นว่า การแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่ทางออกในการแก้วิกฤต แต่หากรัฐบาลต้องการทำเรื่องนี้ เพียงแค่โยนหินถามทาง ก็เป็นการโยนหินก้อนใหญ่เพื่อทำร้ายประชาชน และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ได้ระบุแล้วว่าหากมีการแก้รัฐธรรมนูญจริงก็จะมีการชุมนุมใหญ่ ดังนั้นทุกอย่างจะโยงกันไปหมด รวมถึงการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะโฟนอินด้วย เพื่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้น อย่างไรก็ตามยังมีกรอบเวลาที่ทุกคน สามารถกลับไปทบทวนได้
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ทั้งนี้ตนแปลกใจที่นาย ชัย ชิดชอบ ประธานสภา ผู้แทนราษฎร เรียกประชุมประธานคณกรรมาธิการทุกคณะ โดยสั่งไม่ให้เดินทาง ไปต่างประเทศในวันที่ 28 พ.ย. เพราะจะมีเรื่องสำคัญ
อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญควรพักไปก่อน แต่รัฐบาล ควรที่จะสนใจสภานิติบัญญัติ เนื่องจากตั้งแต่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช จนมาถึงรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ยังไม่พบว่ารัฐบาลเสนอกฎหมายเข้าสู่ที่ประชุมสภา แม้แต่ฉบับเดียว ทั้งที่ปัญหาทุกอย่างกองเต็มไปหมด แต่รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาได้สักเรื่อง จึงชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ไร้ประสิทธิภาพไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แต่เป็นการอยู่ไปแบบรอยุบสภา หรืออยู่ไปแบบวันๆ ซึ่งฝ่ายค้านเห็นว่าถ้ารัฐบาล ไม่อยากอยู่ก็ควรที่จะลาออกไป และยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ อย่าทนทู่ซี้ให้ปัญหาคาราคาซังแบบนี้
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ท่าทีของนายชัย แสดงให้เห็นว่าไม่มีความตั้งใจในการ ทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติเป็นองค์กรของบ้านเมือง ล่าสุดในการประชุมรัฐสภาระหว่างประเทศ หรือ IPA ซึ่งมีทั้งผู้นำฝ่ายค้านและข้าราชการเข้าร่วมประชุม แต่พอแจ้งวาระการประชุมเสร็จ นายชัย กลับสั่งปิดประชุมโดยทันที ซึ่งทำให้ข้าราชการที่จะมาชี้แจง ต่างตกตะลึง จนทำให้ผู้นำฝ่ายค้านต้องขอประชุมนอกรอบ เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า ไม่ต้องการที่จะทำอะไรแล้ว รอแค่วันยุบสภาเท่านั้น แล้วจะรอกันทำไม
ผู้สื่อข่าวถามว่าในการประชุมสภาครั้งต่อไป คาดว่านายกฯจะมาตอบกระทู้ขอ งส.ส.หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนเลิกหวังแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ตราบใด ที่ต้องมีการตั้งกระทู้ถามอย่างน้อยตัวนายกฯควรจะรู้ว่าต้องมีหน้าที่รับผิดชอบ ในการทำหน้าที่ของตัวเองอย่างไรบ้าง เพราะมีแต่เรื่องใหญ่ ๆ ทั้งนั้นที่รอให้นายกฯ มาตอบคำถาม
นายสาทิตย์ กล่าวด้วยว่า ในวันนี้ (19 พ.ย.) ตนพร้อมด้วยคณะกรรมาธิการการต่างประเทศจะเข้าหารือกับนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ เพื่อ สอบถามถึงการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณากรอบข้อตกลงระหว่างประเทศ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 โดยจะมีขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่รัฐสภาจะเปิดให้มีการพิจารณากรอบข้อตกลงจำนวน 27 กรอบจนถึงวันที่ 28 พ.ย. โดยปัญหาที่พบในขณะนี้ คือรัฐสภายังไม่มีความชัดเจนเลยว่าจะเปิดให้มีการลงมติตามกรอบข้อตกลงต่างๆ อย่างไร รวมทั้ง ยังมีปัญหาเรื่องบุคคลที่จะต้องมาชี้แจง อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ ที่ติดภารกิจร่วมประชุมเอเปคที่ประเทศเปรูในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ ทำให้ไม่มีผู้มาชี้แจง
