xs
xsm
sm
md
lg

สปิริต“อภิรักษ์”ลาออกขอโทษคนกทม.-กกต.คาดเลือกใหม่ 11 ม.ค.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน –“อภิรักษ์” ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. หลังป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดีรถ-เรือดับเพลิง 6 พันล. แต่ให้มีผลหลัง 19 พ.ย. ขอโทษประชาชนที่เลือกเข้ามา ยืนยันทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ไม่ได้ทุจริตและพร้อมต่อสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเองในชั้นศาล วงในเผย บิ๊กปชป.เสียงแตก “ชวน-สุเทพ” ให้อยู่ต่อ ขณะที่หัวหน้าพรรคอยากให้ออก ด้านกกต.เตรียมจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ใหม่ คาดวันที่ 11 ม.ค.52 “อภิสิทธิ์” ชื่นชมสปิริต ชี้รักษามาตรฐานการเมืองยันพรรคไม่ได้กดดัน “กรณ์”แบะท่าพร้อมกอบกู้เก้าอี้ผู้ว่าฯเสาชิงช้า ขณะที่ “ชูวิทย์” ลั่นแท็กทีม “ประภัสร์” สู้ศึก “ดร.แดน” ขอหยั่งเสียงก่อนตัดสินใจ

วานนี้(12 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร(กทม.) หลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ชี้มูลความผิดอาญา ในคดีรถ-เรือดับเพลิงมูลค่า 6,687 ล้านบาท ซึ่งมีนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.ถูกชี้มูลด้วย ค่อนข้างเงียบเหงา ไร้เงาของนายอภิรักษ์ และคณะผู้บริหารฝ่ายการเมือง แต่ยังคงมีกลุ่มข้าราชการจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนถึงการตัดสินใจของนายอภิรักษ์


ต่อมาเวลา 13.45 น. นายอภิรักษ์ ได้เดินทางมายังพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหารือกับแกนนำพรรค ได้แก่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค และนายประกอบ จิรกิตติ รองผู้ว่าฯ กทม. โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จากนั้นเมื่อเวลา 15.15 น.นายอภิรักษ์ได้เดินทางออกจากพรรค เพื่อไปแถลงข่าวที่ศาลาว่าการกทม.

แจงข้อเท็จจริงการเปิดแอลซี

  จากนั้น ในเวลา 15.30 น..ที่ห้องอัมรินทร์ ศาลาว่าการกทมกรุงเทพมหานคร(กทม.) นายอภิรักษ์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกทม. ร่วมแถลงข่าวถึงท่าทีทางการเมืองว่า แม้คดีจะผ่านเข้าสู่โครงการตรวจสอบของป.ป.ช. แล้วแต่จะขอเรียนให้ประชาชนได้รับทราบสั้นๆ อีกครั้งว่าเป็นโครงการที่เกิดขึ้นย้อนอย่างน้อยไป 2 ปี ก่อนที่ตนจะได้รับความไว้วางใจจนได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการระดับรัฐบาลในลักษณะที่เรียกว่า G 2 G โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการลงนามใน AOU ซึ่งดำเนินการโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในนามของรัฐบาลไทย กับรัฐบาลออสเตรียโดยเอกอัครราชทูตออสเตรียประจำประเทศไทย มีการลงนามซื้อขายระหว่างกรุงเทพมหานครและบริษัทสไตเออร์ฯ ก่อนที่ตนจะเข้ามาทำหน้าที่ผู้ว่าฯกทม.

