xs
xsm
sm
md
lg

แน่จริงทักษิณพูดมาเลยว่า “เขา” คือใคร?

เผยแพร่:   โดย: ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

ใครจะไปเชื่อได้ว่าวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551ซึ่งเป็นวันก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และเป็นวันคล้ายวันเกิดของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล จะมีข่าวใหญ่ที่ไม่ใครคาดคิดมาก่อนเหมือนเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ของผู้ที่มาชุมนุมร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

รัฐบาลอังกฤษส่งหนังสือไปยังทุกสายการบินว่าได้ยกเลิกวีซ่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร แบบสายฟ้าผ่า!

เป็นฝันร้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษชายหนีอาญาแผ่นดิน ภายหลังจากที่ได้เดินทางออกนอกประเทศอังกฤษและเข้าสายโทรศัพท์เพื่อพูดกับม็อบเสื้อแดงเพื่อด่าทอกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยด้วยความย่ามใจว่าไม่มีใครทำอะไรตัวเองได้ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เป็นผลงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เองที่ตัดสินใจบินจากอังกฤษไปฮ่องกง เพื่อไปสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ก่อความวุ่นวายทางการเมืองไม่เลิก โดยไม่สำนึกถึงสถานภาพตัวเองว่าไม่ใช่พลเมืองปกติ แต่เป็นนักโทษหนีอาญาแผ่นดิน ที่ไม่มีสิทธิเท่ากับพลเมืองทั่วไป

นางแจ๊กกี้ สมิธ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย
ประเทศอังกฤษได้ใช้กฎหมายที่ห้ามออกวีซ่าให้ชาวต่างชาติที่ต้องคดีอาญาร้ายแรงมาเป็นเหตุผลในกรณีนี้

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องคดีอาญาร้ายแรงในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ต้องคดีอาญาร้ายแรงในเรื่องหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งเป็นเรื่องความผิดที่เข้าใจได้ในทางสากล ดังนั้นการที่รัฐบาลอังกฤษเพิกถอนวีซ่าจึงยิ่งตอกย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องความถูกกับความผิดต่อกฎหมายอาญา

ความน่าอับอายจึงย่อมตกอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และภรรยา ตลอดจนเป็นการตบหน้าประจานรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ยังไม่ยอมดำเนินการยกเลิกหนังสือเดินทางของนักโทษหนีอาญาแผ่นดิน หรือดำเนินการติดต่อเพื่อนำนักโทษหนีอาญาแผ่นดินคนนี้กลับประเทศไทย

คนอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มักจะออกมาตอบโต้แถลงข่าวทันควันเมื่อเกิดเรื่องใหญ่กับตัวเองเป็นประจำ ยังต้อง “ช็อก” กับเรื่องที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนจนน่าจะแทบทำอะไรไม่ถูกถึง 3 วัน!

แผนการที่อุตส่าห์เสียเงินทองในการจ้างบริษัทล็อบบี้และประชาสัมพันธ์ เพื่อใช้กระแสโลกบีบล้อมประเทศ แทบพังทลายสูญสิ้น เพราะเหมือนเป็นการฉีกหน้าประจาน พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ไปทั่วโลก

ดูผลจากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนแล้ว ก็ยิ่งชัดว่ากรณีนี้ส่งผลสะเทือนสั่นคลอนความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์อีกด้วย!

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเพิ่งจะยอมให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 กับนายนพพร วงศ์อนันต์ หัวหน้าข่าวการเมือง สำนักข่าวรอยเตอร์ ประจำประเทศไทย

คำสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงให้เห็นถึงความอับอาย คั่งแค้น และเสียหน้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตตัวเองจนคำสัมภาษณ์ที่พยายามสะกดอารมณ์ของตัวเอง ได้ระเบิดอารมณ์และสติแตกในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ โดยเฉพาะเรื่องการพิสูจน์ตัวเองดังนี้

รอยเตอร์ : แล้วจะพิสูจน์ตัวเองอย่างไร?

