ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่าการที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ยืนยันจะเดินหน้าเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองนั้น สามารถทำได้หากรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ครบ 10,000 ชื่อ ก็สามารถเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวได้ ถ้าทำแล้วไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญก็ไม่น่ามีปัญหา แต่จะเหมาะสมหรือไม่ที่จะทำในช่วงนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
สำหรับผมยังย้ำว่า บรรยากาศการเมืองตอนนี้ คนยังไม่ค่อยเห็นพ้องต้องกัน ดังนั้น ควรให้ผ่านงานพระราชพิธีต่างๆ ไปก่อน เพราะการแก้กฎหมายใดต้องมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หากเสนอตอนนี้ เกรงว่าจะทำให้เกิดการโต้แย้งกันขึ้น
นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังมีกฎหมายอีกหลายฉบับที่ควรต้องออกตามรัฐธรรมนูญกำหนด แต่รัฐบาลยังไม่มีการเสนอ และยังไม่มีการพิจารณาออกมา ซึ่งรัฐบาลน่าจะรีบทำมากกว่าร่างกฎหมายนิรโทษกรรม และเท่าที่ดูในสมัยประชุมนิติบัญญัตินี้ ก็มีกฎหมายออกมาออกมาเพียงไม่กี่ฉบับ
สำหรับกรณีที่กฎหมายเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่น มีเนื้อหาไม่สอดคล้องกับการเลือกตั้ง ส.ส. นั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้เตรียมยกร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมและเตรียมเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยเฉพาะเรื่องการนับคะแนนหลังลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้ง ส.ส.นั้นไปนับที่หน้าหน่วยเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งท้องถิ่นกลับให้รวมกันไปนับที่ส่วนกลาง หรือผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องมีชื่อในทะเบียนบ้านของท้องที่ที่มีสิทธิเลือกตั้ง ไม่น้อยกว่า 90 วัน แต่ของท้องถิ่นต้องมีชื่อไม่น้อยกว่า 1 ปี จึงต้องการปรับกฎหมายให้สอดคล้องกัน
ด้าน นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่ นพ. ทศพร เสนารักษ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ออกมาเคลื่อนไหวเตรียมออกพ.ร.บ. ยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 เพื่อให้อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน ไม่ต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองว่า เป็นเรื่องที่ดีจะได้ให้สังคมรู้ว่า คนที่ออกมา ให้ยกเลิก ประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 ออกอาการตัวสั่นมากแค่ไหน ความจริงไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น เพราะยังไงเขาต้องปลดล็อคให้ 111 คนอยู่แล้ว จะเห็นได้ว่าหลังจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาคนในพรรคพลังประชาชนเอง รวมทั้ง อดีตกรรมการบริกหารพรรคไทยรักไทย ทั้ง 111 คนก็ออกมาเคลื่อนไหวที่จะให้มีการแก้ รัฐธรรมนูญ มาตรา 309 ที่เกี่ยวข้องกับคดีความของ คตส.ที่ดำเนินคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และปลดล็อคกรรมการบริการพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน พอมีคนคัดค้านก็เปลี่ยนรูปแบบใหม่ โดยคิดที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อให้ตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 3 (ส.ส.ร.3) ขึ้นมา โดยไม่ฟังเสียงของอธิการบดี24 สถาบันที่ต้องการให้คนกลางเข้ามาร่างรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม ส.ส.พรรคพลังประชาชนยังคงเดินหน้าล่าชื่อประชาชนเพื่อให้สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี โดยล่าสุด นายปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.ขอนแก่น กลุ่มเพื่อนเนวิน พรรคพลังประชาชน เจ้าของแนวคิดร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมดังกล่าว ยืนยันว่าจะล่ารายชื่อประชาชนเพื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวต่อไป โดยจะล่ารายชื่อประชาชนจากจังหวัดขอนแก่น และบริเวณใกล้เรียง เช่น จังหวัดมหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ สกลนคร อุดรธานี หนองบัวลำภู เป็นต้น ให้ได้จังหวัดละ 2,000 คน คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าคงได้รายชื่อครบ และเสนอให้ทันสมัยประชุมสภาครั้งนี้ หากไม่สามารถเข้าชื่อได้เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ ก็คงไม่ใช้ช่องทาง ส.ส. 1 ใน 20 คน เสนอแทน เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องการไม่เกี่ยวข้องกับ ส.ส.
