เอเอฟพี – เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ แห่งอังกฤษ กำลังจะทรงมีพระชนมายุครบ 60 พรรษาในวันพรุ่งนี้ (14) โดยที่ยังทรงเป็นมกุฎราชกุมารที่จะขึ้นครองราชย์ต่อจากสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ดังที่ได้ทรงดำรงฐานะนี้มายาวนาน อย่างไรก็ตาม ทางด้านผู้ใกล้ชิดระบุว่า ในที่สุดพระองค์ก็ทรงมีชีวิตสมรสที่เป็นสุขกับพระชายาที่เป็นคู่แท้ของพระองค์ ในตลอดระยะสามปีที่ผ่านมา
ในวาระดังกล่าวจะมีการจัดเฉลิมฉลอง เป็นต้นว่า การแสดงคอนเสิร์ตส่วนพระองค์ โดย ร็อด สจ๊วร์ต นักร้องร็อครุ่นเก๋า โดยที่พระชายา คามิลลา ทรงเข้าดูแลการจัดคอนเสิร์ตคราวนี้ด้วยพระองค์เอง
ทว่าในวัยที่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังเกษียณตนเองจากการงาน เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฏราชกุมารแห่งอังกฤษ ก็ยังทรงอยู่ในตำแหน่งที่เหมือนรอคอยขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชมารดา นั่นคือ สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่สอง ผู้ทรงยังมีพระพลานามัยแข็งแรงดีแม้ขณะนี้ทรงมีพระชนมายุ 82 พรรษา
เพนนี จูเนอร์ ผู้เขียนหนังสือชีวประวัติของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ไม่เห็นด้วยกับที่มีผู้ระบุว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงรู้สึกคับข้องพระทัยกับการอยู่ในบทบาทรองที่เป็นอยู่ “ดิฉันไม่คิดว่าพระองค์ทรงอึดอัดกับการที่ยังรอขึ้นครองราชย์ นั่นเป็นเพราะว่าช่วงเวลาที่ทรงขึ้นครองราชย์นั้นพระองค์จะต้องเศร้าพระทัยอย่างใหญ่หลวงกับการสวรรคตของพระราชมารดา นั่นเป็นธรรมชาติของพระราชภารกิจดังกล่าว... ดิฉันคิดว่าทรงรู้ดีว่ายังทรงงานที่เป็ประโยชน์ได้อีกมากมายในฐานะของ เจ้าชายแห่งเวลส์ (มกุฏราชกุมารอังกฤษ)”
ทั้งนี้ นอกจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์จะทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจประจำวันต่างๆ แล้ว ยังต้องทรงดูแลมูลนิธิการกุศลของพระองค์อีกราว 20 แห่งซึ่งรวมทั้ง “ทรัสต์” ส่วนพระองค์ที่ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เริ่มบุกเบิกธุรกิจของตนเอง
นอกจากนั้น แม้จะวางพระองค์ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็ได้ทรงมีพระวินิจฉัยในเรื่องต่างๆ มากมาย ตั้งแต่สถาปัตยกรรมแบบสมัยใหม่ที่ไม่ทรงชื่นชอบ ไปจนถึงเรื่องการทำเกษตรแบบอินทรีย์ที่ทรงสนับสนุน และแม้จะมีผู้วิพากษ์วิจารณ์พระวินิจฉัยดังกล่าว แต่พระองค์ก็ไม่ทรงถือสา ดังที่ทรงมีพระดำรัสตอบในรายการสารคดีที่สถานีโทรทัศน์บีบีซีจัดทำขึ้นเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพคราวนี้ ว่า
“ที่จริงแล้ว ข้าพเจ้าน่าจะนั่งอยู่เฉยๆ แล้วไม่ทำอะไรเลย แต่นั่นก็จะมีคนตำหนิว่า ‘ทำไมเจ้าชายถึงทำตัวไร้ประโยชน์ขนาดนั้น’ ”
“ดังนั้นข้าพเจ้าจึงยอมถูกวิจารณ์เรื่องที่ทำอะไรต่ออะไรไปเสีย ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย” ทรงให้สัมภาษณ์
เมื่อยังทรงพระเยาว์ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์มีบุคลิกเงียบขรึมและอ่อนไหว ทรงมีพระดำรัสเกี่ยวกับการศึกษาในโรงเรียนกอร์ดอนสตัน ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนที่เข้มงวดในสกอตแลนด์ว่าเป็น “การถูกจำคุก”
