xs
xsm
sm
md
lg

แกะรอย“มูลนิธิสร้างอนาคตที่ดีกว่า” ลูกเล่นใหม่ “นช.แม้ว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จากกรณี วานนี้ (17พ.ย.) มีรายงานข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งกำลังหลบหนีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้เปิดตัวมูลนิธิแห่งใหม่ขึ้นในต่างประเทศ โดยใช้ชื่อว่า มูลนิธิสร้างอนาคตที่ดีกว่า (Building a Better Future Foundation) โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ นั่งในตำแหน่งประธานมูลนิธิ
สำหรับเว็บไซต์ของมูลนิธิดังกล่าวคือ www.buildingbetterfuture.org ระบุรายละเอียดขององค์กรดังกล่าวไว้ดังนี้ มูลนิธิ Building a Better Future Foundation มีสำนักงานตั้งอยู่ในเกาะฮ่องกงและประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) มีจุดประสงค์หลักของการดำเนินการ 2 ประการ คือ ส่งเสริมและบ่มเพาะผู้นำธุรกิจและการเงินรุ่นใหม่ของเอเชีย และ บ่มเพาะโครงการเริ่มต้นใหม่ในเอเชียที่จะกระตุ้นการพัฒนา โดยมูลนิธิได้เชิญชวนบุคคลทั่วไปที่สนใจเข้าร่วม สามารถส่งใบสมัครได้ที่อีเมล์ที่ระบุเอาไว้ในเว็บไซต์
นอกจากนี้ ในรายละเอียดของมูลนิธิระบุด้วยว่า ภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจปัจจุบันที่กำลังจู่โจมภูมิภาคนี้ และก่อปัญหาให้ประเทศกำลังพัฒนาทั่วภูมิภาค มูลนิธินี้พร้อมที่จะช่วยกระตุ้นการพัฒนาให้ภูมิภาคเอเชีย
**“นช.แม้ว” ยิ้มร่านั่ง ปธ.มูลนิธิ
ในหน้าแรกของเว็บไซต์มูลนิธิดังกล่าว ปรากฏภาพของพ.ต.ท.ทักษิณ ยิ้มกว้าง พร้อมข้อความบางส่วนจากจดหมายเปิดผนึกที่ระบุว่า “ถ้าคุณมีความเชื่อมั่นในอนาคตอันรุ่งเรืองของเอเชียเหมือนผม ผมขอเชิญชวนคุณให้เข้าร่วมกับความสำเร็จของมูลนิธิสร้างอนาคตที่ดีกว่า เราสามารถร่วมมือกันที่จะเผยถึงศักยภาพที่แท้จริง และช่วยแก้ไขปัญหาการเงิน เศรษฐกิจและปัญหาสังคมของประเทศกำลังพัฒนาได้ ผมมีความใฝ่ฝันที่จะทำเป้าหมายนี้ให้สำเร็จ ถ้าคุณคิดว่าคุณมีความใฝ่ฝันเช่นเดียวกันกับผม กรุณาส่งประวัติของคุณมาที่ Leaders@BuildingBetterFuture.org - ดร.ทักษิณ ชินวัตร”
สำหรับรายละเอียดอื่นๆ และโครงการต่างๆ ของมูลนิธิ ณ ปัจจุบันยังไม่มีการเปิดเผยอะไรมากนัก โดยในส่วนของโครงการนั้น ข้อมูลในเว็บไซต์ระบุว่า มูลนิธิกำลังสรรหากลุ่มนักคิดดาวรุ่งที่จะร่วมงานแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในภูมิภาค และปัญหาต่างๆ ซึ่งกำลังรุมเร้าประเทศกำลังพัฒนา นอกจากนี้มูลนิธิกำลังพิจารณาข้อเสนออยู่ 4 โครงการ ที่ต้องการการสนับสนุนจากมูลนิธิ และทางมูลนิธิเองกำลังจะประกาศโครงการต่างๆ ที่ริเริ่มขึ้นในช่วงปีใหม่นี้ อย่างไรก็ตามทางมูลนิธิก็ยังพร้อมที่จะรับข้อเสนอโครงการใหม่ๆตลอดเวลา โดยโครงการทั้งหมดจะถูกพิจารณาโดย ดร.ทักษิณ ชินวัตร
เป็นที่น่าสังเกตว่า มูลนิธิดังกล่าวนี้เปิดตัวหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และภรรยาถูกประเทศอังกฤษระงับวีซ่า และให้สัมภาษณ์กับนายนพพร วงศ์อนันต์ หัวหน้าข่าวการเมือง สำนักข่าวรอยเตอร์ ประจำประเทศไทย เมื่อวันที่10 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่าหลังจากนี้ตนเองมีเรื่องสนุกๆ ให้ดูกัน ขณะเดียวกันสถานที่ตั้งสำนักงานของมูลนิธิดังกล่าวก็คล้ายเป็นการยืนยันทางอ้อมว่า แม้จะเดินทางเข้าประเทศอังกฤษไม่ได้ แต่พ.ต.ท.ทักษิณก็ยังมีเกาะฮ่องกง ที่อยู่ภายใต้การปกครองสาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เป็นที่พำนัก และเป็นฐานในการเคลื่อนไหวอยู่