ทักษิณ : ผมถูกกล่าวหา Politically (การเมือง) ก็ต้องมาแก้ด้วย Politically แก้ยังไงก็ไม่รู้ เอาแค่นี้พอ

ประเด็นนี้ น่าสังเกตว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้คำว่า “ผมถูกกล่าวหา” ทั้งที่ถึงเวลานี้ไม่ใช่การกล่าวหาอีกต่อไปแต่เป็นการถูกตัดสินโดย “คำพิพากษา” ของศาลแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามหลอกคนทั้งโลก ว่าเป็นเรื่องการเมือง และจะแก้ด้วยการเมือง ซึ่งหลอกชาวอังกฤษและชาวโลกไม่สำเร็จ

รอยเตอร์ : พูดกันว่าเหตุผลหนึ่งที่ท่านถูกยกเลิกวีซ่าเพราะท่านอยู่ระหว่างการขอลี้ภัย แต่ท่านออกนอกประเทศเสียก่อน

ทักษิณ : ไม่ ผมยกเลิกการขอลี้ภัย เพราะผมไม่จำเป็น ผมไม่ต้องการคำว่าลี้ภัย ผมต้องการเสรีภาพ เพราะผมเป็นนักประชาธิปไตย ผมต้องการคำว่าเสรีภาพ อะไรที่ไม่มีเสรีภาพผมไม่ชอบ

พ.ต.ท.ทักษิณ พยามกลบเกลื่อนความน่าอับอายขายหน้าของตัวเอง โดยอ้างว่าตัวเองต้องการเสรีภาพจึงเป็นฝ่ายที่ขอยกเลิกการขอลี้ภัย ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงประเทศอังกฤษต่างหากเป็นฝ่ายที่ยกเลิกวีซ่า จนพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่รู้เนื้อรู้ตัวและต้องร่อนเร่พเนจรเหมือนสัมภเวสีอยู่ทุกวันนี้

รอยเตอร์ : พิสูจน์ทางการเมืองก็ยังไม่กลับมาพิสูจน์

ทักษิณ : มีเวลาเยอะแยะ ไม่ต้องห่วง มีเวลาเยอะแยะ ยังแข็งแรงดีอยู่ เนลสัน มันเดลา เขายังสู้ต้องหลายปี (หัวเราะ)

คำตอบนี้ดูแล้วน่าสมเพช ไม่ยอมกลับมาพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรมเพราะหนีคุก โดยปลอบใจตัวเองว่ายังแข็งแรงดี และเทียบชั้นตัวเองเป็น เนลสัน มันเดลา ว่ายังต้องสู้หลายปีกว่าจะชนะ

เนลสัน โรลิห์ลาห์ลา มันเดลลา (Nelson Mandela)เป็นประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้คนแรก ที่ได้รับเลือกตั้งตามกระบวนการทางประชาธิปไตย ก่อนหน้านี้เป็นนักเคลื่อนไหวตัวยงเพื่อต่อต้านนโยบายแยกคนต่างผิวออกจากกันในแอฟริกาใต้ จากที่แรกเริ่มเป็นผู้เคลื่อนไหวในทางสันติ ได้กลายมาเป็นผู้นำกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ และได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่อต้านใต้ตินโดยใช้อาวุธ เช่น การก่อวินาศกรรม ในช่วงเวลาดังกล่าว

ผู้นำต่างชาติที่นิยมนโยบายแยกคนต่างผิวออกจากกันในแอฟริกาใต้ เช่น มาร์กาเรต แธตเชอร์ และโรนัลด์ เรแกน ได้ประณามกิจกรรมเหล่านี้ว่าเป็นการก่อการร้าย แต่นอกประเทศแอฟริกาใต้ เนลสันเป็นที่รู้จักในฐานะนักต่อต้านนโยบายแยกคนต่างผิวออกจากกัน เขาถูกจำคุกเป็นเวลาทั้งสิ้น 27 ปี ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นการถูกคุมขังในห้องขังเล็กๆ บนเกาะโรบเบน การถูกคุมขังนี้ได้กลายมาเป็นกรณีตัวอย่างของความอยุติธรรมของนโยบายแยกคนต่างผิวที่ถูกกล่าวถึงไปทั่ว