ในปี 1981 ทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสที่เหมือนเทพนิยาย กับไดอานา สเปนเซอร์ และมีพระโอรส 2 พระองค์คือเจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รี
แต่ชีวิตสมรสที่ล้มเหลวประจวบกับเจ้าหญิงไดอานาประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเสียชีวิตที่ปารีสในปี 1997 ก็นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อราชสำนักว่าเย็นชาต่อการจากไปของเจ้าหญิงไดอานา
ส่วนเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ได้ทรงรอเวลาอีกถึง 8 ปีจึงทรงอภิเษกสมรสกับคามิลลา ปาร์กเกอร์ โบว์ลส์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกเจ้าหญิงไดอานาพาดพิงว่า “มีพวกเราสามคนด้วยกันในการแต่งงานนี้”
จูเนอร์กล่าวว่าการที่คามิลลาแตกต่างจากไดอานา นั่นคือคามิลลาชอบชีวิตในชนบทเช่นเดียวกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ยังมีส่วนช่วยให้พวกนักข่าวสนใจเรื่องราวส่วนพระองค์น้อยลง
เอมมา โซมส์ ซึ่งเคยเป็นพระสหายใกล้ชิดของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กล่าวว่า แม้พระองค์จะมีพระชนมพรรษาสูงวัย แต่หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เจ้าชายวิลเลียมได้ขึ้นครองราชย์แทน พระองค์ก็คงเสียพระทัยอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจความเห็นล่าสุดที่นำออกเผยแพร่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา น่าจะถือเป็นข่าวดีสำหรับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เพราะชาวอังกฤษ 42 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าพระองค์ควรจะได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชมารดา ในขณะที่ 35 เปอร์เซ็นต์เห็นว่าผู้ที่เหมาะจะเป็นกษัตริย์พระองค์ต่อไปคือเจ้าชายวิลเลียม เปรียบเทียบกับผลสำรวจในปี 2005 ซึ่งพระองค์ได้เพียง 31 เปอร์เซ็นต์ ส่วนพระโอรสของพระองค์ได้ 42 เปอร์เซ็นต์
ในวาระดังกล่าวจะมีการจัดเฉลิมฉลอง เป็นต้นว่า การแสดงคอนเสิร์ตส่วนพระองค์ โดย ร็อด สจ๊วร์ต นักร้องร็อครุ่นเก๋า โดยที่พระชายา คามิลลา ทรงเข้าดูแลการจัดคอนเสิร์ตคราวนี้ด้วยพระองค์เอง
ทว่าในวัยที่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังเกษียณตนเองจากการงาน เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฏราชกุมารแห่งอังกฤษ ก็ยังทรงอยู่ในตำแหน่งที่เหมือนรอคอยขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชมารดา นั่นคือ สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่สอง ผู้ทรงยังมีพระพลานามัยแข็งแรงดีแม้ขณะนี้ทรงมีพระชนมายุ 82 พรรษา
เพนนี จูเนอร์ ผู้เขียนหนังสือชีวประวัติของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ไม่เห็นด้วยกับที่มีผู้ระบุว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงรู้สึกคับข้องพระทัยกับการอยู่ในบทบาทรองที่เป็นอยู่ “ดิฉันไม่คิดว่าพระองค์ทรงอึดอัดกับการที่ยังรอขึ้นครองราชย์ นั่นเป็นเพราะว่าช่วงเวลาที่ทรงขึ้นครองราชย์นั้นพระองค์จะต้องเศร้าพระทัยอย่างใหญ่หลวงกับการสวรรคตของพระราชมารดา นั่นเป็นธรรมชาติของพระราชภารกิจดังกล่าว... ดิฉันคิดว่าทรงรู้ดีว่ายังทรงงานที่เป็ประโยชน์ได้อีกมากมายในฐานะของ เจ้าชายแห่งเวลส์ (มกุฏราชกุมารอังกฤษ)”