ผมจะสอบถามนายชัย ถึงความเป็นไปได้ที่จะเลื่อนประชุมดังกล่าว เนื่องจาก เรื่องนี้มีความสำคัญ หากไม่มีผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง อาจเกิดปัญหาได้ นอกจากนี้ จะมีการเสนอให้คัดเลือกเฉพาะกรอบข้อตกลงที่จำเป็นขึ้นมาพิจารณา เพื่อย่นระยะเวลาการประชุมด้วย
น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวถึงกรณีที่ประธานวิปรัฐบาลระบุว่าจะยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.291 ให้ทันสมัยประชุมนี้ ว่า ตนมองว่า เป็นการขัดกันของผลประโยชน์ นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งมีอำนาจพอสมควร สิ่งที่เกิดขึ้นได้เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังปล่อยให้นักการเมืองทำเช่นนั้น ดังนั้นคุณภาพของนักการเมืองขึ้นอยู่กับคุณภาพของประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่ามี ส.ว.สรรหาบางส่วนร่วมลงชื่อด้วย น.ส.รสนา กล่าวว่า ไม่อยากพูดเป็นรายตัวว่าร่วมลงชื่อเพราะอะไร ต่างคนต่างมีเหตุผล แต่การหยิบยก เอาผลประโยชน์เรื่องวาระการดำรงตำแหน่งของ ส.ว.สรรหา ที่จะแก้จาก 3 ปีเป็น 6 ปี ก็ทำให้สังคมตั้งคำถามมากขึ้นว่าคุณไปเข้าชื่อเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองหรือเปล่า ขณะนี้สังคมการเมืองต้องมีจริยธรรมที่จะทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม ให้มากที่สุด หากยังต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองสังคมก็หมดหวัง
น.ส.รสนา กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญในขณะนี้เป็นระยะเวลาที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะจะนำไปสู่ความรุนแรง การแก้รัฐธรรมนูญสามารถแก้ได้ แต่ควร อยู่ในสถานการณ์ที่สังคมสมานฉันท์กันมากกว่านี้ ไม่ใช่อยู่ในสถานะของความขัดแย้งสูง ขณะนี้มีการนำเรื่องต่างๆ มาล่อ ทั้งเรื่องนายกรัฐมนตรีคนกลาง รัฐบาลแห่งชาติ การแก้เงื่อนไขวาระการดำรงตำแหน่ง ส.ว. รวมถึงคดียุบพรรค ซึ่งตนคิดว่าเราควรต้องทำในสิ่งที่มีตามรัฐธรรมนูญสิ่งใดที่ไม่มีไม่ควรทำ
ส่วนที่ ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดินและพรรคมัชฌิมาธิปไตยออกมาระบุว่า ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงนี้นั้น ตนเห็นว่าไม่ใช่มติพรรคอาจจะเป็นความเห็นส่วนตัวของส.ส. อย่างไรก็ตามคงต้องรอดูว่าพรรคพลังประชาชนจะมีความเห็นอย่างไร เพราะเท่าที่ดูตอนนี้รัฐบาลก็ไม่ได้เร่งรัดในเรื่องนี้
ด้าน นายเอกพจน์ ปานแย้ม ส.ส.ปทุมธานี พรรคชาติไทย ในฐานะวิปรัฐบาล กล่าวว่าได้นำเรื่องนี้หารือในที่ประชุมพรรคชาติแล้ว เห็นว่าเดิมท่าทีของพรรคชาติไทย เห็นด้วนตลอดว่าควรแก้ไขมาตรา 291 เพื่อให้มีการตั้งส.ส.ร. 3 ซึ่งยึดแบบพิมพ์ เดียวกับ ส.ส.ร. 1 อีกทั้งทุกฝ่ายในสังคมเห็นว่ามีปัญหาในข้อปฎิบัติรัฐธรรมนูญปี 50 ในบางมาตรา แต่เมื่อมีเสียงคัดค้านเพราะเห็นว่าสถานการณ์การเมืองไม่นิ่ง อาจเป็นการเพิ่มปมความขัดแย้งเพิ่มขึ้นพรรคชาติไทยก็รับฟัง และสุดท้ายที่ประชุมพรรคเห็นว่าให้ยึดตามที่ประธานวิปรัฐบาลระบุว่าเสียงส่วนใหญ่ในพรรคพลังประชาชนเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ดังนั้นหลังจากนี้จึงขึ้นอยู่กับพรรคพลังประชาชนจะเอาอย่างไร ถ้าทางพรรคพลังประชาชนยืนยันจะยื่นเข้ามาในสมัยการประชุมนี้ทางพรรคชาติไทยก็พร้อม ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมรายชื่อส.ส.ไว้หมดแล้ว แต่หากพรรคพลังประชาชนต้องการชะลอ ให้การเมืองนิ่งก่อนเราก็พร้อมทำตาม เพราะในที่สุดแล้วก็ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ดีเพราะมีหลายมาตราที่มีปัญหาในข้อปฎิบัติ
ด้านนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรรคชาติไทย ปฎิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยกล่าวเพียงสั้นว่า ตนมีธุระด่วนต้องไปทำ ให้รอตนพูดในวันพรุ่งนี้ เพราะมีหลายเรื่องที่ยังเปิดๆ ปิดๆ อยู่