เนลสัน มันเดลลา ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพในปี 2536 และได้รับการปล่อยตัวในพ.ศ. 2537 และมาเป็นประธานาธิบดี นโยบายประสานไมตรีที่เนลสันได้นำมาใช้ทำให้แอฟริกาใต้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่แห่งประชาธิปไตย ซึ่งนับเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ ที่ชาวแอฟริกาใต้ส่วนใหญ่เชื่อว่า ไม่อาจเกิดขึ้นได้หากไม่ได้อิทธิพลจากเนลสัน ขณะนี้ เนลสันมีอายุกว่า 90 ปีแล้ว แต่ก็ยังมีบุคคลทางการเมืองบางคนยังยกย่องเขาในฐานะรัฐบุรุษอาวุโส

มันเดลลา ก็เหมือนกับบุคคลอีกหลายคนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เคยพยายามยกตัวเองไปเปรียบเทียบรัฐบุรุษทั้งหลาย เช่น อองซานซูจี, พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์, หรือนายปรีดี พนมยงค์


ทั้งที่ เนลสัน มันเดลา, อองซานซูจี, พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และนายปรีดี พนมยงค์ ต่างเป็นรัฐบุรุษได้ก็เพราะการมุ่งมั่นทำความดีด้วยศรัทธาและความเชื่อของตัวเอง อย่างซื่อสัตย์ สุจริต ไม่โกงชาติบ้านเมือง ไม่เคยโดนข้อหาการทุจริตคอร์รัปชัน

ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยากจะสู้กับความเชื่อว่า การให้ภรรยาตัวเองไปซื้อที่ดินกับหน่วยงานของรัฐไม่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน หรือเป็นศรัทธาที่เชื่อว่ากฎหมายที่ไม่มีความเป็นธรรมจริงๆ ก็ควรจะยอมถูกจำคุกเหมือน เนลสัน มันเดลา หรือเหมือน นางอองซานซูจี ถูกกักกันตัวไม่ยอมออกนอกประเทศเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยจนทำให้สังคมโลกเห็นความอยุติธรรมในการจำคุกและการกักกันตัวนั้น และได้รับการยกย่องไปทั่วโลก

เนื้อแท้แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คงขี้ขลาดไม่กล้าทำเช่นนั้น เพราะรู้ดีว่าการต่อสู้ของตัวเองมันไม่ได้เป็นการรักษาประชาธิปไตย หรือความอยุติธรรม แต่เป็นเพียงการหนีจากการลงโทษในความผิดของตัวเองในข้อหาอาญา ที่อารยประเทศที่ไหนก็ไม่สามารถรับได้ ใช่หรือไม่?

รอยเตอร์ : ที่จะจัดที่ขอนแก่นหรืออุดรฯ ท่านจะโทร.มาอีกใช่ไหม

ทักษิณ : แน่นอน แน่นอน ผมต้องพูดกับคนที่ยังรักและศรัทธาผม ผมต้องพูดให้เขาฟัง และคราวหน้าก็คงจะพูดยาวขึ้น และคงจะต้องเปิดเผยชื่อผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะมันหนีไม่พ้นละ ในเมื่อเขาไล่ผมอย่างนี้อยู่ มันมากไปแล้ว

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บอกว่า “เขา” อยู่เบื้องหลัง และกระทำมากไปแล้ว!


ขอเชิญเปิดเผยไปเลยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถ้าคิดว่าตัวเองมีความสุขขึ้นจากการถูกประเทศอังกฤษยกเลิกวีซ่า หลังจากที่ได้พูดไปแล้วเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ขอเชิญเปิดเผยไปเลย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะได้ทำให้คนไทยทั้งหลายได้รู้และเข้าใจเสียทีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กำลังกล่าวหาและท้ารบอยู่กับใคร?

อยากเห็นเหมือนกันว่า ประเทศที่ให้พ.ต.ท.ทักษิณ พำนักพักพิงนั้น จะยอมปล่อยให้นักโทษหนีอาญาแผ่นดินคนนี้มาทำร้ายประเทศไทย โดยให้ที่พักพิงต่อไปหรือไม่?

สุดท้ายจะได้รู้ว่าคนไทยและชาวโลกเขาเชื่อ “ทักษิณ” หรือ “เขา” มากกว่ากัน!
กำลังโหลดความคิดเห็น