ทั้งนี้ ในสัญญา AOU ซึ่งเป็นสัญญาระดับรัฐบาลก็ได้มีเงื่อนไขที่บังคับให้มีการเปิด L/C ภายใน 30 วันหลังจากการลงนามในสัญญา ซึ่งหลังจากที่ได้ลงนามในสัญญาในวันที่ 27 สิงหาคม 2547 วันนี้ข่าวก็ยังเข้าใจว่าตนเข้ามาเป็นคนเปิด L/C เพื่อให้สัญญามีผลในทางกฎหมายและเกิดกระบวนการในเรื่องของการจ่ายเงิน ก็อยากเรียนให้ชัดเจนว่าหลังจากที่มีการลงนามในสัญญาแล้ว ก็มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในวันที่ 29 ส.ค. อดีตผู้ว่าฯกทม.ในสมัยนั้นก็มีการไปเปิด L/C เมื่อวันที่ 31ส.ค. ก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่งในวันที่ 6 ก.ย.

  ประการที่ 2 ก็คือ หลังเข้ารับตำแหน่งแล้วในวันที่ 6 ก.ย.ก็มีกระแสข่าวในเรื่องตรวจสอบโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง ซึ่งจริงๆ ก็เป็นเหมือนโครงการในระดับรัฐบาลแล้วก็มีการส่งออกไก่ต้มสุก โดยกระทรวงพาณิชย์ ในมูลค่าที่เท่ากันซึ่งการตรวจสอบของกทม.ที่ได้เกิดขึ้นย้อนไปเมื่อ 4 ปีที่แล้วภายใต้ข้อจำกัดเงื่อนไขเวลาในการที่จะต้องดำเนินการตามกระบวนการสัญญาให้แล้วเสร็จ เมื่อเทียบกับวันนี้มีข้อมูลหลายเรื่องที่อาจจะปรากฏซึ่งมีการตรวจสอบด้วย คตส.มากว่า 2 ปี หรือล่าสุดจากป.ป.ช.

ดังนั้น สิ่งที่ได้ดำเนินการไปเมื่อ 4 ปีที่แล้วอยู่บนเงื่อนไขภายใต้ข้อจำกัดเวลาที่ตนเองได้ตรวจสอบโครงการเพื่อที่จะให้เกิดความโปร่งใสและมั่นใจหลังจากที่พรรคปชป.เป็นผู้ตรวจสอบโครงการนี้ และสิ่งที่ได้ดำเนินการไปคือได้ตรวจสอบในแต่ละเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตรวจสอบไปที่กระทรวงพาณิชย์ในฐานะที่เป็นคู่สัญญาการส่งออกไก่ต้มสุก ตรวจสอบเรื่องของกระบวนการการจัดซื้อซึ่งก็เป็นเรื่องที่ทางผู้บริหารในสมัยนั้น รวมทั้งทางบริษัทสไตเออร์ฯได้มีการชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น จนกระทั่งในที่สุดก็เป็นสิ่งที่ตนเชื่อ

“วันนี้ก็อยากเรียนความมั่นใจให้พี่น้องประชาชนทราบว่าสิ่งที่ได้ทำไปอยู่บนพื้นฐานของความตั้งใจที่จะรักษาประโยชน์ของกทม.และพี่น้องประชาชนโดยเจตนาบริสุทธิ์ โดยไม่ได้ดำเนินการในทางทุจริตแต่ประการใด”

นายอภิรักษ์กล่าวต่อว่า ถ้าติดตามกทม.ได้มีการส่งหนังสือไปยังกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย บริษัทสไตเออร์ฯ แต่โดยข้อเท็จจริงก็คือว่า ณ วันนั้นข้อมูลที่ปรากฏก็ไม่ได้มีสิ่งบ่งชี้เหมือนวันนี้ที่ป.ป.ช.ได้ชี้มูล จนในที่สุดก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาซึ่งก็ได้มีคนนอกเข้ามา ในขณะเดียวกันก็ได้รับการเร่งรัดจากรัฐบาล สถานทูตออสเตรียในเรื่องของสัญญาที่ลงนาม และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งจากบริษัทสไตเออร์ฯ ในฐานะคู่สัญญาว่าจะได้รับความเสียหาย และก่อนที่จะตัดสินใจยืนยันเรื่อง L/C ที่อดีตผู้ว่าฯกทม.ได้เปิดไว้แล้วเมื่อวันที่ 31 ส.ค. คณะกรรมการก็เป็นผู้เสนอว่าสัญญามีผลในทางการกฎหมายถ้าไม่ดำเนินการคู่สัญญาก็สามารถที่จะฟ้องร้องและเกิดความเสียหายแก่กทม.