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้ทุกคนต้องช่วยกันดูแลเพื่อให้บ้านเมืองเรียบร้อย แม้รัฐบาลเป็นหลัก เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบ เป็นตัวแทนประชาชน ขณะเดียวกันประชาชนทุกท่านก็มีส่วนที่จะช่วยดูแล เพราะทุกคนคงอยากให้บ้านเมืองเดินไป ในทางที่สงบสุข
ผู้สื่อข่าวถามว่าความวุ่นวายส่วนหนึ่งเกิดจากการเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลหรือวิปรัฐบาลจะชะลอเอาไว้ก่อนหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า อันนี้ไม่เป็นไร รัฐบาลไม่เคยคิดจะทำอะไรให้เกิดความวุ่นวาย อย่างที่บอกอะไรที่เดินทางไปสู่ ความสงบสุขตนก็จะทำ ต่อข้อถามว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตั้งท่าคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลเตรียมการอย่างไร นายสมชายตอบว่า บอกแล้วว่า บ้านเมืองเป็นของทุกคน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งอยากจะได้อย่างนั้นอย่างนี้ ต้องฟังประชาชนทุกคน
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวภายหลังการประชุมว่า วิปฝ่ายค้านวิตกกังวลถึงกรณีที่นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปรัฐบาลออกมาระบุว่าจะนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เข้าสู่ ที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งวิปฝ่ายค้านเชื่อว่าจะเป็นชนวนความขัดแย้งให้บ้านเมือง จึงควรยุติ เรื่องนี้ไว้ก่อน และไม่ควรให้ฝ่ายใดหยิบมาเป็นประเด็นให้เป็นชนวนให้เกิด ความรุนแรงมากขึ้น เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สามารถแก้วิกฤตบ้านเมืองได้ ซึ่งหากมีการบรรจุระเบียบวาระเข้าสู่การประชุมจริง ฝ่ายค้านพร้อมจะทำหน้าที่ เข้าร่วมประชุม หากไม่มีการยิงคนเพื่อเปิดทาง โดยฝ่ายค้านจะอภิปรายให้เห็นว่า การแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่ทางออกในการแก้วิกฤต แต่หากรัฐบาลต้องการทำเรื่องนี้ เพียงแค่โยนหินถามทาง ก็เป็นการโยนหินก้อนใหญ่เพื่อทำร้ายประชาชน และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ได้ระบุแล้วว่าหากมีการแก้รัฐธรรมนูญจริงก็จะมีการชุมนุมใหญ่ ดังนั้นทุกอย่างจะโยงกันไปหมด รวมถึงการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะโฟนอินด้วย เพื่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้น อย่างไรก็ตามยังมีกรอบเวลาที่ทุกคน สามารถกลับไปทบทวนได้
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ทั้งนี้ตนแปลกใจที่นาย ชัย ชิดชอบ ประธานสภา ผู้แทนราษฎร เรียกประชุมประธานคณกรรมาธิการทุกคณะ โดยสั่งไม่ให้เดินทาง ไปต่างประเทศในวันที่ 28 พ.ย. เพราะจะมีเรื่องสำคัญ
อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญควรพักไปก่อน แต่รัฐบาล ควรที่จะสนใจสภานิติบัญญัติ เนื่องจากตั้งแต่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช จนมาถึงรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ยังไม่พบว่ารัฐบาลเสนอกฎหมายเข้าสู่ที่ประชุมสภา แม้แต่ฉบับเดียว ทั้งที่ปัญหาทุกอย่างกองเต็มไปหมด แต่รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาได้สักเรื่อง จึงชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ไร้ประสิทธิภาพไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แต่เป็นการอยู่ไปแบบรอยุบสภา หรืออยู่ไปแบบวันๆ ซึ่งฝ่ายค้านเห็นว่าถ้ารัฐบาล ไม่อยากอยู่ก็ควรที่จะลาออกไป และยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ อย่าทนทู่ซี้ให้ปัญหาคาราคาซังแบบนี้