ในส่วนของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นั้น ต้องถือว่ามีความสัมพันธ์กับพ.ต.ท.ทักษิณ ในหลายทาง โดยที่เด่นชัดที่สุดก็คือกรณีที่ ชีค แมนซูร์ บิน ซายัด อัล เนห์ยาน (Sheikh Mansour bin Zayed Al Nahyan) ซึ่งเป็นบุตรของสุลต่านแห่งอาบูดาบี และเจ้าของกลุ่ม บริษัท อาบูดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป (เอดียูจี) เข้ามาซื้อสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี ต่อจากพ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยราคาสูงถึง 200 ล้านปอนด์ และส่งผลให้พ.ต.ท.ทักษิณได้กำไรจากการขายสโมสรฟุตบอลแห่งนี้อย่างน้อย 50 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยมากกว่า 3 พันล้านบาท จนส่งผลให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า การซื้อขายครั้งนี้เป็นการฟอกเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่

**โยงมูลนิธิไทยคม-ฝรั่งนักสร้างภาพ
นอกจากนี้แล้ว ในส่วนของมูลนิธิ Building a Better Future Foundation ยังมีการระบุถึง เครือข่ายมูลนิธิพันธมิตร ซึ่งก็คือมูลนิธิไทยคม อันเป็นมูลนิธิดั้งเดิมของพ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย ขณะเดียวกัน ในส่วนของคณะกรรมการสมาคมยังไม่มีการระบุชื่อกรรมการและที่ปรึกษาอย่างชัดเจน เพียงแต่ระบุว่า ภายใต้การชี้นำของ ดร.ทักษิณ ได้มีการคัดเลือกและติดต่อโดยตรงจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไปยังผู้มีประสบการณ์จำนวน 8-12 คน เพื่อให้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ โดยกำหนดไว้ว่าจะมีการพบปะกัน 2 ครั้งต่อปี และรายชื่อของคณะกรรมการที่ปรึกษามูลนิธิ จะมีการเปิดเผยในเดือนกุมภาพันธ์ 2552
อย่างไรก็ตาม ในขั้นต้นได้มีการเปิดเผยรายชื่อของคนผู้บริหารสมาคมมาแล้วคนหนึ่ง คือ นายแซม มูน (Sam Moon) โดยข้อมูลในเว็บไซต์ระบุว่า นายแซม เป็นชาวสหรัฐฯ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทนเนสซี ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่เกาะฮ่องกง มีประสบการณ์ 23 ปี โดยทำงานมาทั่วเอเชีย ทั้งยังเคยทำงานกับเครือ ดิ อีโคโนมิสต์ เครือดาวโจนส์ มีบริษัทที่เป็นพันธมิตรกับบิสเนสวีก โดยนายแซม เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดสัมมนาใหญ่ๆ หลายครั้ง ทั้งยังมีการกล่าวอ้างด้วยว่า ชายผู้นี้มีสายสัมพันธ์กับบุคคลระดับอดีตผู้นำของประเทศต่างๆทั่วโลก เช่น นายบิลล์ คลินตัน นายจอร์จ บุช ซีเนียร์ นายโคลิน เพาเวลล์ นายลี กวนยู นายจู หรงจี ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด เป็นต้น
ในส่วนความสัมพันธ์ระหว่างนายแซม กับพ.ต.ท.ทักษิณ มีการระบุว่า ทั้งสองคนรู้จักกันเมื่อ 16 ปีก่อน โดยนายแซมเห็นว่าเอเชียต้องการผู้นำที่สามารถเป็นสัญลักษณ์ของภูมิภาคได้ในโลกยุคหน้าและกล่าวเชิดชูว่า พ.ต.ท.ทักษิณนั้นสามารถก้าวขึ้นมาเป็น “คลินตันแห่งเอเชีย (Clinton from Asia)”ได้
จากประวัติของนายแซม มูน ที่ถูกเปิดเผยดังกล่าว เป็นที่น่าสังเกตว่าบุคคลผู้นี้อาจจะเป็นหนึ่งในนักประชาสัมพันธ์-นักสร้างภาพที่ พ.ต.ท.ทักษิณว่าจ้างมาเป็นพิเศษ เพื่อสร้างกระแสข่าวและส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับตัวของเขาเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่สื่อ-นิตยสารฝรั่งหลายเล่ม ลงบทสัมภาษณ์และภาพของพ.ต.ท.ทักษิณ มากและบ่อยจนผิดสังเกต จนมีผู้จับผิดว่าบางหน้าของนิตยสารที่ลงบทสัมภาษณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณนั้น แท้จริงแล้วเป็นพื้นที่โฆษณาในหนังสือ มิใช่เป็นพื้นที่ข่าวแต่อย่างใด
กำลังโหลดความคิดเห็น