นอกจากนี้ หนังสือทางราชการที่กระทรวงมหาดไทยยืนยันมา 4 ฉบับ ให้ดำเนินการเป็นหนังสือที่ชอบด้วยกฎหมายที่จะต้องปฏิบัติตาม ซึ่งในที่สุดคณะกรรมการก็ได้เสนอเพื่อให้ดำเนินการเพื่อให้ยืนยัน L/C ที่ได้มีการเปิดไว้แล้วและได้มีผลผูกพันในฐานะที่สัญญามีผลในทางกฎหมาย

“การตรวจสอบจะไปจบสิ้นในชั้นศาล ซึ่งตนเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของตนที่ได้ทำไปและเกิดขึ้นในสถานการณ์ข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว”นายอภิรักษ์ย้ำ

ประกาศลาออก ขอโทษประชาชน

นายอภิรักษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับพี่น้องประชาชนทุกคน ก็ต้องเรียนขอโทษประชาชนทุกคนที่ให้ความไว้วางใจเพราะในที่สุดก็มาเกิดเหตุการณ์วันนี้ขึ้น แต่ตนอยากเรียนยืนยันให้พี่น้องประชาชนชาวไทย ชาวกทม.ทุกท่านได้มีความมั่นใจในตัวตนเองและพรรคประชาธิปัตย์ว่า พรรคจะเป็นพรรคการเมืองที่มีมาตรฐานในการทำงานทางการเมือง ตนเองในฐานะที่เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า 10 ปี และวันหนึ่งได้ตัดสินใจอาสามาลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ก็ยึดมั่นมาตรฐานบนการเมืองใหม่ที่ตนเชื่อมั่น

ทั้งนี้ หลังจากได้ใคร่ครวญไตร่ตรอง ปรึกษากับครอบครัว ได้หารือกับทางหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคฯ และผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์หลายครั้ง ก็มีความเห็นที่แตกต่างหลายคน ผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่านก็ให้คำแนะนำว่าในการตัดสินใจในการดำเนินการในครั้งนี้ กฎหมายมีเจตนารมณ์เพื่อให้ยุติบทบาทในการทำงานจนกว่าจะมีการตัดสินของศาลว่าถูกหรือผิด และนี่ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถทำได้ และก็เป็นทางเลือกที่มีความชอบธรรม ทั้งในทางกฎหมายและในทางเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ประการที่ 2 ก็คือเสียงเรียกร้องจากประชาชนก็ดี จากสื่อมวลชนก็ดีว่า อยากเห็นมาตรฐานการตัดสินใจของการเมืองไทยในวันนี้และในอนาคตที่มักจะมีการเปรียบเทียบกับนักการเมืองในต่างประเทศ

  ดังนั้น จึงตัดสินใจที่จะขอลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แต่เพื่อให้เกิดผลกระทบกับการทำงานของกทม.ให้น้อยที่สุดก็จะขอที่จะให้มีผลหลังวันงานพิธีสำคัญที่กทม.จะต้องดำเนินการจนกระทั่งถึงวันที่19 พ.ย. และหลังจากที่ผ่านกระบวนการการตรวจสอบแล้ว ตนจะกลับมาอีกครั้ง
 
