ผู้จัดการรายวัน – ปิโก ลดความเสี่ยง ชู โมเดลการจัดงานแบบ Knowledge Communication ล่อใจลูกค้า ชี้ปีหน้าหากภาครัฐเสถียร อีเว้นท์บูม ตลาดไมซ์ปีหน้าสะเทือน เหตุต่างชาติเงินหด 9 เดือนที่ผ่านสอยรายได้รวมโต 10-15% กำไรเพิ่มจากปีก่อน 30%
นายศีลชัย เกียรติภาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจด้านการจัดงาน เปิดเผยว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า ไม่ว่าการจัดงานในลักษณะไหน มองว่าต่างก็ได้รับผลกระทบกันทั้งสิ้น ดังนั้นกลยุทธ์หนึ่งที่ทางบริษัทฯจะนำไปใช้ในปีหน้าเพื่อลดอัตราความเสี่ยง คือ ชูโมเดลการจัดงานแบบ Knowledge Communication หรือ แหล่งการสื่อสารองค์ความรู้ ถึงแม้ว่าการที่เราเป็นบริษัทฯที่มีเครือข่ายทั่วโลก ซึ่งช่วยในการยืดหยุ่นรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจไม่ดีได้อยู่แล้ว
สำหรับโมเดล Knowledge Communication เป็นโมเดลที่บริษัทฯให้บริการอยู่แล้วกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นช่วงการพัฒนาให้โมเดลนี้มีความแข็งแกร่งและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทฯมีโมเดลรับจัดงานอยู่ 3 กลุ่ม คือ MICEs, Event และ Knowledge Communication ส่วนกลุ่มลูกค้ามาจาก 3 กลุ่มใหญ่ คือ 1.ภาครัฐ 2.เอกชน และ3.ต่างประเทศ โดย9เดือนที่ผ่านมา ไมซ์ และอีเว้นท์ มีสัดส่วนงานกว่า 80% ขณะที่โนวเลดจ์อยู่ที่ 20% แต่เมื่อเทียบรายได้แล้ว โนวเลดจ์มีสัดส่วนรายได้ถึง 30% ใกล้เคียงกับอีก 2 งาน
ทั้งนี้ผลประกอบการในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯมียอดขายรวม 667.1 ล้านบาท โตขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนประมาณ 10-15% เป็นกำไรสุทธิ 43 ล้านบาท โตจากปีก่อนถึง 30% ซึ่งการเติบโตของรายได้มาจากไมซ์และอีเว้นท์เป็นหลัก ส่วนทั้งปีตั้งเป้าที่จะมีการเติบโตของรายได้ที่ 20% ตามที่โกลบอลได้ตั้งเป้าไว้
นายศีลชัย กล่าวต่อว่า ในปีหน้ามองว่า หากสถานการณ์ทางการเมืองนิ่งหรือไม่เลวร้ายไปกว่านี้ จะส่งผลให้กลุ่มอีเว้นท์เติบโตขึ้นอย่างมาก ขณะที่กลุ่มไมซ์ มองว่าจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก เนื่องจากลูกค้าต่างประเทศส่วนใหญ่ จะเซฟเงินลง ทั้งนี้ในกลุ่มลูกค้าเอกชน มองว่าในปีหน้ากลุ่มอุตสาหกรรมส่งออก โดยเฉพาะการส่งออกไปยังฝั่งยุโรปและอเมริกาจะได้รับผลกระทบมากสุด รวมถึงจะเปลี่ยนการทำธุรกิจแบบ B2B เป็น B2C แทน
นายศีลชัย เกียรติภาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจด้านการจัดงาน เปิดเผยว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า ไม่ว่าการจัดงานในลักษณะไหน มองว่าต่างก็ได้รับผลกระทบกันทั้งสิ้น ดังนั้นกลยุทธ์หนึ่งที่ทางบริษัทฯจะนำไปใช้ในปีหน้าเพื่อลดอัตราความเสี่ยง คือ ชูโมเดลการจัดงานแบบ Knowledge Communication หรือ แหล่งการสื่อสารองค์ความรู้ ถึงแม้ว่าการที่เราเป็นบริษัทฯที่มีเครือข่ายทั่วโลก ซึ่งช่วยในการยืดหยุ่นรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจไม่ดีได้อยู่แล้ว
สำหรับโมเดล Knowledge Communication เป็นโมเดลที่บริษัทฯให้บริการอยู่แล้วกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นช่วงการพัฒนาให้โมเดลนี้มีความแข็งแกร่งและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทฯมีโมเดลรับจัดงานอยู่ 3 กลุ่ม คือ MICEs, Event และ Knowledge Communication ส่วนกลุ่มลูกค้ามาจาก 3 กลุ่มใหญ่ คือ 1.ภาครัฐ 2.เอกชน และ3.ต่างประเทศ โดย9เดือนที่ผ่านมา ไมซ์ และอีเว้นท์ มีสัดส่วนงานกว่า 80% ขณะที่โนวเลดจ์อยู่ที่ 20% แต่เมื่อเทียบรายได้แล้ว โนวเลดจ์มีสัดส่วนรายได้ถึง 30% ใกล้เคียงกับอีก 2 งาน
ทั้งนี้ผลประกอบการในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯมียอดขายรวม 667.1 ล้านบาท โตขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนประมาณ 10-15% เป็นกำไรสุทธิ 43 ล้านบาท โตจากปีก่อนถึง 30% ซึ่งการเติบโตของรายได้มาจากไมซ์และอีเว้นท์เป็นหลัก ส่วนทั้งปีตั้งเป้าที่จะมีการเติบโตของรายได้ที่ 20% ตามที่โกลบอลได้ตั้งเป้าไว้
นายศีลชัย กล่าวต่อว่า ในปีหน้ามองว่า หากสถานการณ์ทางการเมืองนิ่งหรือไม่เลวร้ายไปกว่านี้ จะส่งผลให้กลุ่มอีเว้นท์เติบโตขึ้นอย่างมาก ขณะที่กลุ่มไมซ์ มองว่าจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก เนื่องจากลูกค้าต่างประเทศส่วนใหญ่ จะเซฟเงินลง ทั้งนี้ในกลุ่มลูกค้าเอกชน มองว่าในปีหน้ากลุ่มอุตสาหกรรมส่งออก โดยเฉพาะการส่งออกไปยังฝั่งยุโรปและอเมริกาจะได้รับผลกระทบมากสุด รวมถึงจะเปลี่ยนการทำธุรกิจแบบ B2B เป็น B2C แทน