ผู้จัดการรายวัน – “ตระกูลพูลวรลักษณ์” รุกธุรกิจค้าส่งแฟชั่น ทุ่มพันล้านบาท ผุด เมโทรแฟชั่น บนที่ดินโรงหนังเมโทรเดิม ประตูน้ำ ดักกำลังซื้อหวังแชร์จากตลาดรวมมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท
นายวิสิน พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมโทร แฟชั่น จำกัด เปิดเผยว่า เนื่องจากธุรกิจค้าส่งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายมีมูลค่าประมาณ 60,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการค้าส่งย่านประตูน้ำ 30,000 ล้านบาทคิดเป็น 50% ของมูลค่ารวมธุรกิจค้าส่งสินค้าแฟชั่นในปัจจุบัน ดังนั้นถือเป็นตลาดที่ใหญ่ ล่าสุดทางบริษัทฯจึงตัดสินใจใช้งบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาพื้นที่โรงหนังเมโทรเดิม ให้เป็นแหล่งรวมแฟชั่นค้าส่งชื่อว่า “เมโทร แฟชั่น” ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ย่านประตูน้ำ มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 6,000 ตารางเมตร คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาสแรกปี 2552
โดยบริษัทฯจะใช้กลยุทธ์ทางการตลาดด้านราคาเป็นจุดแข็งในการสร้างฐานลูกค้า เน้นสินค้าที่มีคุณภาพและราคาถูก ซึ่งผู้เช่าพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ผลิตถึง 90% โดยทางบริษัทฯมีการคัดเลือกสินค้าเข้าสู่ศูนย์ฯ โดยเน้นสินค้าที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และเพื่อเป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุดทางบริษัทฯได้ใช้งบการตลาด 50 ล้านบาท เพื่อเป็นการสื่อสารแบบผสมผสานในทุกๆกิจกรรมเพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย
นอกจากนี้ในส่วนของพื้นที่เช่าทางบริษัทฯได้ทำสัญญาเช่ากับผู้เช่า 3 ปี โดยคิดตารางเมตรละ 800-1,200 บาทต่อเดือนซึ่งเป็นราคาเช่าที่ถูกที่สุดในย่านประตูน้ำ เพื่อให้ร้านค้าที่เป็นพันธมิตรกับบริษัทฯได้มีศักยภาพในการแข่งขันกับผู้ประกอบการในย่านเดียวกันมากขึ้น และคาดว่าทางบริษัทฯจะมีรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ 150 ล้านบาทต่อปี
สำหรับกลุ่มเป้าหมายทางบริษัทฯเน้นจับกลุ่มผู้ค้าส่งทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยคาดว่าจะมีผู้มาใช้บริการเฉพาะวันธรรมดาเฉลี่ย 10,000-15,000 คนต่อวัน และมีผู้ใช้บริการเฉพาะวันหยุด เฉลี่ย 30,000 คนต่อวัน
แนวโน้มธุรกิจค้าส่งสินค้าย่านประตูน้ำ มองว่ากลุ่มลูกค้าจากต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจากเดิมจะมีกลุ่มลูกค้าต่างชาติอยู่ที่ 20% จะเพิ่มเป็น 25% ภายในสิ้นปี 2552 เนื่องจากประเทศไทยเป็นฐานของอุตสาหกรรมสิ่งทอที่มีคุณภาพ โดยผู้ซื้อต่างชาติส่วนใหญ่จะเป็นผู้ซื้อจากทางยุโรป ออสเตรเลีย สแกนดิเนเวีย ซึ่งจะสั่งซื้อในปริมาณที่มาก เพื่อนำไปขายต่อ
อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการรองรับกลุ่มลูกค้าจากต่างประเทศทางบริษัทฯมีการเปิดเว็บไซต์เมโทรแฟชั่น เพื่อรองรับการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าจากประเทศต่างๆ
นายวิสิน กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการขยายสาขานั้นยังคงต้องศึกษาปัจจัยหลายๆ อย่าง ทั้งในเรื่องของผลตอบรับจากลูกค้า รวมทั้งในเรื่องของผู้เช่าพื้นที่ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งต้องรอดูจากผลตอบจากสาขาแรกก่อน ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ในสิ้นปี 2552