ขรก.กทม.มอบดอกไม้ให้กำลังใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่นายอภิรักษ์ ประกาศว่าจะลาออกนั้นได้มีเสียงปรบมือดังกึกก้องอยู่เป็นเวลานานจากผู้ที่ร่วมฟังการแถลงข่าว จากนั้นได้ออกมาหน้าห้องซึ่งได้มีส.ก. ข้าราชการกทม ประชาชนมามอบดอกไม้ให้กำลังใจจำนวนมาก จากนั้นได้เดินลงไปที่ห้องเจ้าพระยา ซึ่งได้มีข้าราชการ ส.ก. และประชาชนมารอมอบดอกไม้ให้กำลังใจเช่นกันซึ่งบางคนถึงกับร้องไห้ในสิ่งที่เกิดขึ้น

  ทั้งนี้นายอภิรักษ์ ได้กล่าวฝากกทม.กับนายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกทม. และขอให้โชคดี ขณะที่นางวรรณวิไล พรหมลักขโณ รองปลัดกทม.ได้มอบดอกไม้ให้กำลังใจพร้อมกับกล่าวสั้นๆว่ารีบกลับมานะ
 
กกต.คาดเลือกตั้งใหม่ 11 ม.ค.52

        นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารสภาท้องถิ่น พ.ศ.2545 ระบุว่า เมื่อผู้ว่าฯ กทม.ลาออกจากตำแหน่ง จะต้องมีการจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน นับจากวันที่ตำแหน่งนั้นว่างลง ส่วนการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่นั้น คาดว่า น่าจะอยู่ในช่วงวันที่ 11 ม.ค.2552 ทั้งนี้ กกต.กทม.จะเป็นผู้กำหนดวันรับสมัคร และวันเลือกตั้งที่ชัดเจนอีกครั้ง

สำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่นั้น นายอภิรักษ์ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นการลาออกจากตำแหน่ง ไม่ใช่ถูก กกต.เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) เนื่องมาจากการทุจริตการเลือกตั้ง ซึ่งในการจัดการเลือกตั้งนั้น กกต.กทม.จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง ประมาณ 154 ล้าน ส่วนเรื่องที่นายอภิรักษ์ถูกร้องเรียนกรณีการทุจริตการเลือกตั้งจำนวน 4 เรื่องนั้น กกต.ก็จะดำเนินการพิจารณาต่อไปตามปกติ เพราะหากผลการสอบสวนออกมาว่า นายอภิรักษ์ได้มีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ก็ต้องถูกเพิกถอนสิทธิ์และดำเนินคดีอาญาได้ แม้จะลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว
         
ยกเลิกสัญญาต้องฟ้องศาลออสเตรีย 

นายกฤษฎา กลันทานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมายและคดี กทม. เปิดเผยว่า ในส่วนของการยกเลิกสัญญา  ป.ป.ช. แนะให้ กทม. หารือกับกระทรวงมหาดไทย และอัยการสูงสุด อย่าวงไรก็ตาม กทม.ต้องรอสำเนาการชี้มูลของ ป.ป.ช. ก่อน หลังจากนั้น ก็จะส่งให้ อสส. ดำเนินการต่อไป เนื่องจากเป็นเรื่องเดิม ที่เคยหารือแล้ว ซึ่ง อสส.แจ้งว่า ขอให้ ป.ป.ช. มีการสรุปคดีก่อน

  รายงานข่าวแจ้งว่า หาก กทม. จะยกเลิกสัญญา จัดซื้อฯ ตามกระบวนการสัญญา ต้องการการตั้งคณะอนุญาโตตุลาการมาหาข้อยุติ หากตกลงกันไม่ได้กทม.ต้องไปฟ้องศาลประเทศออสเตรียเพื่อให้สัญญาเป็นโมฆะ

“อภิสิทธิ์” ชื่นชมสปิริตไขก๊อก

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า เห็นใจนายอภิรักษ์มาก ปัญหาเรื่องของการเปิดแอลซีตั้งแต่แรกเห็นได้ชัดว่าการตัดสินใจทางหนึ่งทางใดก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากปมต่างๆ ผูกไว้แล้ว แต่ขอยืนยันว่าทุกคนเชื่อมั่นในตัวนายอภิรักษ์ และพร้อมที่จะช่วยต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ต่อไป โดยเมื่อดูคำแถลงของ ป.ป.ช.คร่าวๆ แล้วมีความเชื่อว่ายังมีอีกหลายประเด็น ซึ่งทางพรรคจะได้นำเสนอเพื่อให้นายอภิรักษ์ได้ใช้ในการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์