ด้าน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง รักษาการโฆษกพรรคพลังประชาชน กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่าร การเสนอร่างกฎหมายยกเลิกประกาศคณะปฏิรูปการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ( คปค.) ฉบับที่ 27 ของ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยนั้น แม้ว่าประกาศ คปค.จะขัดต่อหลักนิติธรรมและควรยกเลิกประกาศดังกล่าวก็ตาม แต่คิดว่ายังไม่ถึงเวลา เพราะต้องรอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนจึงจะยกเลิกประกาศดังกล่าวได้ รวมทั้งการเสนอกฎหมายของนายปัญญา ศรีปัญญานั้น ก็ไม่ใช่ท่าทีของพรรคพลังประชาชน
สำหรับผมยังย้ำว่า บรรยากาศการเมืองตอนนี้ คนยังไม่ค่อยเห็นพ้องต้องกัน ดังนั้น ควรให้ผ่านงานพระราชพิธีต่างๆ ไปก่อน เพราะการแก้กฎหมายใดต้องมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หากเสนอตอนนี้ เกรงว่าจะทำให้เกิดการโต้แย้งกันขึ้น
นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังมีกฎหมายอีกหลายฉบับที่ควรต้องออกตามรัฐธรรมนูญกำหนด แต่รัฐบาลยังไม่มีการเสนอ และยังไม่มีการพิจารณาออกมา ซึ่งรัฐบาลน่าจะรีบทำมากกว่าร่างกฎหมายนิรโทษกรรม และเท่าที่ดูในสมัยประชุมนิติบัญญัตินี้ ก็มีกฎหมายออกมาออกมาเพียงไม่กี่ฉบับ
สำหรับกรณีที่กฎหมายเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่น มีเนื้อหาไม่สอดคล้องกับการเลือกตั้ง ส.ส. นั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้เตรียมยกร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมและเตรียมเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยเฉพาะเรื่องการนับคะแนนหลังลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้ง ส.ส.นั้นไปนับที่หน้าหน่วยเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งท้องถิ่นกลับให้รวมกันไปนับที่ส่วนกลาง หรือผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องมีชื่อในทะเบียนบ้านของท้องที่ที่มีสิทธิเลือกตั้ง ไม่น้อยกว่า 90 วัน แต่ของท้องถิ่นต้องมีชื่อไม่น้อยกว่า 1 ปี จึงต้องการปรับกฎหมายให้สอดคล้องกัน
ด้าน นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่ นพ. ทศพร เสนารักษ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ออกมาเคลื่อนไหวเตรียมออกพ.ร.บ. ยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 เพื่อให้อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน ไม่ต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองว่า เป็นเรื่องที่ดีจะได้ให้สังคมรู้ว่า คนที่ออกมา ให้ยกเลิก ประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 ออกอาการตัวสั่นมากแค่ไหน ความจริงไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น เพราะยังไงเขาต้องปลดล็อคให้ 111 คนอยู่แล้ว จะเห็นได้ว่าหลังจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาคนในพรรคพลังประชาชนเอง รวมทั้ง อดีตกรรมการบริกหารพรรคไทยรักไทย ทั้ง 111 คนก็ออกมาเคลื่อนไหวที่จะให้มีการแก้ รัฐธรรมนูญ มาตรา 309 ที่เกี่ยวข้องกับคดีความของ คตส.ที่ดำเนินคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และปลดล็อคกรรมการบริการพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน พอมีคนคัดค้านก็เปลี่ยนรูปแบบใหม่ โดยคิดที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อให้ตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 3 (ส.ส.ร.3) ขึ้นมา โดยไม่ฟังเสียงของอธิการบดี24 สถาบันที่ต้องการให้คนกลางเข้ามาร่างรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม ส.ส.พรรคพลังประชาชนยังคงเดินหน้าล่าชื่อประชาชนเพื่อให้สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี โดยล่าสุด นายปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.ขอนแก่น กลุ่มเพื่อนเนวิน พรรคพลังประชาชน เจ้าของแนวคิดร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมดังกล่าว ยืนยันว่าจะล่ารายชื่อประชาชนเพื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวต่อไป โดยจะล่ารายชื่อประชาชนจากจังหวัดขอนแก่น และบริเวณใกล้เรียง เช่น จังหวัดมหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ สกลนคร อุดรธานี หนองบัวลำภู เป็นต้น ให้ได้จังหวัดละ 2,000 คน คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าคงได้รายชื่อครบ และเสนอให้ทันสมัยประชุมสภาครั้งนี้ หากไม่สามารถเข้าชื่อได้เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ ก็คงไม่ใช้ช่องทาง ส.ส. 1 ใน 20 คน เสนอแทน เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องการไม่เกี่ยวข้องกับ ส.ส.
ด้าน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง รักษาการโฆษกพรรคพลังประชาชน กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่าร การเสนอร่างกฎหมายยกเลิกประกาศคณะปฏิรูปการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ( คปค.) ฉบับที่ 27 ของ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยนั้น แม้ว่าประกาศ คปค.จะขัดต่อหลักนิติธรรมและควรยกเลิกประกาศดังกล่าวก็ตาม แต่คิดว่ายังไม่ถึงเวลา เพราะต้องรอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนจึงจะยกเลิกประกาศดังกล่าวได้ รวมทั้งการเสนอกฎหมายของนายปัญญา ศรีปัญญานั้น ก็ไม่ใช่ท่าทีของพรรคพลังประชาชน
