xs
xsm
sm
md
lg

พธม.ชี้ชัยโอบามาจุดไฟการเมืองใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - “สนธิ” ย้ำชัยชนะบารัคโอบามา จุดประกายไฟการเมืองใหม่ของไทย ย้ำถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้ว เปรียบเทียบการต่อสู้ของ “พันธมิตรฯ” กับ “บารัค” เป็นเส้นทางเดียวกัน พันธมิตรฯ อัดทหารแก้ปัญหาชาติหน่อมแน้มเกินไป ลั่นต้องทำหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง แต่ไม่ใช่การรัฐประหาร พร้อมซัดปล่อย “เสธ.แดง”ข่มขู่ประชาชน ขณะที่อัยการนัดสั่งคดี 9 แกนนำ18 พ.ย.นี้ หลังตำรวจส่งสำนวนฟ้อง ด้านทนายจวกตำรวจเร่งรัดสรุปสำนวน ตั้งข้อหากลั่นแกล้ง ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรม รวบรวมรายละเอียดพยานบุคคล – เอกสารเสนออัยการเพิ่มเติมภายใน 30 วัน นักภาษาศาสตร์ชำแหละโฟนอิน ซัดบิดเบือนความหมายของคำ

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การได้รับชัยชนะของบารัค โอบาม่า ถือเป็นประวัติศาสตร์ ชนะโดยเฉพาะอย่างมลรัฐยุทธศาสตร์ 3 พื้นที่ที่จะต้องชนะเช่น โอไฮโอ ฟลอริดา เป็นครั้งแรกการเลือกตั้งสหรัฐที่พรรคเดโมแครตชนะทั้ง 3 มลรัฐโดยที่พรรครีพับลิกันโดยจอน แมคเคน แพ้ วันนี้ต้องใส่เสื้อสีฟ้าเพราะว่า ชัยชนะครั้งนี้เป็นชัยชนะน้ำเงินที่มีต่อสีแดง เพราะว่า พรรครีพับลิกันใช้สีแดง ส่วนเดโมแครตใช้สีฟ้าออกน้ำเงิน

เทียบ พธม.กับบารัคเหมือนกัน

นายสนธิ กล่าวเปรียบเทียบถึงการต่อสู้ระหว่างนายบารัคและนายจอนครั้งนี้กับการเมืองไทยเวลานี้ว่า นายจอน หาเสียงด้วยทุนที่ได้รับจากบริษัทใหญ่ ๆ เช่น น้ำมัน ขายยา รถยนต์ โทรคมนาคม หลายบริษัท แต่บารัคได้เงินจากคนอเมริกัน 20-30 ล้านคน คนอเมริกันส่งเงินให้เขา 5 เหรียญบ้าง 20 เหรียญบ้าง เหมือนการต่อสู้ของพันธมิตรฯไม่มีผิดเลย

บารัคชนะครั้งนี้แสดงว่า ชัยชนะของบารัค คือ ความหวัง ไม่ได้ต่างจากพวกเรามาต่อสู้ที่นี่เพราะพวกเรามีความหวัง เหมือนกันหมด บารัคโอบามาบอกว่า เขาอยากจะเห็นความหวังของสหรัฐอเมริกา เดินไปข้างหน้า ทิ้งเรื่องเลวร้ายในอดีตแล้วมาสร้างชาติ บารัคกล่าวสุนทรพจน์ว่า สำหรับผมแล้ว ผมขอบพระคุณทุกเสียงที่ลงคะแนนให้ผม ขณะเดียวกันเสียงที่ไม่ลงคะแนนให้ผมไม่ได้แปลว่าผมจะไม่สนใจ ผมจะฟังคุณมากขึ้น ผมเป็นประธานาธิบดีให้กับคนที่ลงคะแนนและไม่ลงคะแนนให้ผม

“สิ่งนี้ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าครั้งหนึ่งไทยเรามีนายกที่บอกว่า คนที่เลือกผมผมจะช่วย จังหวัดไหนไม่เลือกผม ผมไม่ช่วย นี่คือข้อแตกต่าง คุณภาพคนต่างกันมหาศาล”