“การตัดสินใจของคุณอภิรักษ์เป็นเรื่องที่ท่านต้องการจะเห็นบรรทัดฐาน หรือมาตรฐานของบ้านเมืองที่หลายฝ่ายต้องการเห็นในการเมืองไทย ผมถือว่าเป็นการตัดสินใจที่น่าชื่นชม และเป็นเรื่องที่อยากเห็นสังคมให้กำลังใจนักการเมืองที่พร้อมจะตัดสินใจเช่นนี้ เพราะจริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องง่าย” นายอภิสิทธิ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายหรือไม่ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ทำให้ประชาชนต้องเลือกตั้งใหม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในวันที่เราตัดสินใจส่งนายอภิรักษ์ก็เป็นวันที่เราได้รับข่าวสารอย่างชัดเจนว่าทางอนุของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เห็นว่านายอภิรักษ์ไม่ผิด และคงจะไม่เป็นธรรมนักถ้าหากในสถานะล่าสุดเช่นนั้นจะปิดโอกาสนายอภิรักษ์ ซึ่งเราก็เสียใจที่เหตุการณ์นี้ต้องมาเกิดขึ้น

พร้อมส่งคนชิงเก้าอี้-ปัดยังไม่ได้คุย”กรณ์”

เมื่อถามว่าเลือกตั้งใหม่พรรคยังมั่นใจหรือไม่ว่ายังรักษาที่นั่งผู้ว่าฯ กทม.ไว้ได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรามีหน้าที่เลือกบุคคลที่คิดว่าดีที่สุด ที่จะมารับใช้ชาวกทม. และนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค ก็เป็นชื่อหนึ่งที่มีการพูดถึงกัน แต่ตนยังไม่ได้มีการพูดคุยกับนายกรณ์ ทั้งนี้ พรรคจะพิจารณาและตัดสินใจว่า ใครที่เราคิดว่าสามารถเข้ามาทำงานต่อจากนายอภิรักษ์ได้

ต่อข้อถามว่าหากพรรคส่งนายกรณ์ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ก็ต้องมีการเลือกตั้งซ่อมในเขตของนายกรณ์อีก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราพูดกันมากในเรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้ง แต่สำหรับประเทศประชาธิปไตย เรื่องนี้ถือว่าเป็นต้นทุนอย่างหนึ่งที่เราต้องแลกกับการที่เรามีการเมืองที่ยืดหยุ่นและเคลื่อนไหวได้ และเป็นการเมืองที่ทำให้คนกล้ารับผิดชอบ หรือกล้าที่จะตัดสินใจเพื่อมาตรฐานทางการเมืองมากขึ้น

ทั้งนี้ ค่อนข้างเร็วไปที่จะพูดถึงบุคคลที่จะมาลงสมัครแทน แต่พรรคจะทำให้เร็วที่สุด แต่ในชั้นนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอก และยืนยันว่าหากนายอภิรักษ์ต่อสู้คดีแล้วได้ชัยชนะกลับมา พรรคจะให้โอกาสอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นระดับท้องถิ่นหรือระดับชาติ

ต่อข้อถามว่าการตัดสินใจของนายอภิรักษ์จะถือเป็นบรรทัดฐานที่อยากจะบอกอะไรกับนักการเมืองคนอื่นๆ บ้าง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อย่างน้อยเราหวังว่าจะเห็น