นายวิสิน พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมโทร แฟชั่น จำกัด เปิดเผยว่า เนื่องจากธุรกิจค้าส่งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายมีมูลค่าประมาณ 60,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการค้าส่งย่านประตูน้ำ 30,000 ล้านบาทคิดเป็น 50% ของมูลค่ารวมธุรกิจค้าส่งสินค้าแฟชั่นในปัจจุบัน ดังนั้นถือเป็นตลาดที่ใหญ่ ล่าสุดทางบริษัทฯจึงตัดสินใจใช้งบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาพื้นที่โรงหนังเมโทรเดิม ให้เป็นแหล่งรวมแฟชั่นค้าส่งชื่อว่า “เมโทร แฟชั่น” ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ย่านประตูน้ำ มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 6,000 ตารางเมตร คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาสแรกปี 2552
โดยบริษัทฯจะใช้กลยุทธ์ทางการตลาดด้านราคาเป็นจุดแข็งในการสร้างฐานลูกค้า เน้นสินค้าที่มีคุณภาพและราคาถูก ซึ่งผู้เช่าพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ผลิตถึง 90% โดยทางบริษัทฯมีการคัดเลือกสินค้าเข้าสู่ศูนย์ฯ โดยเน้นสินค้าที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และเพื่อเป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุดทางบริษัทฯได้ใช้งบการตลาด 50 ล้านบาท เพื่อเป็นการสื่อสารแบบผสมผสานในทุกๆกิจกรรมเพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย
นอกจากนี้ในส่วนของพื้นที่เช่าทางบริษัทฯได้ทำสัญญาเช่ากับผู้เช่า 3 ปี โดยคิดตารางเมตรละ 800-1,200 บาทต่อเดือนซึ่งเป็นราคาเช่าที่ถูกที่สุดในย่านประตูน้ำ เพื่อให้ร้านค้าที่เป็นพันธมิตรกับบริษัทฯได้มีศักยภาพในการแข่งขันกับผู้ประกอบการในย่านเดียวกันมากขึ้น และคาดว่าทางบริษัทฯจะมีรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ 150 ล้านบาทต่อปี
สำหรับกลุ่มเป้าหมายทางบริษัทฯเน้นจับกลุ่มผู้ค้าส่งทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยคาดว่าจะมีผู้มาใช้บริการเฉพาะวันธรรมดาเฉลี่ย 10,000-15,000 คนต่อวัน และมีผู้ใช้บริการเฉพาะวันหยุด เฉลี่ย 30,000 คนต่อวัน
แนวโน้มธุรกิจค้าส่งสินค้าย่านประตูน้ำ มองว่ากลุ่มลูกค้าจากต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจากเดิมจะมีกลุ่มลูกค้าต่างชาติอยู่ที่ 20% จะเพิ่มเป็น 25% ภายในสิ้นปี 2552 เนื่องจากประเทศไทยเป็นฐานของอุตสาหกรรมสิ่งทอที่มีคุณภาพ โดยผู้ซื้อต่างชาติส่วนใหญ่จะเป็นผู้ซื้อจากทางยุโรป ออสเตรเลีย สแกนดิเนเวีย ซึ่งจะสั่งซื้อในปริมาณที่มาก เพื่อนำไปขายต่อ
อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการรองรับกลุ่มลูกค้าจากต่างประเทศทางบริษัทฯมีการเปิดเว็บไซต์เมโทรแฟชั่น เพื่อรองรับการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าจากประเทศต่างๆ
นายวิสิน กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการขยายสาขานั้นยังคงต้องศึกษาปัจจัยหลายๆ อย่าง ทั้งในเรื่องของผลตอบรับจากลูกค้า รวมทั้งในเรื่องของผู้เช่าพื้นที่ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งต้องรอดูจากผลตอบจากสาขาแรกก่อน ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ในสิ้นปี 2552