เรื่องที่เราพูดนั้นถ้าเราโยงตัวอย่างความดีเราก็ต้องโยงกับตัวอย่างความเลว ด้วย วันนี้ความเลวเยอะมาก เห็นได้ชัด ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คนอเมริกันที่ออกมา 131 ล้านเสียง เพราะเขาไม่ต้องการจอร์จ บุช และลูกน้องบุชที่จะเข้ามา เหมือนกับพวกเราที่ไม่ต้องการทักษิณ สมัคร สมชาย

การต่อสู้ทางการเมืองของเขา เขาเคารพมารยาทและกติกาทางการเมือง แม้วุฒิสมาชิกเขาบางคน ถูกข้อกล่าวหาว่ามีกิ๊ก ยังต้องลาออกด้วยความอับอาย นับประสาอะไรกับบางคนมีถึงคลิปวิดีโอ ยังหน้าด้านอยู่เหมือนเดิม วุฒิสมาชิกเขา ทำอะไรที่ผิดจรรยาบรรณนิดนึงถูกกดดันให้ลาออก ออกทันที แต่สส.บ้านเรากระโดดถีบอกสส.อีกพรรคยังเดินเชิดหน้าชูตาในสภา เราไม่มีนักการเมืองที่เข้ามารับใช้ประชาชน มีแต่เพื่อเข้ามารับใช้นายทุนเท่านั้นเอง

“งวดนี้ บารัคได้เงิน 20,000 กว่าล้านบาท แล้วเขามาหาเสียง แต่พรรคการเมืองของไทย ไม่ได้รับจากประชาชน แต่ได้รับเงินก้อนจากนายทุนระบบทักษิณเป็นหมื่นล้านต่างกันมหาศาล” นายสนธิกล่าว และว่า

ของเราประชาธิปไตยจอมปลอม ในอเมริกาการทำอะไรที่ขัดต่อรธน. จะไม่มีใครยอมเป็นอันขาด เพราะรธน.เขาตั้งเอาไว้ ทำไมอเมริกาต้องมีคะแนนเสียง 2 ประเภท คือ 1.ป๊อปปูล่าโหวต คือ เอาคะแนนทั่วอเมริกามาบวกกัน ถ้าใครมากกว่าก็ชนะ แต่ไม่ขาด 2.อีเลคโทรรัลโหวต แปลว่า รัฐๆหนึ่งมีคะแนนเสียงตามมี่กำหนดไว้ ตามขนาดรัฐ เช่น มิชิแกนมีคะแนนเสียงพิเศษประมาณ 21 เสียง เพนซิลวาเนียประมาณ 18 เสียง แปลว่าเขาป้องกันไม่ให้คนได้คะแนนอันดับหนึ่งในที่ชุมชนเยอะๆ เช่นที่นิวยอร์ก ถ้าชนะเมืองใหญ่ต้องชนะเมืองเล็กด้วย

ย้ำ "แม้ว" ตัวแทนทุนสามานย์

เหมือนวันนี้คนที่ออกมาสู้คือคนชั้นกลางทั้งนั้น มันมีความคล้ายระหว่างกระบวนการบารัคกับพธม. จอร์จได้รับเลือกตั้งในปี 2543 พ.ย. และรับตำแหน่ง ก.พ. 2544 ปีเดียวกับทักษิณ เห็นได้ชัดว่าทักษิณก็คือตัวแทนของทุนสามานย์ในไทยที่เชื่อมต่อทุนมสามานย์ของจอร์จ เป็นตัวแทนจริงๆ ทำไมทักษิณกับบุชถึงคุยกันรู้เรื่อง ชอบบอกบุชเพื่อนผม เพราะเขาเป็นมนุษย์พันธ์เดียวกัน

“บารัคไปที่ไหนมีแต่คนเข้ามาร่วมกันต่อสู้ การหาเสียงของเขามีผู้ที่เป็นอาสาสมัครมาช่วยหาเสียง 10 กว่าล้านคน ไม่มีเงินเดือนเหมือนกับพวกเราพันธมิตรที่ออกมาช่วยกันสู้โดยไม่มีเงินค่าจ้าง มีแต่ต้องเสียเงินให้กับกระบวนการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง” นายสนธิ กล่าว