“กรณ์”พร้อมชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ

นายกรณ์ จาติกวณิช กล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่พรรคต้องสูญเสียบุคคลากรทางการเมืองอย่างนายอภิรักษ์ ทั้งนี้พรรคมีความเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของนายอภิรักษ์มาโดยตลอด และอดคิดไม่ได้ว่าถ้านายอภิรักษ์ไม่ตัดสินใจเปิดแอลซีวันนี้อาจทำให้ประเทศชาติเกิดความเสียหายมากขึ้นกว่านี้ก็ได้ แต่เมื่อป.ป.ช.ได้มีคำวินิจฉัยออกมาแล้วพรรคก็เคารพ และจากนี้พรรคประชาธิปัตย์จะช่วยเหลือนายอภิรักษ์อย่างเต็มที่ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองในชั้นศาล

เมื่อถามว่า นายอภิรักษ์ถูกกดันจากการหารือกับพรรคหรือไม่ นายกรณ์ กล่าวว่า นายอภิรักษ์เข้ารับฟังความคิดเห็นจากหลายๆ คนในพรรค ซึ่งก็มีความเห็นที่หลากหลายแต่การตัดสินใจอยู่ที่นายอภิรักษ์

เมื่อถามว่า ถ้าพรรคขอให้นายกรณ์ลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่ากทม.จะยอมลงสมัครหรือไม่นายกรณ์ กล่าวว่า ต้องรอให้มีการพูดคุยกันดีกว่าว่าพรรคจะนำเสนอใคร คาดว่าพรรคมีการคุยกันในเร็วๆนี้ ซึ่งถ้าได้ข้อสรุปว่าจะเสนอใครพรรคก็จะประกาศต่อประชาชนต่อไป อย่างไรก็ตามตนพร้อมทำตามมติพรรคเสมอ

ถกเครียด-บิ๊กปชป.เห็นคนละทาง

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนที่นายอภิรักษ์จะแถลงลาออกจากตำแหน่ง มีความกดดันจากแกนนำพรรค อาทิ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่เห็นด้วยกับการลาออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่าศาลยังไม่พิจารณา รวมทั้งนายอภิรักษ์ยังได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนชาวกทม.อย่างท่วมท้น ในขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เลือกแนวทางที่จะให้นายอภิรักษ์ลาออก เพราะถือเป็นจุดยืนที่พรรคยืนยันมาตลอด เนื่องจากที่ผ่านมาเคยเรียกร้องให้รัฐมนตรีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีความผิด ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่และลาออกจากตำแหน่ง

นอกจากนั้น นายอภิสิทธิ์ยังได้พยายามบอกว่า หากไม่ตัดสินใจลาออกจะเจอกับแรงกดดันหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องสปิริตของนักการเมืองรุ่นใหม่ การสร้างบรรทัดฐานให้กับการเมืองตามมาตรฐานของพรรค รวมทั้งการบริหารงานในกทม.ก็จะทำไม่ได้และจะเกิดสุญญากาศ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ได้ถามนายอภิรักษ์ว่าจะทนกับแรงเสียดทานเหล่านี้ได้หรือไม่ และถ้าหากอยู่จนศาลตัดสินว่าผิดนายอภิรักษ์ก็ต้องจบอนาคตทางการเมืองไปเลย และพรรคก็จะถูกดดันอย่างหนัก แต่ถ้าตัดสินใจลาออกก็จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองใหม่และถ้านายอภิรักษ์พ้นคดีก็ยังมีเวทีระดับชาติรออยู่ ทั้งนี้ นายกรณ์ได้สนับสนุนเหตุผลของนายอภิสิทธิ์ด้วยเช่นกัน ส่วนการตัดสินใจขึ้นสุดท้ายที่ประชุมได้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนายอภิรักษ์