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ท่าทีของนายชัย แสดงให้เห็นว่าไม่มีความตั้งใจในการ ทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติเป็นองค์กรของบ้านเมือง ล่าสุดในการประชุมรัฐสภาระหว่างประเทศ หรือ IPA ซึ่งมีทั้งผู้นำฝ่ายค้านและข้าราชการเข้าร่วมประชุม แต่พอแจ้งวาระการประชุมเสร็จ นายชัย กลับสั่งปิดประชุมโดยทันที ซึ่งทำให้ข้าราชการที่จะมาชี้แจง ต่างตกตะลึง จนทำให้ผู้นำฝ่ายค้านต้องขอประชุมนอกรอบ เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า ไม่ต้องการที่จะทำอะไรแล้ว รอแค่วันยุบสภาเท่านั้น แล้วจะรอกันทำไม
ผู้สื่อข่าวถามว่าในการประชุมสภาครั้งต่อไป คาดว่านายกฯจะมาตอบกระทู้ขอ งส.ส.หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนเลิกหวังแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ตราบใด ที่ต้องมีการตั้งกระทู้ถามอย่างน้อยตัวนายกฯควรจะรู้ว่าต้องมีหน้าที่รับผิดชอบ ในการทำหน้าที่ของตัวเองอย่างไรบ้าง เพราะมีแต่เรื่องใหญ่ ๆ ทั้งนั้นที่รอให้นายกฯ มาตอบคำถาม
นายสาทิตย์ กล่าวด้วยว่า ในวันนี้ (19 พ.ย.) ตนพร้อมด้วยคณะกรรมาธิการการต่างประเทศจะเข้าหารือกับนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ เพื่อ สอบถามถึงการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณากรอบข้อตกลงระหว่างประเทศ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 โดยจะมีขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่รัฐสภาจะเปิดให้มีการพิจารณากรอบข้อตกลงจำนวน 27 กรอบจนถึงวันที่ 28 พ.ย. โดยปัญหาที่พบในขณะนี้ คือรัฐสภายังไม่มีความชัดเจนเลยว่าจะเปิดให้มีการลงมติตามกรอบข้อตกลงต่างๆ อย่างไร รวมทั้ง ยังมีปัญหาเรื่องบุคคลที่จะต้องมาชี้แจง อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ ที่ติดภารกิจร่วมประชุมเอเปคที่ประเทศเปรูในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ ทำให้ไม่มีผู้มาชี้แจง
ผมจะสอบถามนายชัย ถึงความเป็นไปได้ที่จะเลื่อนประชุมดังกล่าว เนื่องจาก เรื่องนี้มีความสำคัญ หากไม่มีผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง อาจเกิดปัญหาได้ นอกจากนี้ จะมีการเสนอให้คัดเลือกเฉพาะกรอบข้อตกลงที่จำเป็นขึ้นมาพิจารณา เพื่อย่นระยะเวลาการประชุมด้วย
น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวถึงกรณีที่ประธานวิปรัฐบาลระบุว่าจะยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.291 ให้ทันสมัยประชุมนี้ ว่า ตนมองว่า เป็นการขัดกันของผลประโยชน์ นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งมีอำนาจพอสมควร สิ่งที่เกิดขึ้นได้เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังปล่อยให้นักการเมืองทำเช่นนั้น ดังนั้นคุณภาพของนักการเมืองขึ้นอยู่กับคุณภาพของประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่ามี ส.ว.สรรหาบางส่วนร่วมลงชื่อด้วย น.ส.รสนา กล่าวว่า ไม่อยากพูดเป็นรายตัวว่าร่วมลงชื่อเพราะอะไร ต่างคนต่างมีเหตุผล แต่การหยิบยก เอาผลประโยชน์เรื่องวาระการดำรงตำแหน่งของ ส.ว.สรรหา ที่จะแก้จาก 3 ปีเป็น 6 ปี ก็ทำให้สังคมตั้งคำถามมากขึ้นว่าคุณไปเข้าชื่อเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองหรือเปล่า ขณะนี้สังคมการเมืองต้องมีจริยธรรมที่จะทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม ให้มากที่สุด หากยังต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองสังคมก็หมดหวัง
น.ส.รสนา กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญในขณะนี้เป็นระยะเวลาที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะจะนำไปสู่ความรุนแรง การแก้รัฐธรรมนูญสามารถแก้ได้ แต่ควร อยู่ในสถานการณ์ที่สังคมสมานฉันท์กันมากกว่านี้ ไม่ใช่อยู่ในสถานะของความขัดแย้งสูง ขณะนี้มีการนำเรื่องต่างๆ มาล่อ ทั้งเรื่องนายกรัฐมนตรีคนกลาง รัฐบาลแห่งชาติ การแก้เงื่อนไขวาระการดำรงตำแหน่ง ส.ว. รวมถึงคดียุบพรรค ซึ่งตนคิดว่าเราควรต้องทำในสิ่งที่มีตามรัฐธรรมนูญสิ่งใดที่ไม่มีไม่ควรทำ