เมื่อบารัคได้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 44 ของอเมริกา ประเทศแรกในโลกนี้ที่การเมืองจะต้องเปลี่ยนแปลงคือ ประเทศไทย ทำไมโลกทั้งโลก ขอแสดงความยินดี พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หวังว่าบทบาทของอเมริกจะเป็นบทบาทที่ดีต่อชาวโลก แสดงว่า ภาพพจน์ของอเมริกา 8 ปีของบุช ตกต่ำมากที่สุด ไม่ได้ต่างอะไรกับภาพพจน์ของไทยที่เรามีตำรวจฆ่าประชาชน ถูกสั่งโยนายกรัฐมนตรี และอดีตนายกถูกข้อหาคอรัปชั่นโกงชาติ หนีไปต่างประเทศ

นายสนธิ กล่าวต่อด้วยว่า บารัคและแมคเคน มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรา ที่อธิบายได้ เพราะบารัคไปทุกรัฐแล้วบอกประชาชนว่าคุณนิ่งเฉยไม่ได้ ไม่สนใจการเมืองไม่ได้ เพราะมันเกี่ยวพันกับคุณ ลูกหลานคุณ ไม่ต่างกับพวกเราทำครั้งนี้ก็เพื่อลูกหลานของเรา ทุกอย่างในขณะนี้ เป็นเรื่องของอนาคตของชาติทั้งสิ้น ชาติกำลังล่มสลาย เราต้องมาแก้ไข เราต้องไล่โจรออกจากบ้านเสียก่อน

อัดทหารหน่อมแน้ม

วันเดียวกัน ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล นายปานเทพ พงษ์พัวพันธุ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวแทนแกนนำพันธมิตรฯว่า มติของ 5 แกนนำพันธมิตรฯต่อสถานการณ์ความขัดแย้งภายในประเทศ ซึ่งในขณะนี้ได้พัฒนาจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองยกระดับไปเป็นปัญหาความมั่นคงระดับชาตินั้น แกนนำพันธมิตรฯต้องการให้ทหารออกมาทำตามหน้าที่ของตนเองตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งนี้ พันธมิตรฯไม่ได้เรียกร้องให้ทหารออกมาปฏิวัติหรือรัฐประหารแต่ให้รีบออกมายุติปัญหาที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงและความสงบของประเทศ

บี้ทหารจัดการ “เสธ.แดง”

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ออกมาขู่ว่าจะมีการดำเนินการร้ายแรงขึ้นเรื่อยโดยใช้ชื่อว่ากลุ่ม 47 โรนิน เป็นนักรบอิสระแทนการยุบของกลุ่มนักรบพระเจ้าตากในการต่อต้านพันธมิตรฯจนถึงการสังหารแกนนำพันธมิตรฯจะมีการเพิ่มการอารักขาแกนนำมากขึ้นหรือไม่

นายปานเทพ กล่าวว่า ข่าวการลอบสังหารแกนนำพันธมิตรฯมีมาอย่างต่อเนื่อง แต่พันธมิตรฯไม่มีอาวุธที่จะป้องกันตนเอง ดังนั้นเป็นหน้าที่ของทหารที่จะเข้ายุติปัญหาความรุนแรงที่จะเกิดกับแกนนำและผู้ชุมนุม ซึ่ง เสธ.แดง เป็นนายทหารประจำการ แต่กลับแสดงท่าทีข่มขู่ประชาชนออกมาอย่างต่อเนื่อง ผู้บังคับบัญชาจะต้องดำเนินการเอาผิดทางวินัยกับ เสธ.แดง ได้แล้ว หากปล่อยให้มาทำร้ายประชาชนถือว่าผู้บังคับบัญชามีความผิดฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ไปด้วย

ตำรวจรีบเร่งส่งฟ้อง "9 พันธมิตรฯ"

เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.ภูเบศร์ เส้นขาว รองผู้กำกับการ ( รอง ผกก.) สน.นางเลิ้ง พร้อมคณะ เข้าพบนายจำรัส อัตถสุริยานันท์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 เพื่อส่งมองสำนวนการสอบสวนและพยานหลักฐาน จำนวน 6 แฟ้ม 4 ลัง พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ,นายสนธิ ลิ้มทองกุล ,นายพิภพ ธงไชย ,นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ,นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ,นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงาน ,นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ,นายอมร อมรรัตนานนท์ และนายเทิดภูมิ ใจดี แนวร่วมพันธมิตรฯ ผู้ต้องหาที่ 1-9 รวม 3 ข้อหา

คือร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีการอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินตามประมวลกฎหมายอาญา 116 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี , มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ และเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกไปแต่ไม่เลิก มาตรา 215 และ 216 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ พล.ต.จำลอง กับพวกรวม 9 คน เดินทางมารายงานตัวต่ออัยการพร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ ขณะที่นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา , นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา และนายสาย อังกะเวคิน ส.ว.ระยอง เดินทางมาเพื่อใช้ตำแหน่ง ส.ว. ประกันตัว นายสนธิ , นายพิภพ , นายสมศักดิ์ , นายสมเกียรติ แกนนำพันธมิตร ฯ นายสุริยะใส ผู้ประสานงานพันธมิตร ฯ , นายอมร และนายเทิดภูมิ แนวร่วมพันธมิตร ฯ โดยอัยการพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ตีราคาประกันคนละ 100,000 บาท ส่วน พล.ต.จำลอง และนายไชยวัฒน์ อยู่ในอยู่ในอำนาจศาลแล้ว จึงไม่ต้องยื่นขอประกันตัว

ร้องอัยการขอความเป็นธรรม

ทั้งนี้ นายนิติธร ทนายความยังนายนิติธร ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 ในการสั่งคดีด้วย ซึ่งมีเนื้อหาสรุปว่า การที่พนักงานสอบสวนตั้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้งเก้าเล็งเห็นได้ถึงเจตนาที่จะกลั่นแกล้งให้ได้รับโทษทางอาญา ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่าพนักงานสอบสวน ได้สรุปสำนวนการสอบสวนโดยมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องในทุกข้อหาโดยเร่งรัด ไม่ให้โอกาสอย่างเพียงพอในการต่อสู้คดีทั้งที่ผู้ต้องหาทั้งเก้าเพิ่งได้ยื่นคำให้การเมื่อวันที่ 30 ต.ค.51และยังได้แสดงความประสงค์ที่จะให้การเพิ่มเติมอีก

ขณะที่เกณฑ์การวินิจฉัยมูลความผิดในการสั่งฟ้องของพนักงานสอบสวน ก็จะต้องมีเหตุผลสมควรเพียงพอที่จะนำผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญาเพื่อให้ศาลวินิจฉัยในชั้นสุดท้ายว่าผู้ต้องหากระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่อันเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ฯ พ.ศ.2550 มาตรา 39 และ 40 แต่การใช้ดุลยพินิจสั่งคดีของพนักงานสอบสวนเป็นไปตามอำเภอใจนอกขอบเขตความชอบด้วยกฎหมายที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงกับผู้ต้องหาทั้งเก้าโดยไม่ได้รับการเยียวยาตามกฎหมาย ดังนั้นผู้ต้องหาทั้งเก้า จึงจะขอนำเสนอพยานบุคคล พยานเอกสาร เพื่อประกอบการพิจารณาสั่งคดีของอัยการเพิ่มเติมที่จะรวบรวมเสนอรายละเอียดให้อัยการภายใน 30 วันนับแต่วันนี้ และหากอัยการต้องการจะตรวจสอบปากคำของผู้ต้องหาทั้งเก้า ก็พร้อมจะให้ความร่วมมือ

ตั้งข้อหากลั่นแกล้งแกนนำ

ภายหลัง นายนิติธร กล่าวว่า การตั้งข้อหาดังกล่าว เป็นไปเพื่อให้สอดรับกับการตั้งข้อหากบฎในการออกหมายจับที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการส่อให้เห็นว่ามีความพยายามที่จะใช้กระบวนการยุติธรรมกลั่นแกล้งให้แกนนำพันธมิตร ฯ ต้องได้รับโทษทางอาญา