ชูวิทย์ลั่นพร้อมผนึกประภัสร์สู้ศึก

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. กล่าวแสดงความเสียใจกับ นายอภิรักษ์ที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด สำหรับอนาคตทางการเมืองของตนนั้น หากจะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.อีกครั้งก็เป็นไปได้ว่าอาจจะร่วมมือกับนายประภัสร์ จงสงวน เพื่อเพิ่มโอกาสได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง แต่ทั้งนี้ต้องคุยกันให้ชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้ว่า และรองผู้ว่าฯกทม.ทั้งนี้ มีข้อแม้ว่านายประภัสร์จะต้องลงสมัครในนามอิสระเพราะตนจะไม่ร่วมสังฆกรรมกับพรรคพลังประชาชน เนื่องจากหากแยกกันลงก็คงแพ้อีกเช่นเดิม  

  ด้านนายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ กล่าวว่า จะรอฟังเสียงประชาชนด้วยว่า ต้องการให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ผู้ว่าฯ กทม.อีกครั้งหรือไม่ ซึ่งประชาชนสามารถแสดงความเห็นได้ 3 ช่องทาง ได้แก่ ไปรษณียบัตร ตู้ ปณ.369 พระโขนง กรุงเทพฯ 10110 โทรสาร 0-2713-5550 และเว็บไซต์ drdancando.com ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาตัดสินใจไม่เกิน 1 สัปดาห์

“สมชาย”ไม่มีความเห็น -‘มท.’ รอดูกฎหมาย

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนเพิ่งทราบจากข่าว ก็คิดว่านี่ก็เป็นกระบวนการ ก็ต้องปล่อยไป เพราะป.ป.ช.เป็นองค์กรอิสระ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ที่ท่านทำงานกันไป คงไม่ไปวิจารณ์ หรือแทรกแซง ในสิ่งที่ป.ป.ช.ทำ

ด้านนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในฐานะกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานต้นสังกัด และต้องดำเนินการอย่างไรนั้น ต้องขอพิจารณาข้อกฎหมายในส่วนของกระทรวงมหาดไทยว่ามีอำนาจดูแลแค่ไหน แต่เบื้องต้นต้องดำเนินการตามกฎหมายของป.ป.ช.ไปก่อน และทางการกระทรวงมหาดไทยก็จะรอฟังผลอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้นหรือไม่ นายพีรพล นิ่งไปสักพักก่อนตอบคำถามว่า ข้อดูรายละเอียดให้ชัดเจน เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ ทั้งนี้ ตนเห็นว่าขั้นตอนขณะนี้ยังไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย

ด้านพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ตนยังไม่ได้การรายงานจากป.ป.ช. แต่ถ้าได้รับเรื่องมาแล้ว กระทรวงมหาดไทยต้องพิจารณาตามอำนาจหน้าที่อีกครั้ง ซึ่งข้อกฎหมายได้ระบุให้ปลัดกทม.รักษาการในตำแหน่งแทน ส่วนสัญญากับบริษัท สไตเออร์ จะโมฆะหรือไม่นั้น ก็อยู่ที่ป.ป.ช.พิจารณาว่ามีความผิดข้อใด ซึ่งตนและรมช.มหาดไทย รวมทั้งนายพีรพลจะช่วยกันพิจารณาเรื่องนี้ว่าจะโมฆะ หรือต้องดำเนินการฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งหรือไม่

อัยการพร้อมชี้มูลรถดับเพลิง

นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า หาก ป.ป.ช.ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดเพื่อพิจารณายื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทางอัยการก็มีความพร้อมในการดำเนินคดีนี้ โดยอัยการสูงสุดอาจแต่งตั้งให้ นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด เป็นประธานคณะทำงาน และตั้งคณะทำงานขึ้นพิจารณาตรวจสำนวนหาข้อบกพร่อง ซึ่งมีเงื่อนเวลาต้องทำให้เสร็จภายใน 30 วัน แต่หากพบข้อไม่สมบูรณ์ ก็สามารถตั้งคณะทำงานร่วมกับ ป.ป.ช.พิจารณาสำนวน ซึ่งมีกำหนดเวลาพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 14 วัน
กำลังโหลดความคิดเห็น