บุรีรัมย์ – จังหวัดบุรีรัมย์เตรียมแผนพัฒนา “หมู่บ้านช้าง อ.สตึก” ชุมชนเลี้ยงช้างมาแต่บรรพบุรุษและเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของชาติไทย ให้เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เช่นเดียวกับหมู่บ้านช้างจ.สุรินทร์ เพื่อสร้างรายได้ให้ควาญช้าง ท้องถิ่นและลดปัญหานำช้างไปเร่ร่อน
นายนพวัชร สิงห์ศักดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า หมู่บ้านช้างใน ต.ท่าม่วง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เป็นหมู่บ้านที่เลี้ยงช้างมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ประกอบกับช้างเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของประเทศไทยที่ควรจะร่วมกันอนุรักษ์ไว้ และที่สำคัญนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ดังนั้น จังหวัดฯจึงมีแผนที่จะพัฒนาหมู่บ้านช้างที่ อ.สตึก ให้เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ให้เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดบุรีรัมย์เพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับหมู่บ้านช้างที่ จ.สุรินทร์
ทั้งนี้ จะเน้นการสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่ควาญช้าง เพื่อลดปัญหาการนำช้างออกไปเดินเร่ร่อนขายกล้วย อ้อย ในเขตกรุงเทพฯ ตามจังหวัดปริมณฑลและจังหวัดแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นปัญหาเรื้อรังมานาน เชื่อว่าหากมีการส่งเสริมพัฒนาอย่างจริงจังแล้วจะเป็นผลดีทั้งกับช้าง ผู้เลี้ยงช้าง และเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในท้องถิ่นในอีกทางหนึ่งด้วย
ด้านนายเหมา ทรัพย์มาก ผู้ใหญ่บ้าน บ.โพนเงิน ม.10 ต.ท่าม่วง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ปัจจุบันช้างเลี้ยงใน อ.สตึก มีทั้งหมดร่วม 100 เชือก แต่ขณะนี้เหลือในหมู่บ้านเพียงประมาณ 10 เชือกเท่านั้น ส่วนที่เหลือควาญช้างนำออกไปเดินเร่ร่อนขายกล้วย อ้อย ตามต่างจังหวัด และแสดงตามสวนสนุกหรือแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะใน จ.ชลบุรี เพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัวและซื้ออาหารให้ช้าง
นายเหมา กล่าวอีกว่า เห็นด้วยกับจังหวัดบุรีรัมย์ ที่จะมีการพัฒนาหมู่บ้านช้าง ต.ท่าม่วงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่หากเป็นไปได้ก็อยากจะให้จัดสถานที่ ให้ควาญช้างนำช้างไปบริการรับส่งนักท่องเที่ยวที่อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดบุรีรัมย์มากกว่า เพราะปกติก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมโบราณสถานอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว โดยเฉพาะช่วงเทศกาลจะเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ
พร้อมทั้งขอเรียกร้องให้ภาครัฐได้จ่ายเงินเดือนประจำให้แก่ควาญช้าง เหมือนกับหมู่บ้านช้างที่ จ.สุรินทร์ เพื่อให้ทั้งช้างและควาญช้างสามารถอยู่รอดได้ และเชื่อว่าจะเป็นการลดปัญหาช้างเร่ร่อนได้เป็นอย่างดี
“หากจะพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหรือโฮมสเตย์ในหมู่บ้านช้าง อ.สตึก เกรงว่าจะไม่ได้ผลเท่าที่ควรเพราะนักท่องเที่ยวอาจมาเที่ยวเฉพาะช่วงแรกๆ เท่านั้น จึงอยากให้ทางภาครัฐนำไปพิจารณาด้วย” นายเหมากล่าว และว่า
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาไม่เห็นภาครัฐจริงใจเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับผู้เลี้ยงช้าง จนล่าสุดได้เกิดเหตุการณ์สลดรถชนช้างเสียชีวิต ซึ่งสาเหตุก็เพราะในพื้นที่ไม่มีงานทำ ควาญช้างจึงจำเป็นต้องนำช้างออกไปเร่ร่อนเพื่อหารายได้