ทั้งนี้ อัยการได้รับหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไว้เพื่อพิจารณาและนัดสั่งคดีในวันที่ 18 พ.ย.นี้ เวลา 10.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า แกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 9 คน เดินทางมาพร้อมกัน โดยมีคณะสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) นำโดยนายคำนูณ สิทธิสมาน ซึ่งคณะสมาชิกวุฒิสภาได้ยื่นประกันตัวแกนนำทั้ง 7 คนออกไป ยกเว้น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ที่อยู่ในอำนาจการควบคุมของศาลอาญาอยู่แล้ว

นักภาษาศาสตร์ชำแหละ "โฟนอินแม้ว"

ดร.อนันต์ เหล่าเลิศวรกุล อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในรายการ “รู้ทันประเทศไทย” เมื่อคืนวันที่ 4 พ.ย. ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ ได้โทรศัพท์เข้ามาในรายการ"ความจริงวันนี้สัญจร" โดยได้วิเคราะห์ข้อความ “เขาสั่งให้จำคุกผม 2 ปี พอผมไม่ไป อายุความ 10 ปี แสดงว่าเขาต้องการเอาผมไว้เมืองนอก 10 ปี” ว่า สิ่งที่น่าสนใจคือ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ระบุว่า “เขา” เป็นใคร การเลือกใช้สรรพนาม “เขา” โดยไม่บอกว่า เป็นคณะผู้พิพากษา คณะผู้ก่อการปฏิวัติ หรือ แกนนำพันธมิตรฯ เพื่อให้มันกำกวม

ส่วนการ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้คำว่า “เขาสั่งให้จำคุกผม” หมายถึง มีคนสั่งให้ใครอีกคนหนึ่งทำการจำคุกเขา ความจริง พ.ต.ท.ทักษิณผ่านกระบวนการทางศาลอย่างถูกต้อง และมีโอกาสโต้แย้งข้อกล่าวหา ซึ่งอัยการเป็นผู้ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณมีโอกาสชี้แจงในชั้นศาล เปิดโอกาสให้รับความยุติธรรม แต่ พ.ต.ท.ทักษิณไปปิดโอกาสตัวเองไม่มาตามนัดศาล ในที่สุดคณะผู้พิพากษามีคำตัดสิน

เช่นเดียวกับการที่ไม่ใช้คำว่าพิพากษา แต่ใช้คำว่า“สั่งจำคุก” เหมือนมีคนสั่งให้จำคุกเขา และใช้คำที่ดุเดือด คือคำว่า “ถึงจะโดนยัดเยียดคุก” แสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่รับผิดเลยในข้อกล่าวหา คิดว่าตัวเองบริสุทธิ์ ทั้งที่โดยปกติ ผู้ต้องหาไม่สามารถตัดสินได้ว่าตัวเองไม่ผิด แม้แต้โจทก์ก็ไม่สามารถตัดสินให้ผิดได้ คนที่ตัดสินคือคณะผู้พิพากษา แต่ พ.ต.ท.ทักษิณใช้คำว่ายัดเยียดคุก

ส่วนข้อความที่ว่า ถึงจะโดนยัดเยียดคุกแต่ก็เป็นอดีตนายกฯ ที่ห่วงบ้านห่วงเมืองและห่วงประชาชนเหมือนเดิมนั้น ดร.อนันต์ กล่าวว่า การเป็นอดีตนายกฯ ที่ห่วงชาติบ้านเมือง เป็นคนละเรื่องกับการเป็นผู้ที่ถูกพิพากษาให้จำคุก จะเอามาเชื่อมโยงกันไม่ได้ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณก็เอามาเชื่อมโยงกัน ราวกับว่าใครก็ตามที่เป็นอดีตนายกฯ ที่ห่วงชาติบ้านเมือง ห่วงประชาชน ไม่สมควรที่จะต้องคำพิพากษาให้จำคุก โดยที่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่พูดที่มาที่ไปว่าอะไรเป็นต้นเหตุให้นำไปสู่คำพิพากษานั้น ตัดตอนพูดแต่ตอนจบ
กำลังโหลดความคิดเห็น