ทั้งนี้ นอกจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์จะทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจประจำวันต่างๆ แล้ว ยังต้องทรงดูแลมูลนิธิการกุศลของพระองค์อีกราว 20 แห่งซึ่งรวมทั้ง “ทรัสต์” ส่วนพระองค์ที่ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เริ่มบุกเบิกธุรกิจของตนเอง
นอกจากนั้น แม้จะวางพระองค์ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็ได้ทรงมีพระวินิจฉัยในเรื่องต่างๆ มากมาย ตั้งแต่สถาปัตยกรรมแบบสมัยใหม่ที่ไม่ทรงชื่นชอบ ไปจนถึงเรื่องการทำเกษตรแบบอินทรีย์ที่ทรงสนับสนุน และแม้จะมีผู้วิพากษ์วิจารณ์พระวินิจฉัยดังกล่าว แต่พระองค์ก็ไม่ทรงถือสา ดังที่ทรงมีพระดำรัสตอบในรายการสารคดีที่สถานีโทรทัศน์บีบีซีจัดทำขึ้นเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพคราวนี้ ว่า
“ที่จริงแล้ว ข้าพเจ้าน่าจะนั่งอยู่เฉยๆ แล้วไม่ทำอะไรเลย แต่นั่นก็จะมีคนตำหนิว่า ‘ทำไมเจ้าชายถึงทำตัวไร้ประโยชน์ขนาดนั้น’ ”
“ดังนั้นข้าพเจ้าจึงยอมถูกวิจารณ์เรื่องที่ทำอะไรต่ออะไรไปเสีย ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย” ทรงให้สัมภาษณ์
เมื่อยังทรงพระเยาว์ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์มีบุคลิกเงียบขรึมและอ่อนไหว ทรงมีพระดำรัสเกี่ยวกับการศึกษาในโรงเรียนกอร์ดอนสตัน ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนที่เข้มงวดในสกอตแลนด์ว่าเป็น “การถูกจำคุก”
ในปี 1981 ทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสที่เหมือนเทพนิยาย กับไดอานา สเปนเซอร์ และมีพระโอรส 2 พระองค์คือเจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รี
แต่ชีวิตสมรสที่ล้มเหลวประจวบกับเจ้าหญิงไดอานาประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเสียชีวิตที่ปารีสในปี 1997 ก็นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อราชสำนักว่าเย็นชาต่อการจากไปของเจ้าหญิงไดอานา
ส่วนเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ได้ทรงรอเวลาอีกถึง 8 ปีจึงทรงอภิเษกสมรสกับคามิลลา ปาร์กเกอร์ โบว์ลส์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกเจ้าหญิงไดอานาพาดพิงว่า “มีพวกเราสามคนด้วยกันในการแต่งงานนี้”
จูเนอร์กล่าวว่าการที่คามิลลาแตกต่างจากไดอานา นั่นคือคามิลลาชอบชีวิตในชนบทเช่นเดียวกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ยังมีส่วนช่วยให้พวกนักข่าวสนใจเรื่องราวส่วนพระองค์น้อยลง
เอมมา โซมส์ ซึ่งเคยเป็นพระสหายใกล้ชิดของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กล่าวว่า แม้พระองค์จะมีพระชนมพรรษาสูงวัย แต่หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เจ้าชายวิลเลียมได้ขึ้นครองราชย์แทน พระองค์ก็คงเสียพระทัยอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจความเห็นล่าสุดที่นำออกเผยแพร่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา น่าจะถือเป็นข่าวดีสำหรับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เพราะชาวอังกฤษ 42 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าพระองค์ควรจะได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชมารดา ในขณะที่ 35 เปอร์เซ็นต์เห็นว่าผู้ที่เหมาะจะเป็นกษัตริย์พระองค์ต่อไปคือเจ้าชายวิลเลียม เปรียบเทียบกับผลสำรวจในปี 2005 ซึ่งพระองค์ได้เพียง 31 เปอร์เซ็นต์ ส่วนพระโอรสของพระองค์ได้ 42 เปอร์เซ็นต์
