นายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิป) กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติม 1 แสนล้านบาท เพื่ออัดฉีดเศรษฐกิจของประเทศว่า อยู่ที่รัฐบาลว่าจะทำงบประมาณเสร็จเมื่อใด คาดว่าคงจะเป็นช่วงปลายเดือนธ.ค.นี้
เมื่อถามถึงกรณีที่หลายฝ่ายห่วงว่าจะมีการสอดไส้แก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามาด้วย นายวิทยา กล่าวว่า คนละเรื่องกัน ต้องแยกให้ออกเพราะการพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องเป็นการประชุมร่วมกันของรัฐสภา แต่การพิจารณางบประมาณ เป็นการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น ผู้สื่อข่าวถามว่า จะยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เมื่อใด นายวิทยา ตอบว่าต้องดูเวลาที่เหมาะสม หลังงานพระราชพิธีฯ เราก็จะดูอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อถามว่า ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนหลายคน อยากให้ชะลอการเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปก่อน ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ตนอยู่ในพรรคพลังประชาชนเหมือนกัน จึงอยากรู้ว่า ใครเป็นคนแถลงว่าต้องการให้ชะลอ อาจเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของโฆษกพรรคพลังประชาชน แต่ไม่ใช่มติพรรค ทั้งนี้ การจะมีมติว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ไม่ใช่ฟังความเห็นเพียงแค่ในพรรคพลังประชาชนเท่านั้น แต่ต้องฟังพรรคร่วมรัฐบาล และสมาชิกวุฒิสภาด้วย เพราะต้องเป็นความเห็นร่วมกันของทุกพรรคการเมือง
นายวิทยา กล่าวด้วยว่าขณะนี้ได้รวบรวมรายชื่อของผู้สนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญได้ครบ 1 ใน 5 ของสมาชิกรัฐสภาแล้ว แต่ก็ต้องกลับไปหารือกันอีกครั้ง มิใช่ได้จำนวน 1 ใน 5 แล้วจะพอ เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่างน้อยต้องได้รับความเห็นชอบของสมาชิกรัฐสภาเกินกึ่งหนึ่งด้วย ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะนำเรื่องนี้ไปหารือกับสมาชิกวุฒิสภาก่อน
เมื่อถามว่าต้องการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อช่วยพ.ต.ท.ทักษิณ ใช่หรือไม่ นายวิทยา ตอบว่าไม่เกี่ยวกัน ต้องแยกกันให้ออกว่า ส.ส.เองต้องทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรเหมือนกัน ดังนั้นอย่านำมาปนกัน
**จับตารัฐบาลฉวยโอกาสแก้รธน.
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงท่าทีของรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อตั้ง ส.ส.ร.3 ว่า ขณะนี้ยังมีความสับสนว่า จะมีการยื่นต่อประธานรัฐสภา ในสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัตินี้หรือไม่ เพราะไม่มีความชัดเจนจากพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะเอาอย่างไร
ส่วนการที่ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน ออกมาระบุว่า จะเลื่อนออกไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ขณะที่ ประธานวิปรัฐบาล อ้างว่าได้รวบรวมรายชื่อ ส.ส. และส.ว. ครบตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว รวมทั้งการที่นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาบอกว่า อาจจะใช้ร่างแก้ไข รธน. ของ คปพร. ขึ้นมาพิจารณาในสถานการณ์ที่เอื้ออำนวย จึงไม่ทราบว่า จุดยื่นของพรรคพลังประชาชนเป็นอย่างไรกันแน่ และใครเป็นคนที่เป็นตัวแทนของพรรคในการแสดงความเห็น
นายเทพไท กล่าวว่า ความคลุมเครือต่อกรณีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 จะยื่นหรือไม่ พรรคประชาธิปัตย์ก็เฝ้าจับตามองอยู่ตลอดเวลา เพราะอาจมีการฉวยโอกาส ยื่นแก้ไขแบบฉุกละหุก เพื่อไม่ให้ฝ่ายที่ต่อต้านตั้งตัวได้ทัน เพราะยังมีการประชุมร่วมรัฐสภาอีก 2 ครั้ง เพื่อพิจารณาข้อตกลง กรณีไทยและเกาหลี และเพื่อพิจารณาอนุมัติงบประมาณร่ายจ่ายกลางปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 1 แสนล้านบาท จึงอยากเรียกร้องให้พรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาล มีมติออกมาอย่างชัดเจนว่า มีท่าทีอย่างไรต่อการแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อไม่ให้สังคมสับสนและหวาดระแวงอีกต่อไป และการดำเนินการใดๆ ควรคำนึงถึงความสงบเรียบร้อย และความสมานฉันท์ของคนชาติ รวมทั้งสถานการณ์บ้านเมือง ประกอบการพิจารณาด้วย
เมื่อถามถึงกรณีที่หลายฝ่ายห่วงว่าจะมีการสอดไส้แก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามาด้วย นายวิทยา กล่าวว่า คนละเรื่องกัน ต้องแยกให้ออกเพราะการพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องเป็นการประชุมร่วมกันของรัฐสภา แต่การพิจารณางบประมาณ เป็นการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น ผู้สื่อข่าวถามว่า จะยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เมื่อใด นายวิทยา ตอบว่าต้องดูเวลาที่เหมาะสม หลังงานพระราชพิธีฯ เราก็จะดูอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อถามว่า ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนหลายคน อยากให้ชะลอการเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปก่อน ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ตนอยู่ในพรรคพลังประชาชนเหมือนกัน จึงอยากรู้ว่า ใครเป็นคนแถลงว่าต้องการให้ชะลอ อาจเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของโฆษกพรรคพลังประชาชน แต่ไม่ใช่มติพรรค ทั้งนี้ การจะมีมติว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ไม่ใช่ฟังความเห็นเพียงแค่ในพรรคพลังประชาชนเท่านั้น แต่ต้องฟังพรรคร่วมรัฐบาล และสมาชิกวุฒิสภาด้วย เพราะต้องเป็นความเห็นร่วมกันของทุกพรรคการเมือง
นายวิทยา กล่าวด้วยว่าขณะนี้ได้รวบรวมรายชื่อของผู้สนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญได้ครบ 1 ใน 5 ของสมาชิกรัฐสภาแล้ว แต่ก็ต้องกลับไปหารือกันอีกครั้ง มิใช่ได้จำนวน 1 ใน 5 แล้วจะพอ เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่างน้อยต้องได้รับความเห็นชอบของสมาชิกรัฐสภาเกินกึ่งหนึ่งด้วย ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะนำเรื่องนี้ไปหารือกับสมาชิกวุฒิสภาก่อน
เมื่อถามว่าต้องการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อช่วยพ.ต.ท.ทักษิณ ใช่หรือไม่ นายวิทยา ตอบว่าไม่เกี่ยวกัน ต้องแยกกันให้ออกว่า ส.ส.เองต้องทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรเหมือนกัน ดังนั้นอย่านำมาปนกัน
**จับตารัฐบาลฉวยโอกาสแก้รธน.
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงท่าทีของรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อตั้ง ส.ส.ร.3 ว่า ขณะนี้ยังมีความสับสนว่า จะมีการยื่นต่อประธานรัฐสภา ในสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัตินี้หรือไม่ เพราะไม่มีความชัดเจนจากพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะเอาอย่างไร
ส่วนการที่ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน ออกมาระบุว่า จะเลื่อนออกไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ขณะที่ ประธานวิปรัฐบาล อ้างว่าได้รวบรวมรายชื่อ ส.ส. และส.ว. ครบตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว รวมทั้งการที่นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาบอกว่า อาจจะใช้ร่างแก้ไข รธน. ของ คปพร. ขึ้นมาพิจารณาในสถานการณ์ที่เอื้ออำนวย จึงไม่ทราบว่า จุดยื่นของพรรคพลังประชาชนเป็นอย่างไรกันแน่ และใครเป็นคนที่เป็นตัวแทนของพรรคในการแสดงความเห็น
นายเทพไท กล่าวว่า ความคลุมเครือต่อกรณีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 จะยื่นหรือไม่ พรรคประชาธิปัตย์ก็เฝ้าจับตามองอยู่ตลอดเวลา เพราะอาจมีการฉวยโอกาส ยื่นแก้ไขแบบฉุกละหุก เพื่อไม่ให้ฝ่ายที่ต่อต้านตั้งตัวได้ทัน เพราะยังมีการประชุมร่วมรัฐสภาอีก 2 ครั้ง เพื่อพิจารณาข้อตกลง กรณีไทยและเกาหลี และเพื่อพิจารณาอนุมัติงบประมาณร่ายจ่ายกลางปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 1 แสนล้านบาท จึงอยากเรียกร้องให้พรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาล มีมติออกมาอย่างชัดเจนว่า มีท่าทีอย่างไรต่อการแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อไม่ให้สังคมสับสนและหวาดระแวงอีกต่อไป และการดำเนินการใดๆ ควรคำนึงถึงความสงบเรียบร้อย และความสมานฉันท์ของคนชาติ รวมทั้งสถานการณ์บ้านเมือง ประกอบการพิจารณาด้วย